คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การบรรยายฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4488/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อการค้า การบรรยายฟ้องต้องครบองค์ประกอบความผิด
การทำซ้ำโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำซ้ำจากบันทึกของงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ที่ผู้เสียหายอนุญาตให้ทำขึ้น หรือทำซ้ำจากบันทึกของงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย ก็ล้วนเป็นการกระทำต่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ซึ่งถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 30 (1) เพราะชุดคำสั่งที่เขียนด้วยภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (source code) หรือภาษาเครื่อง (object code) อันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4 ซึ่งบันทึกอยู่ในงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายหรือบันทึกอยู่ในบันทึกของงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายนั้นเป็นตัวงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4 และ 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีความลับทางการค้าต้องระบุวิธีการเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจน มิฉะนั้นถือว่าฟ้องไม่ครบองค์ประกอบ
องค์ประกอบของความผิดข้อหนึ่งที่โจทก์ต้องบรรยายมาในคำฟ้องตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 คือ การเปิดเผยความลับทางการค้าของผู้อื่นให้เป็นที่ล่วงรู้โดยทั่วไปซึ่งหมายถึงการเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนได้ล่วงรู้ในลักษณะที่มีผลทำให้ข้อมูลนั้นเสียสภาพหรือคุณสมบัติการเป็นความลับ ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันนำเอาข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้าของผู้เสียหายไปเปิดเผยให้กับบุคคลผู้มีชื่ออันเป็นบุคคลทั่วไปล่วงรู้ถึงข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้าของผู้เสียหายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เสียหาย และจำเลยทั้งสามมีเจตนากลั่นแกล้ง อันเป็นเหตุให้ข้อมูลซึ่งเป็นความลับทางการค้าของผู้เสียหายสิ้นสภาพความเป็นความลับทางการค้า ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายในการประกอบธุรกิจ โดยมิได้บรรยายฟ้องระบุวิธีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวนั้นว่าเป็นการโฆษณาด้วยเอกสาร กระจายเสียง หรือการแพร่ภาพหรือเปิดเผยด้วยวิธีอื่นใด จึงไม่ใช่การยืนยันข้อเท็จจริงว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการเปิดเผยความลับทางการค้าของผู้อื่นให้เป็นที่ล่วงรู้โดยทั่วไปในประการที่ทำให้ความลับทางการค้านั้นสิ้นสภาพการเป็นความลับทางการค้าดังกล่าว แต่เป็นการยืนยันเพียงว่าเป็นการเปิดเผยแก่บุคคลหนึ่งที่เป็นบุคคลทั่วไป จึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ไม่ครบองค์ประกอบของความผิดตาม พ.ร.บ.ความลับทางการค้าฯ มาตรา 33 ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6041/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตได้ การบรรยายฟ้องครบถ้วน
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง ข้อ 1.3 ว่า และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. NATO จำนวน 11 นัด ซึ่งเป็นกระสุนปืนตามกฎหมายผลิตขึ้นใช้กับอาวุธปืนกล ขนาด 7.62 มม. NATO เป็นอาวุธปืนชนิดที่มีเครื่องกลไกสำหรับบรรจุกระสุนปืนให้สามารถยิงซ้ำเองได้ มีขนาดความยาวลำกล้องเกิน 160 มม. ซึ่งนายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ อันเป็นเครื่องกระสุนปืนที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ เครื่องกระสุนปืนจึงเป็นแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ข้อ 2 (3) (ก) ไว้ในครอบครองของจำเลย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่ากระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. เป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนกล ขนาด 7.62 มม. NATO ซึ่งเป็นอาวุธปืนชนิดที่มีเครื่องกลไกสำหรับบรรจุกระสุนปืนให้สามารถยิงซ้ำเองได้มีขนาดความยาวลำกล้องเกิน 160 มม. ที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ข้อ 2 (3) (ก) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง จึงครบองค์ประกอบความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองแล้ว โดยไม่จำต้องบรรยายให้เห็นว่าเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ข้อ 3 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพความผิดฐานดังกล่าวกฎหมายไม่ได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานหนักกว่านั้น ศาลย่อมลงโทษจำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1690/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ การบรรยายฟ้องต้องระบุระยะเวลาการคุ้มครอง
องค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (1) (2) คือ การทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ และองค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (1) คือ การขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น และองค์ประกอบทั้งสองมาตราในส่วนของงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นนั้น ต้องเป็นงานสร้างสรรค์ที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครอง โดยได้มาตามเงื่อนไขของกฎหมายและต้องอยู่ในอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ด้วย เพราะลิขสิทธิ์เป็นสิทธิที่ได้รับความคุ้มครองภายในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น หลังจากพ้นกำหนดอายุการคุ้มครองแล้ว งานลิขสิทธิ์จะตกเป็นงานที่สาธารณชนสามารถใช้ประโยชน์จากงานนั้นได้โดยไม่เป็นความผิด ดังนี้ องค์ประกอบความผิดที่ว่า งานอันมีลิขสิทธิ์ต้องอยู่ในอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามกฎหมายนั้นจึงเป็นสาระสำคัญ การที่จะรู้ว่างานอันมีลิขสิทธิ์ใดยังอยู่ในอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรือไม่ ก็ต้องเป็นไปตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 หากผู้สร้างสรรค์เป็นบุคคลธรรมดาก็จะมีอายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์ตลอดอายุผู้สร้างสรรค์และมีอยู่ต่อไปอีกเป็นเวลาห้าสิบปี หากผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคลก็จะมีอายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์ห้าสิบปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้น แต่ถ้ามีการโฆษณางานในระยะเวลาดังกล่าว อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์ห้าสิบปีนับแต่ได้มีการโฆษณาครั้งแรก เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ลิขสิทธิ์ในการสร้างสรรค์งานดังกล่าวเมื่อใด หรือมีการโฆษณางานหรือไม่ หากมีการโฆษณางาน โจทก์ได้มีการโฆษณางานครั้งแรกเมื่อใด จึงไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนที่แสดงให้เห็นว่าลิขสิทธิ์ดังกล่าวอยู่ในอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรือไม่ จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6137/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดเวลาและตัวบุคคลร่วมกระทำความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2546 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คน ซึ่งเป็นเยาวชนแยกดำเนินคดีต่างหากแล้ว ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยฉกฉวยเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายที่เก็บรักษาไว้ในเคหสถานซึ่งเป็นร้านอาหารและที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายไปซึ่งหน้า และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด การพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา อีกทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนเวลาเกิดเหตุเป็นเวลากี่นาฬิกาก่อนเวลาเที่ยงคืน และเยาวชนที่ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 เป็นใครและแยกไปดำเนินคดีที่ศาลใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7883/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพนันฟุตบอล: โจทก์บรรยายฟ้องครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน แม้ไม่ได้ระบุมาตรา 4 ทวิ ในคำขอท้ายฟ้อง
แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุในใบคำขอท้ายฟ้องว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 4 ทวิ มาด้วย แต่โจทก์ก็ได้บรรยายไว้ในคำฟ้องแล้วว่า จำเลยทั้งสองบังอาจลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล อันเป็นการพนันนอกเหนือจากที่ได้กล่าวไว้ในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ทั้งนี้มิใช่การพนันที่ระบุชื่อไว้ในกฎกระทรวงและไม่อนุญาตให้เล่น ได้เล่นพนันทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยทั้งสองเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ในการเล่นทายผลการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศหลายทีมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย อันเป็นการบรรยายความผิดของจำเลยทั้งสองครบองค์ประกอบของมาตรา 4 ทวิแล้ว ศาลลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตราดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5454/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องและการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องเวลากระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยให้การรับสารภาพไม่ชัดเจน ศาลต้องใช้พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยว่า จำเลยปลอมเอกสารและนำ เอกสารปลอมไปลักทรัพย์ของนายจ้าง โดยเหตุเกิดเมื่อระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2548 เวลากลางคืนหลังเที่ยงอันเป็นการบรรยายฟ้องที่ไม่ยืนยันการกระทำความผิดของจำเลยว่าเกิดขึ้นในเวลากลางวันหรือเกิดในเวลากลางคืน อันเป็นเหตุฉกรรจ์ที่ทำให้จำเลยต้องได้รับโทษหนักขึ้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดตามฟ้อง ข้อเท็จจริงก็คงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยลักทรัพย์นายจ้างตามฟ้องเท่านั้น แต่ไม่อาจจะรับฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยกระทำความผิดในเวลากลางวันหรือกลางคืน ถือว่าจำเลยไม่ได้ให้การรับสารภาพในส่วนนี้โดยชัดแจ้ง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลยดังกล่าว เมื่อปรากฏว่าโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้ คงฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้างในเวลากลางวันเท่านั้น ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนตาม ป.อ. มาตรา 335 (1) ด้วยจึงไม่ชอบ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10108/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีรับของโจร: เพียงพอต่อการเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีหรือไม่
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) การบรรยายฟ้องให้บรรยายถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เพื่อจำเลยจะต่อสู้คดีได้ถูกต้องเท่านั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยรับของโจรโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง และซิมการ์ด 2 แผ่น รวมราคา 15,500 บาท ของผู้เสียหายที่ถูก ศ. ลักไป แม้โจทก์ไม่ระบุหมายเลขของทรัพย์ดังกล่าว แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าทรัพย์นั้นมีหมายเลขอะไรเพื่อแสดงว่าทรัพย์นั้นเป็นของผู้เสียหายและได้สูญหายไปอยู่ที่จำเลยโดยจำเลยรับซื้อไว้ ซึ่งจำเลยก็สามารถซักค้านและนำสืบหักล้างได้อย่างเต็มที่ ไม่ถือว่าทำให้จำเลยต้องเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า หลังจากจำเลยรับของโจรทรัพย์ดังกล่าวแล้ว จำเลยนำไปจำหน่ายให้แก่ผู้มีชื่อ ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจยึดทรัพย์จากผู้มีชื่อเป็นของกลาง ก็เป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยรับของโจรเพื่อค้ากำไร ซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว โดยไม่จำต้องระบุชื่อผู้รับของกลางไว้จากจำเลยอีก ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
of 8