คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรรมสิทธิ์ร่วม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 127 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อนในคดีขับไล่: เจ้าของรวมฟ้องคดีเดียวกันซ้ำ
โจทก์กับ ส.ท.ภ. และ ล. มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกัน จำเลยเช่าที่ดินดังกล่าวจาก ส. ครบกำหนดแล้ว ส.ฟ้องขับไล่จำเลย ดังนี้ เป็นเรื่องที่ ส.เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินคืนจากจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1356, 1359 ประกอบด้วยมาตรา 302 กล่าวคือเจ้าของรวมแต่ละคนมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์คืนโดยไม่จำต้องไห้เจ้าของรวมทุกคนร่วมกันฟ้อง และจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เจ้าของรวมหมดทุกคน จึงเท่ากับเป็นการฟ้องคดีแทน เมื่อ ส.ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่เช่าแล้ว และคดีอยู่ระหว่างพิจารณา โจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินเช่นเดียวกับคดีที่ ส.ฟ้องนั้นอีก จึงเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 (ปัญหาเรื่องฟ้องซ้อนนี้ จำเลยมิได้ฎีกา แต่ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเอง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561-1562/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินระหว่างคู่ความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา ต้องพิสูจน์การร่วมแรงร่วมทุน
ชายและหญิงที่อยู่กินฉันสามีภริยากันหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส หากชายหรือหญิงได้ทรัพย์สินใดมาในระหว่างที่อยู่กินฉันสามีภริยากัน ทรัพย์นั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างชายกับหญิงก็ต่อเมื่อชายและหญิงได้ร่วมแรงรวมทุนหาทรัพย์สินนั้นมา หากเป็นทรัพย์สินที่บุคคลอื่นยกให้แก่ชายหรือหญิง หรือชายหรือหญิงได้มาด้วยแรงหรือด้วยทุนของตน ทรัพย์สินนั้นก็เป็นกรรมสิทธิ์ของชายหรือหญิงซึ่งได้รับการยกให้หรือซึ่งออกทุนออกแรงแต่ฝ่ายเดียว ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
จำเลยและผู้ร้องอยู่กินฉันสามีภริยาหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ระหว่างที่อยู่กินกับผู้ร้องได้รับ ยกให้ที่ดินพิพาท ต่อมาผู้ร้องขายที่ดินพิพาทให้แก่ บ.แล้วซื้อคืนจาก บ. โดยไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเอาเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันไปซื้อคืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดและมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย ผู้ร้องจึงร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ ดังนี้กรณีต้องสันนิษฐานว่าผู้ร้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแต่ผู้เดียว เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวให้ได้ความว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทคืนด้วยเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน มิฉะนั้นโจทก์จะยึดที่พิพาทไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในเรือนที่ปลูกบนที่ดินของผู้อื่น แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ยินยอมให้ใช้ที่ดินถือเป็นเจ้าของร่วม
ผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภริยากัน โดยมิได้จดทะเบียนสมรสทำมาหาเลี้ยงชีพร่วมกันจำเลยกับผู้ร้องได้ร่วมกันปลูกเรือนพิพาทในที่ดินของผู้ร้อง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าผู้ร้องยินยอมให้ใช้ที่ดินของผู้ร้องปลูกเรือนพิพาทใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยกับผู้ร้องร่วมกันจำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามที่ผู้ร้องยินยอม กรณีเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 109 ไม่ถือว่าเรือนพิพาทเป็นทรัพย์ส่วนควบกับที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแต่ผู้เดียว หากแต่ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยกับผู้ร้องร่วมกัน
เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของร่วมในเรือนพิพาท ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยจากการยึดทรัพย์ คงมีแต่สิทธิขอกันส่วนของตนออกมิให้ถูกบังคับชำระหนี้ให้โจทก์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในเรือนพิพาทที่ปลูกบนที่ดินของผู้อื่น แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ยินยอมให้ใช้ที่ดินถือเป็นเจ้าของร่วม
ผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภริยากัน โดยมิได้จดทะเบียนสมรสทำมาหาเลี้ยงชีพร่วมกันจำเลยกับผู้ร้องได้ร่วมกันปลูกเรือนพิพาทในที่ดินของผู้ร้อง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าผู้ร้องยินยอมให้ใช้ที่ดินของผู้ร้องปลูกเรือนพิพาทใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยกับผู้ร้องร่วมกัน จำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามที่ผู้ร้องยินยอม กรณีเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 109 ไม่ถือว่าเรือนพิพาทเป็นทรัพย์ส่วนควบกับที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแต่ผู้เดียว หากแต่ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยกับผู้ร้องร่วมกัน
เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของร่วมในเรือนพิพาท ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยจากการยึดทรัพย์ คงมีแต่สิทธิขอกันส่วนของตนออกมิให้ถูกบังคับชำระหนี้ให้โจทก์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรม: เจตนาการยกทรัพย์เมื่อตายแล้ว, กรรมสิทธิ์ร่วม และการระบุทรัพย์สินที่ชัดเจน
เอกสารพินัยกรรม นอกจากมีหัวข้อข้างบนระบุว่าเป็นหนังสือพินัยกรรมแล้วยังมีข้อความว่า 'ขอทำพินัยกรรม'อีกด้วย ย่อมเข้าใจว่าเจตนายกทรัพย์สมบัติให้เมื่อตายแล้วการยกทรัพย์ให้เมื่อยังมีชีวิตอยู่ สามัญชนทั่วไปหาใช้คำว่าพินัยกรรมไม่ เอกสารดังกล่าวถือได้ว่าเป็นพินัยกรรมตามกฎหมาย
บุคคลสองคนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดิน แสดงว่ามีสิทธิฝ่ายละครึ่ง ต่างฝ่ายมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินส่วนของตนออกมาได้ ฉะนั้น การที่ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมผู้หนึ่งทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของตนให้ผู้อื่น จึงไม่ใช่กรณีที่ทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมระบุไว้ไม่ชัดแจ้งจนไม่อาจจะทราบแน่นอนได้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมดังนี้หาเป็นโมฆะไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วม ทางจำเป็น และการใช้ทาง: ข้อจำกัดสิทธิการใช้ทางเมื่อไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
เจ้าของรวมใช้ทางเดินผ่านที่ดินกรรมสิทธิ์รวมเป็นการใช้ตามอำนาจกรรมสิทธิ์ จะใช้ทางนั้นมาช้านานเท่าใดก็ไม่ได้ภารจำยอม
ผู้ที่จะได้สิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินที่ล้อมอยู่ออกไปสู่ทางสาธารณะนั้นต้องเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งถูกล้อม หากเป็นเพียงเจ้าของโรงเรือน แม้จะถูกที่ดินอื่นล้อมอยู่ก็หามีสิทธิเรียกร้องทางจำเป็นไม่
ฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้คู่ความใช้แทนกันหรือให้เป็นพับได้ตามที่เห็นสมควรแก่รูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วม, ทางจำเป็น, ทางภารจำยอม: การใช้ทางเดินและการขอทางผ่านที่ดิน
เจ้าของรวมใช้ทางเดินผ่านที่ดินกรรมสิทธิ์รวมเป็นการใช้ตามอำนาจกรรมสิทธิ์ จะใช้ทางนั้นมาช้านานเท่าใดก็ไม่ได้ภารจำยอม
ผู้ที่จะได้สิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินที่ล้อมอยู่ออกไปสู่ทางสาธารณะนั้นต้องเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งถูกล้อม หากเป็นเพียงเจ้าของโรงเรือน แม้จะถูกที่ดินอื่นล้อมอยู่ก็หามีสิทธิเรียกร้องทางจำเป็นไม่
ฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้คู่ความใช้แทนกันหรือให้เป็นพับได้ตามที่เห็นสมควรแก่รูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1909/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึด ไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์เพื่อปล่อยทรัพย์
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1909/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึด ไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ ขอให้ปล่อยทรัพย์จากการบังคับคดี
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องกันส่วนของเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาท เมื่อหนี้ไม่ได้เกิดจากการเป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
หนี้เงินกู้ที่ ป. ก่อขึ้นระหว่างผู้ร้องกับ ป. มิได้เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่หนี้ร่วม ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาท(ซึ่งถูกบังคับคดีขายทอดตลาด) อยู่ครึ่งหนึ่ง ชอบที่จะขอกันส่วนได้ของตนครึ่งหนึ่งได้
of 13