พบผลลัพธ์ทั้งหมด 154 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายส่งผลให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาใหม่ได้
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีปิดหมาย จึงเป็นการไม่ชอบ รายงานการส่งหมายของเจ้าพนักงานศาลก็ขัดแย้งกัน กล่าวคือ ในครั้งแรกรายงานว่าได้ปิดหมายไว้ที่บ้านของจำเลย แต่ในครั้งหลังซึ่งห่างกันเพียงเดือนเศษ รายงานว่าจำเลยรื้อเรือนและไปอยู่ที่อื่นหลายเดือนแล้ว ต้องถือว่าศาลยังมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบ และไม่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม: ศาลชอบที่จะรับได้หากยังสืบพยานไม่เสร็จ
การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานของตน ใน คดีนั้นไว้แล้วทั้งเรื่อง ดังนั้นบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นต่อศาลอีกในวันนัดสืบพยานโจทก์วันแรกโดยไม่ได้แถลงต่อศาลว่าเป็นการระบุพยานเพิ่มเติม และไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลย ศาลก็ชอบที่รับไว้ในฐานะเป็นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมในคดีแพ่ง: การบอกเลิกข้อตกลงและการดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป
ในชั้นพิจารณาคู่ความแถลงว่าตกลงกันได้ ฝ่ายจำเลยจะหาเงินมาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทคืน โดยจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์ทั้งหมดภายในเวลา 2 เดือนแล้วโจทก์จะถอนฟ้องคดีนี้ แต่เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินภายในกำหนด และโจทก์แถลงว่าจะไม่ให้เวลาจำเลยอีก ถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและพิพากษาขับไล่จำเลยจึงไม่ชอบ ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายเป็นพยานได้ แม้แพทย์ไม่เบิกความ หากจำเลยรับรองในกระบวนการพิจารณา
รายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายตามใบตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์แม้โจทก์จะไม่ได้นำแพทย์ผู้ตรวจมาเบิกความประกอบหากจำเลยได้แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่าแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายและทำบันทึกการตรวจไว้จริงเอกสารดังกล่าวรับฟังเป็นพยานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจศาลในการจัดล่ามแปลภาษาสำหรับจำเลยต่างชาติ การไม่จัดล่ามในวันชี้สองสถานไม่ทำให้กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
ป.วิ.อ.มาตรา13มิได้บังคับว่าในการพิจารณาของศาลทุกครั้งจะต้องแปลภาษาไทยเป็นภาษาต่างประเทศในกรณีที่จำเลยเป็นชาวต่างประเทศการจะให้มีล่ามแปลหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล แม้ในวันสอบคำให้การจำเลยศาลชั้นต้นจะมิได้จัดล่ามแปลคำฟ้องเป็นภาษาอังกฤษให้แก่จำเลยซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียฟังแต่จำเลยยังมิได้ให้การในวันนั้นโดยได้แต่งตั้งทนายความและยื่นคำให้การต่อศาลในอีกหนึ่งเดือนต่อมาโดยมีลายมือชื่อของล่ามลงไว้ด้วยแสดงว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องที่ศาลได้อ่านให้ฟังในวันสอบคำให้การจำเลยแล้วทั้งต่อมาก็ปรากฏว่ามีล่ามแปลทุกครั้งที่มีการพิจารณาคดีจึงไม่เป็นเหตุให้เพิกถอนและพิจารณาพิพากษาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3739/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่รับอุทธรณ์และการสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาคดีเมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง มีผลเป็นการไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น แม้เหตุที่ยกขึ้นอ้างในการไม่รับอุทธรณ์จะต่างกัน คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2908/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม & การไม่โต้แย้งกระบวนการพิจารณาในชั้นศาลทำให้ไม่สามารถยกขึ้นเป็นเหตุในชั้นอุทธรณ์ได้
อุทธรณ์โจทก์ที่ว่ามิได้จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายนั้น เป็นอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริง
การที่โจทก์อ้างว่าผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยซึ่งมิใช่ทนายความซักถามพยานโดยขออนุญาตจากศาล เป็นการมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคแรกนั้น โจทก์ชอบที่จะยกขึ้นคัดค้านเสียก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาตามมาตรา 27 วรรคสอง เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน โจทก์จะยกปัญหานี้ขึ้นมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่
การที่โจทก์อ้างว่าผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยซึ่งมิใช่ทนายความซักถามพยานโดยขออนุญาตจากศาล เป็นการมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคแรกนั้น โจทก์ชอบที่จะยกขึ้นคัดค้านเสียก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาตามมาตรา 27 วรรคสอง เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน โจทก์จะยกปัญหานี้ขึ้นมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2908/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ประเด็นข้อเท็จจริงและข้อผิดพลาดในกระบวนการพิจารณาที่ไม่ได้รับการคัดค้าน
อุทธรณ์โจทก์ที่ว่ามิได้จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายนั้น เป็นอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริง การที่โจทก์อ้างว่าผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยซึ่งมิใช่ทนายความซักถามพยานโดยขออนุญาตจากศาล เป็นการมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคแรกนั้นโจทก์ชอบที่จะยกขึ้นคัดค้านเสียก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาตามมาตรา 27 วรรคสอง เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน โจทก์จะยกปัญหานี้ขึ้นมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอนาถาต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการสาบานตัวตามกฎหมาย มิฉะนั้นกระบวนการพิจารณาไม่ชอบ
โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยมิได้มีการสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดถ้อยคำสาบานไว้และส่งสำเนาไปให้อีกฝ่ายหนึ่งพร้อมกับคำฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์และเจ้าหน้าที่ศาลมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมฉะนั้นกระบวนพิจารณาในเรื่องการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาทั้งหมดตลอดจนคำสั่งหรือคำพิพากษาในเรื่องนี้จึงไม่ชอบเมื่อความปรากฏขึ้นในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้องแล้วไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3642/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาข้อเท็จจริงในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นไม่อำนาจอนุญาตฎีกา
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499มาตรา22 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 เมื่อในชั้นอุทธรณ์ไม่มีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นเพิ่งจะอนุญาตให้ฎีกาข้อเท็จจริงในชั้นฎีกานั้น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจเช่นนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย