คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กู้ยืม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับเงินไม่ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม หากข้อความไม่แสดงเจตนาสร้างหนี้
เอกสารท้ายฟ้องฉบับแรกมีข้อความว่า "โปรดมอบเงินจำนวน 15,000บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) ให้กับนายนเรศแซ่ทวย ผู้ถือบัตรนี้มาด้วยครับ" และอีกฉบับหนึ่งมีข้อความว่า "ได้รับเงินจากพี่เล็ก15,000 บาท" ดังนี้ ข้อความในเอกสารทั้งสองฉบับไม่อาจแปลได้ว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์หรือเป็นหนี้โจทก์ จึงไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1791/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นโมฆะ แต่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยผิดนัดได้
โจทก์เรียกดอกเบี้ยเงินกู้และจำนองจากจำเลยเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปีที่กฎหมายกำหนดไว้ในข้อกำหนดอัตราดอกเบี้ยจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์หมดสิทธิเรียกดอกเบี้ยตามสัญญา แต่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยโดยเหตุผิดนัดชำระต้นเงินในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากที่ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง: เจตนาทำสัญญาโดยสมัครใจ
จำเลยมีเจตนาขอกู้ยืมเงินโจทก์ โจทก์ไม่ยอมให้กู้แต่ประสงค์ให้ทำสัญญาขายฝาก เมื่อจำเลยตกลงทำสัญญาขายฝากที่ดินตามความประสงค์ของโจทก์โดยความสมัครใจของจำเลยเอง สัญญาขายฝากจึงมิได้กระทำขึ้นด้วยการสมรู้ของโจทก์ - จำเลยเพื่ออำพรางการกู้ยืมหรือจำนองสัญญาขายฝากจึงมิใช่นิติกรรมอำพราง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การใช้เงินกู้ยืม และการชำระหนี้ทางโทรเลข
จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ไป 200,000 บาท จำเลยจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วการที่จำเลยโอนเงินทางโทรเลขเข้าบัญชีของโจทก์ไม่เข้าบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แต่เป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ได้ยอมรับ จึงเป็นการชำระหนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารหลักฐานการกู้ยืมที่ไม่ใช่สัญญากู้ยืม ไม่ต้องติดอากรแสตมป์ก็รับฟังได้ ศาลแก้ค่าขึ้นศาลตามทุนที่ชนะ
เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานมิใช่สัญญากู้ยืม หากเป็นหลักฐานการกู้ยืมเท่านั้น จึงไม่เข้าข่ายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 แม้จะมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็หาต้องด้วยข้อห้ามในการรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในต้นเงินกู้ยืมและดอกเบี้ย 52,663 บาท แต่ฟังได้ว่าจำเลยต้องรับผิดในต้นเงินเพียง 18,000 บาท และไม่ค้างชำระดอกเบี้ย มีเหตุสมควรให้จำเลยรับผิดเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานการกู้ยืมที่ไม่ใช่สัญญา และการคิดค่าฤชาธรรมเนียมตามส่วนที่ชนะคดี
เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานมิใช่สัญญากู้ยืม หากเป็นหลักฐานการกู้ยืมเท่านั้น จึงไม่เข้าข่ายตามประมวลรัษฏากร มาตรา 118แม้จะมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็หาต้องด้วยข้อห้ามในการรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในต้นเงินกู้ยืมและดอกเบี้ย 52,663บาท แต่ฟังได้ว่าจำเลยต้องรับผิดในต้นเงินเพียง 18,000 บาทและไม่ค้างชำระดอกเบี้ย มีเหตุสมควรให้จำเลยรับผิดเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมที่ไม่ใช่สัญญากู้ยืม, การรับฟังพยานหลักฐาน, และขอบเขตความรับผิดในคดีกู้ยืม
เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานมิใช่สัญญากู้ยืม หากเป็นหลักฐานการกู้ยืมเท่านั้น จึงไม่เข้าข่ายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118แม้จะมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็หาต้องด้วยข้อห้ามในการรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในต้นเงินกู้ยืมและดอกเบี้ย52,663 บาท แต่ฟังได้ว่าจำเลยต้องรับผิดในต้นเงินเพียง 18,000บาท และไม่ค้างชำระดอกเบี้ย มีเหตุสมควรให้จำเลยรับผิดเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2435/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้เรื่องการกู้ยืมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบ เพราะควรยกขึ้นในคำให้การตั้งแต่ชั้นต้น
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ใช้เงินทดรองที่โจทก์ออกแทนจำเลยไป หากจำเลยเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องโจทก์เป็นเรื่องการฟ้องบังคับตามสัญญากู้ยืมเงินจำเลยก็สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การตั้งแต่ศาลชั้นต้น จำเลยให้การเพียงว่าโจทก์มิได้ออกเงินทดรองแทนจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ กรณีจึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยไม่สามารถแยกปัญหานี้ขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เนื่องจากพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับสภาพหนี้ใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่ใช่สัญญา
เอกสารที่จำเลยทำให้โจทก์มีข้อความว่าจำเลยจะนำเงินจำนวน 50,000 บาทมาใช้ให้แก่โจทก์ภายในเดือนพฤษภาคม 2526 แสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนที่ระบุไว้ ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับสภาพหนี้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่ได้ระบุคำว่า 'กู้ยืม'
เอกสารที่จำเลยทำให้โจทก์มีข้อความว่าจำเลยจะนำเงินจำนวน 50,000 บาทมาใช้แก่โจทก์ภายในเดือนพฤษภาคม 2526 แสดงว่าจำเลย เป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนที่ระบุไว้ ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้
of 19