พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบไม่ตรงประเด็นฟ้อง ทำให้โจทก์ไม่ชนะคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย บัดนี้จำเลยกลับเอาที่พิพาทไปขายคนอื่นจึงขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียแต่นำสืบว่าโจทก์ช่วยออกเงินให้จำเลยซื้อที่ดินมาจากลูกสะใภ้ แล้วจำเลยแบ่งที่พิพาทให้โจทก์ครอบครองเช่นนี้ เป็นเรื่องนำสืบไม่ตรงกับประเด็นในฟ้อง โจทก์จึงไม่ควรชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ฎีกาเฉพาะจำเลยบางราย และไม่สามารถส่งสำเนาฟ้องฎีกาให้จำเลยได้
เมื่อส่งสำนวนฟ้องฎีกาให้จำเลยไม่ได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในคดีซึ่งศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย, การถอนฟ้อง, คืนเงินมัดจำ: โจทก์มีสิทธิแม้ใช้เงินผู้อื่นซื้อ
ผู้ซื้อเอาเงินของผู้อื่นมาซื้อตึกจากผู้ขาย ผู้ซื้อย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องผู้ขายในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาจะซื้อขายนั้นได้
โจทย์ฟ้องขอให้+ทำนิติกรรมขายตึกระหว่างจำเลยที่ 1-2 กับจำเลยที่ 3 และให้โอนตึกพิพาทให้แก่โจทก์ ถ้าโอนกรรมสิทธิไม่ได้ก็ขอให้จำเลยใช้เงินมัดจำคืน เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 เสีย และขอถอนคำขอท้ายฟ้องเรื่องที่จะขอให้ทำลายนิติกรรม การซื้อขายและคำขอให้โอนตึกเสีย ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1-2 ทราบเพราะจำเลยที่ 1-2 ต้องรับผิดในเรื่องคืนเงินมัดจำและดอกเบี้ย
โจทย์ฟ้องขอให้+ทำนิติกรรมขายตึกระหว่างจำเลยที่ 1-2 กับจำเลยที่ 3 และให้โอนตึกพิพาทให้แก่โจทก์ ถ้าโอนกรรมสิทธิไม่ได้ก็ขอให้จำเลยใช้เงินมัดจำคืน เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 เสีย และขอถอนคำขอท้ายฟ้องเรื่องที่จะขอให้ทำลายนิติกรรม การซื้อขายและคำขอให้โอนตึกเสีย ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1-2 ทราบเพราะจำเลยที่ 1-2 ต้องรับผิดในเรื่องคืนเงินมัดจำและดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการแต่งตั้งอัยการผู้ช่วยศาลทหาร และอำนาจการเป็นโจทก์เมื่ออัยการเป็นพยาน
คำสั่งที่ปลัดกระทรวงกลาโหมลงนามแต่งตั้งอัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ โดยวิธีคำสั่งรัฐมนตรีนั้นเป็นคำสั่งรัฐมนตรีตั้ง หาใช่ปลัดกระทรวงตั้งไม่ จึงชอบด้วย พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร ม. 79
เมื่ออัยการศาลทหารกรุงเทพฯเป็นพยานในคดีใด ซึ่งต้องห้ามมิให้เป็นโจทก์ตาม พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหารมาตรา 85(2) อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ จึงมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้นได้ หาขัดต่อ พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร ม.80 ไม่
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลทหารกลางแล้วให้ศาลทหารกลางวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
เมื่ออัยการศาลทหารกรุงเทพฯเป็นพยานในคดีใด ซึ่งต้องห้ามมิให้เป็นโจทก์ตาม พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหารมาตรา 85(2) อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ จึงมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้นได้ หาขัดต่อ พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร ม.80 ไม่
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลทหารกลางแล้วให้ศาลทหารกลางวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์เตรียมพยาน – ศาลไม่เลื่อนนัดแม้ทนายป่วย – พิพากษายกฟ้อง
ตามกระบวนพิจารณาเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องปฏิบัติการตามกฎหมายเพื่อให้ได้พยานมาให้ศาลสืบในวันเวลากำหนดนัด
คดีอาญา ศาลได้นัดพิจารณาและกำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การในวันนัดครั้นถึงวันนัดโจทก์กลับว่าเข้าใจว่าเป็นวันนัดชี้สองสถานโจทก์จึงไม่ระบุพยานและขอหมาย ทั้งทนายโจทก์ป่วย ขอเลื่อนสืบจำเลยคัดค้าน ดังนี้ศาลไม่
อนุญาตให้เลื่อนและพิพากษายกฟ้องโดยถือว่า โจทก์ไม่มีพยานสืบให้สมฟ้องได้
คดีอาญา ศาลได้นัดพิจารณาและกำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การในวันนัดครั้นถึงวันนัดโจทก์กลับว่าเข้าใจว่าเป็นวันนัดชี้สองสถานโจทก์จึงไม่ระบุพยานและขอหมาย ทั้งทนายโจทก์ป่วย ขอเลื่อนสืบจำเลยคัดค้าน ดังนี้ศาลไม่
อนุญาตให้เลื่อนและพิพากษายกฟ้องโดยถือว่า โจทก์ไม่มีพยานสืบให้สมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์ในการเตรียมพยาน – การไม่เตรียมพยานทำให้ศาลยกฟ้องได้
ตามกระบวนพิจารณาเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องปฏิบัติการตามกฎหมายเพื่อให้ได้พยานมาให้ศาลสืบในวันเวลากำหนดนัด
คดีอาญา ศาลได้นัดพิจารณาและกำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การในวันนัด ครั้นถึงวันนัดโจทก์กลับแถลงว่าเข้าใจว่าเป็นวันนัดชี้สองสถานโจทก์จึงไม่ระบุพยานและขอหมาย ทั้งทนายโจทก์ป่วย ขอเลื่อนสืบจำเลยคัดค้าน ดังนี้ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนและพิพากษายกฟ้องโดยถือว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้สมฟ้องได้
คดีอาญา ศาลได้นัดพิจารณาและกำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การในวันนัด ครั้นถึงวันนัดโจทก์กลับแถลงว่าเข้าใจว่าเป็นวันนัดชี้สองสถานโจทก์จึงไม่ระบุพยานและขอหมาย ทั้งทนายโจทก์ป่วย ขอเลื่อนสืบจำเลยคัดค้าน ดังนี้ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนและพิพากษายกฟ้องโดยถือว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้สมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78-85/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีซื้อขายฝิ่น: โจทก์ไม่ใช่พ่อค้า ต้องใช้บังคับอายุความ 10 ปี
คำว่า"พ่อค้า" ย่อมเป็นที่เข้าใจกันทั่ว ๆ ไปว่า ผู้ที่ประกอบกิจการค้าเป็นปกติ มิใช่ว่า ถ้าผู้ใดกระทำการค้าเพียงชั่วครั้งคราวก็ถือว่าเป็นพ่อค้า
กระทรวงการคลังต้องการฝิ่นเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งให้มีอำนาจจัดซื้อฝิ่นจากเอกชนทั่วไปในภาคเหนือ ในการจัดหาซื้อฝิ่นนี้ เจ้าหน้าที่ได้ออกใบคุ้มครองกำหนดเขตที่จะไปหาฝิ่นให้ เมื่อได้ฝิ่นมาแล้ว จะนำไปขายแก่ผู้อื่นหรือใช้เองไม่ได้ ต้องขายแก่คณะกรรมการ ดังนี้จะเห็นได้ว่าพวกที่เข้าทำสัญญารับจะหาซื้อฝิ่นให้แก่คณะกรรมการนั้น เป็นการกระทำชั่วครั้งคราว มิได้เป็นการยั่งยืนดังลักษณะของพ่อค้าแต่อย่างใด ยิ่งเป็นเรื่องซื้อขายฝิ่นซึ่งตามปกติจะกระทำมิได้ เพราะกฎหมายห้าม ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่าจะถือว่าพวกเหล่านี้เป็นพ่อค้าไม่ได้ แม้จะปรากฎว่าบางคนได้จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งร้านขายยาหรือทำป่าไม้ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพ่อค้าขายฝิ่นรายนั้น ฉนั้นการที่พวกขายฝิ่นแก่คณะกรรมการจะฟ้องเรียกราคาฝิ่นจากคณะกรรมการหรือกระทรวงการคลัง จึงต้องถืออายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาฝิ่น แต่ดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีให้จำเลยใช้ตั้งแต่วันฟังคำพิพากษาฎีกาเพราะมีกรณีมัวหมองระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย มิใช่จำเลยตระขัดสิน.
กระทรวงการคลังต้องการฝิ่นเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งให้มีอำนาจจัดซื้อฝิ่นจากเอกชนทั่วไปในภาคเหนือ ในการจัดหาซื้อฝิ่นนี้ เจ้าหน้าที่ได้ออกใบคุ้มครองกำหนดเขตที่จะไปหาฝิ่นให้ เมื่อได้ฝิ่นมาแล้ว จะนำไปขายแก่ผู้อื่นหรือใช้เองไม่ได้ ต้องขายแก่คณะกรรมการ ดังนี้จะเห็นได้ว่าพวกที่เข้าทำสัญญารับจะหาซื้อฝิ่นให้แก่คณะกรรมการนั้น เป็นการกระทำชั่วครั้งคราว มิได้เป็นการยั่งยืนดังลักษณะของพ่อค้าแต่อย่างใด ยิ่งเป็นเรื่องซื้อขายฝิ่นซึ่งตามปกติจะกระทำมิได้ เพราะกฎหมายห้าม ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่าจะถือว่าพวกเหล่านี้เป็นพ่อค้าไม่ได้ แม้จะปรากฎว่าบางคนได้จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งร้านขายยาหรือทำป่าไม้ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพ่อค้าขายฝิ่นรายนั้น ฉนั้นการที่พวกขายฝิ่นแก่คณะกรรมการจะฟ้องเรียกราคาฝิ่นจากคณะกรรมการหรือกระทรวงการคลัง จึงต้องถืออายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาฝิ่น แต่ดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีให้จำเลยใช้ตั้งแต่วันฟังคำพิพากษาฎีกาเพราะมีกรณีมัวหมองระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย มิใช่จำเลยตระขัดสิน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ขาดนัด
ในคดีอาญาที่ศาลยกฟ้องเพราะโจทก์ขาดนัดไม่มาศาลตามนัดนั้น โจทก์จะฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันนั้น อีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ขาดนัด
ในคดีอาญาที่ศาลยกฟ้องเพราะโจทก์ขาดนัดไม่มาศาลตามนัดนั้น โจทก์จะฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันนั้น อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในสวนยางเป็นประกันหนี้: ศาลยืนตามศาลล่าง หากสละสิทธิแล้วโจทก์หมดสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า ได้กู้เงินจำเลยไปและมอบสวนยางให้จำเลยเป็นประกัน บัดนี้จำเลยไม่ยอมให้ไถ่สวนยางคืน แต่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิในสวนยางรายนั้นให้แก่จำเลยแล้วประเด็นในคดีจึงมีว่า โจทก์ได้สละสิทธิในสวนยางรายนี้ให้แก่จำเลยแล้วหรือไม่ การที่จำเลยจะเป็นคนต่างด้าวหรือไม่จะได้สิทธิในสวนยางตาม พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวเพียงไรหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเมื่อปรากฏว่าโจทก์สละสิทธิในสวนยางให้จำเลยแล้ว โจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะมาขอให้ศาลบังคับจำเลยได้