พบผลลัพธ์ทั้งหมด 354 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4095/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินจากบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย เมื่อคดีฟังได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนได้ ตาม ป.อ. มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3689/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เนื่องจากไม่ได้บรรยายรายละเอียดการกระทำผิดให้ชัดเจน
โจทก์มิได้บรรยายว่า ข้อหาที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาอันเป็นเท็จนั้นเป็นความผิดอาญาข้อหาหรือฐานความผิดใด ทั้งคำบรรยายฟ้องในส่วนที่โจทก์คัดมาจากคำฟ้องในคดีอาญาที่จำเลยฟ้องโจทก์ก็ไม่มีข้อความใดที่จำเลยระบุว่า การกระทำของโจทก์เป็นการกระทำความผิดอาญาซึ่งเป็นสาระสำคัญของฟ้องในข้อหาฟ้องเท็จที่จะต้องกล่าวถึง ส่วนข้อหาเบิกความและนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จนั้น เมื่อไม่บรรยายว่าจำเลยทั้งสองเบิกความและนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีในข้อหาหรือฐานความผิดใด ย่อมไม่อาจทราบได้ว่าข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรประเด็นสำคัญของคดีมีว่าอย่างไร ฟ้องของโจทก์ทั้งสามข้อหาจึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์ได้บรรยายเลขสำนวนคดีที่อ้างว่าจำเลยฟ้องเท็จและเบิกความและนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จมาในฟ้องก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีหาใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ไม่ จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์คดีนี้ให้สมบูรณ์มิได้ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2608/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้การต่อสู้ขัดขวางไม่มีความผิด
เจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้แต่งเครื่องแบบและไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมกลุ่มเด็กวัยรุ่นโดยไม่แจ้งข้อหาแก่เด็กวัยรุ่นคนใดว่าเป็นผู้ดูหมิ่นตนและจะต้องถูกจับ กลับสั่งให้คนขับรถที่เด็กวัยรุ่นโดยสารมาขับรถไปสถานีตำรวจ จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานโดยชอบ ผู้ต่อสู้ขัดขวางมิให้จับกุมไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ - เจ้าของรถไม่รู้เห็นการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ - สิทธิในการรับคืนรถ
ผู้ร้องกับจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่คนละอำเภอต่างจังหวัดกัน ผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยเอารถจักรยานยนต์ของกลาง ไปกระทำผิดเมื่อใด และที่พยานผู้ร้องเบิกความว่า หากจำเลยนำ ค่าเช่าซื้อมาชำระก็จะรับและให้เช่าซื้อต่อไปก็เป็นเรื่องที่ ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญาแม้จำเลยจะนำรถไปกระทำความผิด เท่านั้นกรณีไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด ของจำเลย ต้องคืนรถของกลางแก่ผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าซื้อรถยนต์และการพิสูจน์ความรู้เห็นเป็นใจในความผิด ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชอบหากไม่ทราบถึงการกระทำผิด
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 8 ที่ 12 และที่ 13 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดตากและจังหวัดสุโขทัย ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางจากผู้ร้อง ที่สำนักงานใหญ่ของผู้ร้อง การที่ผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าวมีที่อยู่ห่างไกลคนละจังหวัดเช่นนี้ ผู้ร้องย่อมไม่ทราบว่าจำเลยดังกล่าวจะเอารถยนต์บรรทุกที่เช่าซื้อไปกระทำผิดเมื่อไร จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยดังกล่าวต้องคืนรถยนต์บรรทุกของกลางของผู้ร้องให้แก่ผู้ร้องไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5608/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องล้มละลายของผู้กู้ยืมเงินตามพรบ.การกู้ยืมเงินฯ และการพิสูจน์การมีส่วนร่วมในการกระทำผิด
เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 อยู่ในฐานะเป็นผู้กู้ยืมเงิน และได้ตกเป็นผู้ต้องหาตาม พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2527 มาตรา 4,5 ทั้งได้ถูกฟ้องต่อศาลอาญาไว้แล้วพนักงานอัยการย่อมฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลายได้ตาม พ.ร.ก. ดังกล่าว มาตรา 10 ส่วนจำเลยที่ 6 เมื่อมิได้เป็นผู้กู้ยืมเงิน พนักงานอัยการย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 6 ให้เป็นบุคคลล้มละลายตาม พ.ร.ก. ดังกล่าว มาตรา 10.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5453/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของทรัพย์สินเช่าซื้อไม่ต้องรับผิดต่อการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ หากไม่มีเจตนาช่วยเหลือ
ที่อยู่ของผู้ร้องอยู่ห่างจากที่อยู่ของจำเลยถึง 8 กิโลเมตรผู้ร้องย่อมไม่ทราบว่าจำเลยจะเอารถจักรยานยนต์ไปกระทำผิดเมื่อไรถือไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยส่วนการที่หากจำเลยหรือผู้ค้ำประกันยังผ่อนชำระราคาอยู่ตามปกติผู้ร้องจะไม่ร้องขอของกลางคืนจากศาลนั้นเห็นว่า เมื่อจำเลยยังไม่ได้ผิดสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องย่อมไม่มีเหตุหรือความเดือดร้อนที่จะติดตามทรัพย์สินของตนคืนถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2534)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกาย, เจตนา, บาดแผล, ไม่มีเจตนาฆ่า, การกระทำผิด
จำเลยใช้ท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตรตีผู้เสียหายที่ศีรษะหลายที มีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะด้านซ้ายยาว 5 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตรซึ่งได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายว่าไม่ทำให้ถึงตายและกะโหลกศีรษะไม่แตกแสดงว่าจำเลยไม่ได้ตีโดยแรง เมื่อผู้เสียหายล้มลงมุดศีรษะเข้าไปใต้รถเข็น จำเลยลากขาผู้เสียหายเพื่อให้ออกมา แต่มีคนร้องห้าม จำเลยก็หยุด แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3204/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานครอบครองไม้ผิดกฎหมาย แม้ไม่มีส่วนร่วมครอบครองโดยตรง
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีไม้สักแปรรูปของกลางไว้ในครอบครองโดยอ้างเอาพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งรับขนไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าเป็นไม้ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นข้อสันนิษฐานว่า จำเลยมีส่วนครอบครองไม้ของกลางด้วย แต่ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยที่ 1ร่วมครอบครองไม้ของกลาง ดังนี้การนำข้อสันนิษฐานมาลงโทษจำเลยย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะความจริงอาจเป็นดังข้อสันนิษฐานหรือเป็นอย่างอื่นก็ได้ทั้งสองกรณี ฟังไม่ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิด ถือได้ว่ามีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานร่วมครอบครองไม้ของกลางหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 ถือว่าจำเลยที่ 1 มิได้ร่วมกระทำผิดฐานครอบครองไม้ของกลาง แต่การที่จำเลยที่ 1 รับขนไม้ของกลางให้ผู้กระทำผิดโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิด จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6107/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส และการพิจารณาเจตนาในการกระทำผิดหลายกรรม
จำเลยมีความโกรธแค้น ล. และผูกใจเจ็บ เมื่อมาพบ ล. นอนอยู่ไม่ทันรู้ตัวก็ถือโอกาสเข้าทำร้าย พ. จะเข้าไปห้ามก็ถูกจำเลยชกต่อย แสดงว่าจำเลยเพิ่งมีเจตนาเกิดขึ้นในภายหลังต่างเจตนากันจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ล. ถูกชกและเตะที่บริเวณใบหน้า ดั้งจมูกหักและบวมต้องใช้เวลารักษาประมาณ 1 เดือน ทั้งหลังเกิดเหตุประมาณ 9 เดือน ก็ยังต้องหายใจด้วยรูจมูกข้างเดียว เมื่อทำงานหนักจะมีอาการปวดศีรษะหัวคิ้วและขมับ ถือได้ว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันเป็นอันตรายแก่กายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8).