คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะ: การโต้เถียงก่อนการทำร้ายร่างกายไม่ถือเป็นการถูกข่มเหงร้ายแรง
จำเลยกล่าวดูหมิ่นผู้ตายต่อหน้าบุคคลอื่นขึ้นก่อนวันลักวัว และห้ามมิให้จำเลยลักวัวพวกจำเลยอีก การที่ผู้ตายกล่าวได้ตอบเพื่อแก้หน้าขึ้นบ้าง "มึงห้ามกูก็ไม่ฟัง แต่น้องสาวมึง กูก็จะเย็ดอยู่" จึงเป็นการโต้ตอบเพื่อล้างความอายและถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยซึ่งมีน้องสาวโกรธขึ้นมา จึงฟันผู้ตายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1277/2487)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2318/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการทำร้ายร่างกาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำเลย
จำเลยมีปืนลูกซองและกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ทำหายเสียก่อน กฎหมายยกเว้นโทษระหว่างฎีกา จึงไม่มีปืนไปขอรับอนุญาต จำเลยไม่ได้รับยกเว้นโทษ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 3 เดือน กับฐานทำร้ายร่างกาย จำคุก 4 ปี รวม 4 ปี 3 เดือนเพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็น 5 ปี 8 เดือน ไม่มีผู้ใดอุทธรณ์ในฐานมีอาวุธปืน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้เพิ่มโทษก่อนลดโทษ ทั้งในฐานทำร้ายร่างกายและฐานมีอาวุธปืนด้วยก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ตีเพียงครั้งเดียว หากเป็นการทำร้ายร่างกายส่วนสำคัญจนถึงแก่ความตาย และไม่อาจอ้างป้องกันตัวหรือบันดาลโทสะได้
เมื่อผู้ตายล้มลงและจอบหลุดจากมือ ผู้ตายไม่อาจจะทำร้ายจำเลยได้ การที่จำเลยได้ใช้จอบของผู้ตายตีผู้ตายขณะล้มนอนอยู่ จนกะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าตีโดยแรง แม้ตีเพียง 1 ที ก็ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จะอ้างว่ากระทำเพื่อเป็นการป้องกันตัวไม่ได้
จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปใช้ในนาของจำเลย เมื่อผู้ตายมาด่าและท้าจำเลย จำเลยทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จะอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเกิดอันตรายแก่กาย, บทลงโทษ และการแก้ไขคำพิพากษา
ผู้เสียหายถูกกระทืบล้มลงมีแผลรอยเขียวช้ำบวมแดงที่เหนือเอวขวา รักษาหายใน 12 วัน เป็นอันตรายแก่กายตามมาตรา 295
ศาลชั้นต้นปรับ 100 บาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 3 เดือน ปรับ 100 บาท ตามมาตรา 295 รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ดังนี้ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 8) พ.ศ.2517 มาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องจนผู้เสียหายเกือบเสียชีวิต ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่าหากไม่มีพฤติการณ์บ่งชี้
จำเลยเตะผู้เสียหาย 2 ที แล้วตบ 2 ที ผู้เสียหายล้มลงในนาซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 1 ศอก จำเลยเอามือกดศีรษะผู้เสียหายลงในน้ำประมาณ 1 อึดใจ มีคนอื่นมาช่วยแยกคนทั้งสองออกจากกัน และดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว ต่อมาประมาณ 1 นาทีจึงรู้สึกตัวถ้าไม่ดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายก็คงตาย แต่ได้ความว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหายมาก่อน เหตุเกิดขึ้นเนื่องจากได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับจ้างทำนา การตบเตะและกดศีรษะลงในน้ำเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน การกดน้ำเป็นการกระทำต่อเนื่องจากการตบเตะ และจำเลยมีมีดอยู่ก็มิได้ใช้มีดทำร้าย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การกระทำต่อเนื่องจากการทำร้ายร่างกาย ไม่พอฟังว่ามีเจตนาฆ่า
จำเลยเตะผู้เสียหาย 2 ที แล้วตบ 2 ที ผู้เสียหายล้มลงในนาซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 1 ศอก จำเลยเอามือกดศีรษะผู้เสียหายลงในน้ำประมาณ 1 อึดใจ มีคนอื่นมาช่วยแยกคนทั้งสองออกจากกัน และดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว ต่อมาประมาณ 1 นาทีจึงรู้สึกตัวถ้าไม่ดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายก็คงตาย แต่ได้ความว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหายมาก่อน เหตุเกิดขึ้นเนื่องจากได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับจ้างทำนา การตบเตะและกดศีรษะลงในน้ำเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน การกดน้ำเป็นการกระทำต่อเนื่องจากการตบเตะ และจำเลยมีมีดอยู่ก็มิได้ใช้มีดทำร้าย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การต่อสู้และการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ผู้ตายเมาสุรามาด่าจำเลยโดยไม่ออกชื่อ แล้วเข้าบ้านไปถือมีดดาบมาท้าทายจำเลยอีก จำเลยถือไม้ไผ่ด้ามพลั่วอันหนึ่งเดินไปหาผู้ตาย ต่างพูดท้าทายกัน แล้วผู้ตายใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อน จำเลยหลบทันและล้มลงยังพื้นดินแล้วจำเลยลุกขึ้นใช้ไม้ไผ่ที่ถือมานั้นตีผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่จำเลยถือไม้เดินไปหาผู้ตาย เป็นการแสดงความสมัครใจจะต่อสู้กับผู้ตาย จำเลยจะอ้างการป้องกันไม่ได้ แต่การที่ผู้ตายมาด่าจำเลย แล้วกลับไปเอามีดดาบมาท้าทายจำเลยอีก และยังเป็นฝ่ายลงมือฟันจำเลยก่อนด้วย เช่นนี้ เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ต้องถือว่าที่จำเลยตีผู้ตายไปในขณะนั้น เป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนในการสู่ขอ, การโอนกรรมสิทธิ์เรือน, เหตุหย่าจากการหมิ่นประมาทและการทำร้ายร่างกาย
จำเลยที่ 1 กับที่ 2 เป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 3 ได้สู่ขอโจทก์ให้เป็นภรรยาจำเลยที่ 3 ในการสู่ขอนั้นจำเลยที่ 1 กับที่ 2 ได้ตกลงจะยกที่นา 10 ไร่ให้โจทก์ เป็นการตอบแทนการที่โจทก์ยอมสมรสกับจำเลยที่ 3 จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งใช้บังคับกันได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 295/2491)
หลังจากโจทก์กับจำเลยที่ 3 สมรสกันแล้ว จำเลยที่1 กับที่ 2 ได้ปลูกเรือนพิพาทโดยเจตนาจะยกให้โจทก์กับจำเลยที่ 3 แต่มิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ยกให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 เรือนพิพาทจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 กับที่ 2 อยู่
จำเลยที่ 3 ด่าโจทก์และมารดาโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคายเตะและตบทำร้ายร่างกายโจทก์ หมิ่นประมาทโจทก์ว่ามีชู้บุตรที่เกิดก็ว่าเกิดกับชู้ หมิ่นประมาทมารดาโจทก์ว่าเป็นหญิงสำส่อนให้ชาวบ้านร่วมประเวณี อันเป็นการหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย: ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตราย
จำเลยกับผู้เสียหายต่างเมาสุราเดินมาด้วยกัน และพูดผิดใจกันด้วยเรื่องเล็กน้อย จำเลยได้ใช้สันขวานหนา 1.85 เซนติเมตร กว้าง 4 เซนติเมตร ตีหน้าผากผู้เสียหายจนสลบไปชั่วครู่ กะโหลกศีรษะเพียงแต่ยุบนิด ๆ รักษาประมาณ 15 วันหาย แสดงว่าจำเลยตีไม่แรงนัก ตีแล้วก็หนีไปมิได้ตีซ้ำเติมอีก ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยถูกกล่าวหาฆ่า แต่ศาลยกฟ้องข้อหาฆ่า มอบโทษฐานทำร้ายร่างกายแทน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยฟันศีรษะผู้ตายหนึ่งที ผู้ตายวิ่งหนีไป แล้ว พ. กับพวกไล่ตามไปทำร้ายถึงแก่ความตาย จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าบาดแผลของผู้ตายที่ศีรษะถึงอันตรายสาหัส พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 297, 83 โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย ส่วนข้อที่ว่าจำเลยฟันศีรษะผู้ตาย พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนัก พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ดังนี้ ข้อหาเรื่องฆ่าคนเป็นอันถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 คงฎีกาได้เฉพาะข้อหาความผิดต่อร่างกาย
of 184