คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนจำนองต้องชำระหนี้ทั้งหมด ห้ามชำระบางส่วน ศาลฎีกาพิพากษากลับ
จำเลยในคดีนี้ได้เป็นโจทก์ฟ้องบังคับยึดทรัพย์จำนองรวมถึงทรัพย์พิพาทในคดีนี้ให้บริษัทส.ชำระหนี้จำนองโดยการขายทอดตลาดรวมทั้งทรัพย์พิพาทตามที่บริษัทส.เป็นลูกหนี้อยู่ดังนั้นเมื่อโจทก์อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทที่อาจจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทหากปล่อยให้จำเลยบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้ให้จำเลยแทนบริษัทส.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา230 หนี้จำนองที่บริษัทส.มีต่อจำเลยในคดีนี้ยังมีเหลืออยู่อีกจำนวน5,396,629.37บาทแต่มีทรัพย์จำนองเป็นประกันในการชำระหนี้ที่ดินพิพาทแปลงนี้เหลืออยู่เพียงแปลงเดียวการที่จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองจึงต้องเป็นการชำระหนี้ทั้งหมดที่บริษัทส. เป็นหนี้จำเลยอยู่คือจำนวน5,396,629.37บาทโจทก์จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียงจำนวน386,784.60บาทหาได้ไม่ทั้งนี้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา716และ717วรรคหนึ่งโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับไถ่ถอนจำนองจากโจทก์ต่ำกว่าหนี้ที่จำเลยเป็นเจ้าหนี้อยู่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4054/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์, การรอการลงโทษ, และการริบของกลาง: ศาลฎีกาแก้ไขโทษและสั่งริบเครื่องมือใช้ในการกระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักยางอะไหล่รถยนต์โดยใช้เครื่องมือถอดยางอะไหล่ของกลางในการกระทำผิด และขอให้ริบของกลางเครื่องมือดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดศาลมีอำนาจสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาโดยไม่มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องของกลางดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาให้ริบของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3987/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการวินิจฉัยประเด็นนอกคำขอและประเด็นนอกประเด็นพิพาทที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันก่อนเลิกสัญญาได้ต่อมาโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้จึงได้บอกเลิกสัญญาขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันก่อนเลิกสัญญาจำเลยให้การเพียงว่ามิได้ประพฤติผิดสัญญาโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไม่สุจริตและคดีโจทก์ขาดอายุความโดยคำให้การจำเลยมิได้โต้เถียงว่าค่าปรับเป็นรายวันตามที่โจทก์ฟ้องไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบประการใดเท่ากับยอมรับว่าค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญาในกรณีโจทก์บอกเลิกสัญญาด้วยเหตุจำเลยผิดสัญญาเป็นจำนวนตามที่โจทก์อ้างคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันเป็นจำนวนตามฟ้องได้หรือไม่ทั้งในการชี้สองสถานศาลก็ไม่ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อนี้ไว้และปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนการที่ศาลล่างทั้งสองหยิบยกขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่1และที่2บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์แล้วล้อมรั้วไม้ไผ่และได้โต้แย้งคัดค้านการรังวัดที่ดินของโจทก์เพื่อออกโฉนดที่ดินขอเรียกค่าเสียหายและให้รื้อถอนรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไปจำเลยที่1และที่2ให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ค.กับ ห. ครอบครองมาแล้วยกให้แก่จำเลยที่1และที่2ครอบครองต่อมาเป็นเวลากว่า20ปีแล้วเป็นการฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่เคลือบคลุม-ไม่เป็นฟ้องซ้อน-สิทธิในการอุทธรณ์ยุติ-ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง
ในการฟ้องเรียกให้จำเลยที่1ชำระเบี้ยประกันภัยที่จะต้องส่งมอบแก่โจทก์ตามสัญญาตัวแทนและให้จำเลยที่2ร่วมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันนั้นโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่ารถยนต์ที่รับประกันภัยแต่ละคันราคาเท่าใดจำนวนเบี้ยประกันภัยแต่ละคันเป็นเงินเท่าใดเพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณาไม่ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม คดีแรกโจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยที่1สั่งจ่ายมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าเบี้ยประกันภัยที่จำเลยที่1เก็บมาจากลูกค้าของโจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้บังคับจำเลยที่1ใช้เงินตามเช็คส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่1เป็นตัวแทนเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยจากลูกค้าของโจทก์แล้วไม่นำส่งให้โจทก์เป็นการฟ้องว่าจำเลยที่1ผิดสัญญาตัวแทนไม่นำส่งเบี้ยประกันภัยที่เรียกเก็บจากลูกค้าให้โจทก์สภาพแห่งข้อหาของทั้งสองคดีต่างกันแม้มูลหนี้จะสืบเนื่องมาจากเบี้ยประกันภัยเช่นเดียวกันก็ตามฟ้องโจทก์คดีนี้ก็ไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้นำสืบต้นฉบับเอกสารต้องห้ามมิให้รับฟังจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยค้างส่งเบี้ยประกันภัยนั้นในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้ค้างส่งเบี้ยประกันภัยแก่โจทก์ตามฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ประเด็นข้อนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยไม่มีสิทธิยกขึ้นในชั้นฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราดอกเบี้ยในสัญญากู้เงินและจำนองไม่ใช่เบี้ยปรับ ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาให้ใช้อัตราดอกเบี้ยตามสัญญา
เบี้ยปรับคือสัญญาซึ่งลูกหนี้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรแต่ตามสัญญากู้เงินหรือสัญญาจำนองกำหนดให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้แม้จำเลยผู้เป็นลูกหนี้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ดังนี้ข้อสัญญาที่กำหนดในเรื่องดอกเบี้ยดังกล่าวจึงมิใช่เบี้ยปรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัญญากู้ ไม่ใช่เบี้ยปรับ ศาลฎีกายืนตามสัญญาเดิม
ข้อตกลงในสัญญากู้เงินที่ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดแม้ผู้กู้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่ข้อตกลงที่เป็นเบี้ยปรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายและครอบครองยาเสพติด (เฮโรอีน, กัญชา) เสพยาเสพติด ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษจำเลย
คดีที่มีความผิดซึ่งต้องสืบพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176เมื่อโจทก์สืบพยานแล้วข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยที่1และหรือที่2ไม่ได้กระทำความผิดศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้ส่วนความผิดฐานอื่นซึ่งศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพนั้นเมื่อปรากฎว่าจำเลยที่1และหรือที่2ไม่ได้กระทำความผิดฐานนี้ศาลก็ย่อมมีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่1และหรือที่2ได้ด้วยเช่นกัน แม้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่าจำเลยที่1จำหน่ายเฮโรอีนและกัญชาให้แก่ผู้อื่นตามฟ้องซึ่งเป็นความผิดคนละกรรมกันแต่เมื่อศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่1ฐานจำหน่ายกัญชาและโจทก์มิได้อุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่1ในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทจำกัด ประเด็นสัญญาซ่อมรถไม่ถูกยกขึ้นพิจารณา ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยตกลงกับโจทก์ว่าจะจัดซ่อมรถให้เสร็จภายใน20วันนับแต่วันเกิดเหตุแต่จำเลยซ่อมไม่เสร็จโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาการซ่อมและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ทำการซ่อมรถยนต์ให้เป็นที่เรียบร้อยใช้การได้ดีเหมือนเดิมเป็นการปฎิบัติตามเงื่อนไขในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยครบถ้วนไม่ได้ผิดสัญญาซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เฉพาะว่าจำเลยได้ปฎิบัติผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยโดยไม่จัดซ่อมรถคันพิพาทให้แก่โจทก์หรือไม่เท่ากันมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ซ่อมรถให้เสร็จภายใน20วันนับแต่วันเกิดเหตุตามที่ตกลงกับโจทก์ไว้ด้วยคำสั่งของศาลชั้นต้นในการชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาโจทก์มิได้โต้แย้งไว้ประเด็นข้อพิพาทจึงยุติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดโจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226เมื่อไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาซ่อมรถกับโจทก์หรือไม่จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายในส่วนที่เกี่ยวกับค่ารถแท็กซี่ที่โจทก์ฟ้องเรียกโดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาซ่อมรถ โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันภัยมิใช่เป็นการฟ้องในมูลละเมิดโจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยนับแต่วันเกิดเหตุเมื่อจำเลยผิดสัญญาประกันภัยและเป็นกรณีที่เวลาอันจะพึงชำระหนี้มิได้กำหนดลงไว้แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา203วรรคหนึ่งโจทก์จะมีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยพลันก็ตามแต่เมื่อไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้ซ่อมรถและเรียกให้จำเลยชำระหนี้เมื่อใดศาลก็ชอบที่จะกำหนดให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องได้ โจทก์เรียกค่าเสียหายในส่วนที่จำเลยซ่อมรถล่าช้าทำให้ราคารถยนต์ต่ำลงเนื่องจากรัฐบาลประกาศลดการเก็บภาษีรถยนต์นั้นเป็นการอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาซ่อมรถไม่เสร็จภายในกำหนดเมื่อไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาซ่อมรถกับโจทก์หรือไม่จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายในส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2822/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย & การทำละเมิด: ฟ้องแย้งเกี่ยวเนื่องกับสัญญาเดิม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิม
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทและมีข้อสัญญาว่าจำเลยยอมให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทนับแต่วันทำสัญญา การที่โจทก์ไถหน้าดินของจำเลย ออกไปถมที่ดินของโจทก์เป็นการทำละเมิดต่อจำเลยตามฟ้องแย้งอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขายและการที่จำเลยยอมให้โจทก์เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินถือว่าฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
of 344