คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โมฆะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน: ไม่ใช่โมฆะ หากมีเจตนาทำสัญญาและดำเนินการจดทะเบียน
ฎีกาที่ว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นโมฆะเสียเปล่า จะฟ้องร้องบังคับมิได้นั้น เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และมิได้ยกขึ้นว่าในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินกัน โดยตกลงกันว่าจำเลยจะจัดการโอนกรรมสิทธิ์ภายในกำหนด 3 เดือน จำเลยผิดสัญญาไม่ไปจัดการจดทะเบียนให้ตามกำหนด โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ไปจัดการจดทะเบียน ดังนี้ สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยหาตกเป็นโมฆะไม่ เพราะอยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยประเด็นโมฆะของสัญญาขายฝาก: ศาลวินิจฉัยตามประเด็นที่ท้ากัน
โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลชี้ขาดว่าสัญญาขายฝากที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นโมฆะหรือไม่ คำว่าสัญญาขายฝากย่อมหมายความรวมถึงข้อความทั้งหลายในสัญญานั้น เมื่อในสัญญาดังกล่าวมีข้อความว่าจะนำสัญญาไปจดทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ ศาลจึงวินิจฉัยชี้ขาดว่าสัญญานั้นเป็นสัญญาจะขายฝาก ไม่เป็นโมฆะ ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยตามประเด็นที่ท้ากันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ทำขึ้นโดยรู้ว่าทรัพย์สินกำลังถูกบังคับคดียึดขายทอดตลาด ถือเป็นการฉ้อฉล สัญญาเป็นโมฆะ
ท.เป็นเจ้าของที่ดินและตึกพิพาทซึ่งจำนองไว้แก่ ช. จำเลยรู้ดีว่า ช. กับ ท. กำลังเป็นความกันอยู่และศาลได้พิพากษาให้ ท.ไถ่ถอนจำนองที่ดินและตึกพิพาท ควรจะรู้แล้วว่าหาก ท.ไม่จัดการไถ่ถอนที่ดินและตึกพิพาทอาจจะต้องถูกยึดขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้จำนองแก่ ช. จำเลยก็ยังทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับ ท. มีกำหนด 8 ปี โดยจดทะเบียนซึ่งควรรู้ไดว่าจะก่อให้เกิดภาระผูกพันแก่ตึกพิพาทในเมื่อ ท.ไม่สามารถชำระหนี้จำนองและอาจมีการขายทอดตลาดซึ่งย่อมทำให้ผู้ซื้อเสียเปรียบ ครั้นเมื่อ ท.ไม่ชำระหนี้จำนอง ศาลจึงบังคับคดียึดที่ดินและตึกพิพาทขายทอดตลาด โจทก์เป็นผู้ซื้อได้โดยไม่รู้ว่าตึกพิพาทมีสัญญาเช่าผูกพันอยู่ พฤติการณ์ของ ท.กับจำเลยถือได้ว่า ท.กับจำเลยสมยอมกันทำสัญญาเช่าตึกพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทางให้บุคคลที่อาจประมูลซื้อตึกพิพาทในภายหลังเสียเปรียบ เป็นการฉ้อฉล แม้โจทก์จะประมูลซื้อตึกพิพาทในภายหลัง ก็ถือได้ว่าเป็นเจ้าหนี้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 237 สัญญาเช่านั้นจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยให้การแต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่ได้บรรยายว่าเคลือบคลุมอย่างไร เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 จำเลยโต้แย้งขึ้นมาในชั้นแก้ฎีกา จึงไม่เป็นประเด็นต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้คิดดอกเบี้ยเกินอัตรา: ดอกเบี้ยเป็นโมฆะ แต่ใช้เป็นหลักฐานการกู้ได้
หนังสือกู้ลงจำนวนเงินรวมดอกเบี้ยเกินอัตราเข้าด้วยตกเป็นโมฆะเฉพาะดอกเบี้ยที่เกินอัตราแต่ใช้เป็นหลักฐานการกู้ฟ้องบังคับให้ใช้เงินต้นที่กู้กันจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้จำนองด้วยการโอนทรัพย์สิน: นิติกรรมไม่เป็นโมฆะ แม้มิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นต้น
แม้ข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยจะมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ปัญหาที่ว่า นิติกรรมเป็นโมฆะหรือไม่ นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจำเลยยกขึ้นอ้างอิงฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรค 2
จำเลยโอนสวนยางรายพิพาทตีใช้หนี้จำนองที่สามีของจำเลยติดค้างโจทก์อยู่ เป็นการชำระหนี้จำนองแก่กันให้เสร็จสิ้นไปไม่ตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมฉบับหลังโมฆะ พินัยกรรมเดิมยังใช้บังคับได้ แม้มีการแสดงเจตนาจะทำพินัยกรรมใหม่
ต.ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองทั้งต้นฉบับและคู่ฉบับรวมสามฉบับ เก็บต้นฉบับไว้ณที่ว่าการอำเภอหนึ่งฉบับ คู่ฉบับมอบให้บุคคลอื่นเก็บไว้ ต่อมาต. ขอต้นฉบับที่เก็บไว้ณ ที่ว่าการอำเภอคืนมาเก็บไว้เอง โดยมิได้กระทำการใดๆที่เห็นได้ว่าเป็นการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมฉบับนั้นกับคู่ฉบับอีกสองฉบับ และได้ร่างพินัยกรรมขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่ง แต่ ต.และพยานยังมิได้ลงลายมือชื่อ ดังนี้ แม้การกระทำดังกล่าวจะเป็นการแสดงเจตนาของ ต ว่าจะทำพินัยกรรมฉบับใหม่และจะไม่ใช้พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองฉบับเดิมก็ตาม แต่พินัยกรรมฉบับหลังได้ทำขึ้นโดยมีรายการไม่ครบถ้วน เพราะต.และพยานยังมิได้ลงลายมือชื่อไว้ ย่อมเป็นโมฆะ ไม่มีผลเพิกถอนพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองฉบับเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2701-2702/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน สัญญาเช่าโมฆะ สิทธิเรียกร้องค่าเช่าไม่มี
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเช่ากับค่าเสียหายจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินที่โจทก์ฟ้องเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินปรากฏว่าโจทก์ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินรายพิพาท บัดนี้คดีนั้นถึงที่สุดแล้ว ศาลพิพากษาให้ขับไล่คดีนี้ออกจากที่พิพาทโดยวินิจฉัยว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินคำชี้ขาดเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของรัฐอันถึงที่สุดแล้วย่อมปิดปากโจทก์มิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่น เมื่อที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่โจทก์นำที่พิพาทมาให้จำเลยเช่าสัญญาเช่าจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่หรือเรียกเอาค่าเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าตกเป็นโมฆะจากความสำคัญผิดในสิ่งสารสำคัญ ผู้ให้เช่าไม่มีอำนาจในทรัพย์สิน
โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505ซึ่งโจทก์ก็รู้ดีแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจที่จะให้ผู้อื่นเช่าตึกพิพาทนี้ได้ดังนั้น การที่โจทก์กับจำเลยทำหนังสือสัญญาหมาย จ.2 เมื่อพ.ศ. 2513 ความว่า จำเลยยอมออกไปจากตึกพิพาททั้งที่โจทก์รู้ดีว่าตึกพิพาทไม่ใช่ของตนและปกปิดความจริงไว้ เช่นนี้เป็นพฤติการณ์ที่ฟังได้ว่าการทำสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะจำเลยสำคัญผิดในสิ่งสารสำคัญว่าตึกพิพาทที่จำเลยเช่าอยู่นั้นยังเป็นของโจทก์อยู่หากจำเลยรู้ความจริงนี้แล้วจำเลยย่อมจะไม่ทำสัญญากับโจทก์สัญญาดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าโมฆะจากความสำคัญผิดในสาระสำคัญ ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิขับไล่
โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505ซึ่งโจทก์ก็รู้ดีแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจที่จะให้ ผู้อื่นเช่าตึกพิพาทนี้ได้ดังนั้น การที่โจทก์กับจำเลยทำหนังสือสัญญาหมาย จ.2 เมื่อ พ.ศ. 2513 ความว่า จำเลยยอมออกไปจากตึกพิพาททั้งที่โจทก์รู้ดีว่าตึกพิพาทไม่ใช่ของตนและปกปิดความจริงไว้ เช่นนี้เป็นพฤติการณ์ที่ฟังได้ว่าการทำสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะจำเลยสำคัญผิดในสิ่งสารสำคัญว่าตึกพิพาทที่จำเลยเช่าอยู่นั้นยังเป็นของโจทก์อยู่ หากจำเลยรู้ความจริงนี้แล้ว จำเลยย่อมจะไม่ทำสัญญากับโจทก์สัญญาดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะเนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนโอน และสิทธิในการเรียกเงินคืน
เมื่อข้อความในสัญญาแสดงถึงเจตนาของคู่สัญญาโดยชัดแจ้งว่ามุ่งประสงค์ต่อการซื้อขายที่ดินระหว่างกันเด็ดขาด ไม่มีความตอนใดแสดงให้เห็นถึงเจตนาว่าจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินกันในภายหลัง กล่าวคือคู่สัญญาตกลงซื้อขายที่ดินกันเอง โดยมิได้คำนึงถึงการแบ่งแยกโฉนดและจดทะเบียนโอนที่ดินต่อกันแต่ประการใดกรณีเช่นนี้ ย่อมเป็นผลให้สัญญาดังกล่าวตกเป็นโมฆะเสียเปล่าไปและเมื่อสัญญาซื้อขายตกเป็นโมฆะ เงินราคาที่ดินซึ่งผู้ซื้อชำระต่อกันไปเสร็จแล้ว ผู้ซื้อชอบที่จะเรียกร้องเอาคืนจากผู้ขายได้ในฐานลาภมิควรได้ แต่ผู้ซื้อหามีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายใด ๆ จากผู้ขายได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นผลจากการผิดสัญญา
of 132