พบผลลัพธ์ทั้งหมด 267 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางแยก: ผู้ขับรถต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
พระราชบัญญัติ ญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา51(2)(จ) ที่บังคับรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกต้องให้รถที่สวนมาในทางเดินรถเดียวกันผ่านไปก่อนเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เลี้ยวขวาไปได้นั้น ไม่ใช้แก่กรณีการเดินรถในถนนคนละสาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทขับรถชนต้นไม้ ตู้สำนักงานหล่นทับรถคันอื่น ทำให้ผู้ขับขี่เสียชีวิต ศาลฎีกายืนความผิดฐานประมาท
จำเลยขับรถเทรลเลอร์ บรรทุกตู้สำนักงานชั่วคราวไปตามถนนวิทยุด้วยความเร็วสูงชนกับต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ที่เกาะกลางถนน เป็นเหตุให้ตู้สำนักงานชั่วคราวหลุดตกลงกระแทกกับรถยนต์ที่ผู้ตายขับสวนทางมารถผู้ตายเสียการทรงตัวแล่นไถลไปชนกับรถยนต์โดยสารปรับอากาศขนาดกลางและต้นไม้ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่จำเลยขับรถยนต์ลากจูงรถพ่วงบรรทุกตู้สำนักงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีความสูงจากพื้นถนนถึง 3.60 เมตร ไปตามถนนซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมบนเกาะกลางถนนตลอดเส้นทางด้วยความเร็วสูง ในขณะที่ไฟฟ้าสาธารณะริมถนนดับหมด จนเป็นเหตุให้ตู้สำนักงานชั่วคราวที่บรรทุกมาบนรถจำเลยเฉี่ยวชนกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ถือได้ว่า เป็นการกระทำโดยประมาทจำเลยจึงมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 กับตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 35,157 และมาตรา78,160 วรรคแรก เป็นความผิดต่างกรรม รวม 3 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของเจ้าของหอพักต่อผู้เยาว์ที่เช่าพักอาศัย กรณีขับรถประมาท
เจ้าของหอพักที่ผู้เยาว์เช่าอยู่ ถือไม่ได้ว่าเป็นบุคคลผู้รับดูแลผู้เยาว์ไว้ตามความหมายในมาตรา 430 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะเจ้าของหอพักมีหน้าที่เพียงดำเนินการกิจการหอพักและควบคุมการเข้าพักในหอพักเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถตัดหน้ารถไฟ ผู้ขับขี่มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎจราจรและป้ายเตือน
ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุมีป้ายจราจรติดตั้งไว้ 2 ป้าย ป้ายแรกเขียนว่า ให้ระวังรถไฟ และอีกป้ายหนึ่งเขียนว่า หยุด แต่จำเลยที่ 1ไม่ได้หยุดรถ และเมื่อเห็นรถไฟแล่นมาขณะอยู่ห่างประมาณ 30 เมตรจำเลยที่ 1 เร่ง เครื่องยนต์ เพื่อขับข้ามทางรถไฟให้พ้น แต่ไม่ทันจึงเป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถไฟ ดังนี้ จำเลยละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร กลับฝ่าฝืนและเสี่ยงภัยอย่างชัดแจ้งตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทอย่างร้ายแรงแม้การรถไฟแห่งประเทศไทยโจทก์ไม่มีแผงกั้นทางขณะรถไฟแล่นผ่านที่เกิดเหตุ ก็ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย แต่เป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว โจทก์เคยตกลงค่าเสียหายกับพนักงานสอบสวนตามบันทึกประจำวันว่าโจทก์เสียหาย 50,000 บาท บันทึกดังกล่าวเป็นเพียงการประเมินความเสียหายชั้นต้น แต่ค่าเสียหายที่แท้จริงจะต้องรอตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ไม่อาจถือได้ว่าข้อความที่บันทึกไว้ในเอกสารนั้นเป็นค่าเสียหายที่แน่นอนแล้ว โจทก์มีระเบียบในการคิดค่าเสียหายไว้ใช้เป็นหลักในการคิดค่าเสียหายไม่ได้ใช้เฉพาะกับกรณีของจำเลยเท่านั้นค่าขาดประโยชน์โจทก์ได้คิดเปรียบเทียบกับรถยนต์ว่าควรจะเป็นเท่าใด มีรายละเอียดที่พอเชื่อถือได้ ส่วนค่าปั้นจั่นยกรถ แม้ปั้นจั่นจะเป็นของโจทก์แต่ก็ต้องมีการขนย้ายและเสียค่าใช้จ่ายเมื่อจำเลยที่ 1 ทำละเมิดก็ต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์แซงซ้ายด้วยความเร็วสูง ชนกับรถยนต์ที่กำลังเลี้ยวเข้าซอย
ก่อนเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์แซงรถจักรยานยนต์ของโจทก์ตามทางด้านขวาเมื่อถึงซอยเข้าบ้านจำเลย จำเลยได้ขับเลี้ยวซ้ายเข้าซอยซึ่งมีระดับต่ำกว่าถนน ต้องลดความเร็วที่เกิดเหตุมีรอยห้ามล้อรถยนต์จำเลยยาวไม่ถึง 1 เมตร แสดงว่าจำเลยไม่ได้ขับเร็วขณะนั้นเองฝ่ายโจทก์ร่วมขับรถจักรยานยนต์ซึ่งปกติมีความคล่องตัวกว่ารถยนต์มากแซงซ้ายชนรถยนต์ของจำเลยแล้วโจทก์ร่วมกระเด็นข้ามกระโปรงรถยนต์ของจำเลยไปตกที่บริเวณท่อระบายน้ำข้างถนน และรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมแฉลบไปชนรั้วบ้าน แสดงว่าโจทก์ร่วมเองเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วและแซงซ้ายมือโดยไม่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดเฉี่ยวชนกันได้พฤติการณ์ดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าจำเลยประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด: การมีส่วนร่วมในการเจรจาและขับรถส่งมอบถือเป็นตัวการร่วม
จำเลยที่ 3 ได้ร่วมนั่งอยู่ด้วยในโต๊ะ เดียวกันระหว่างที่มีการเจรจาซื้อขายเฮโรอีนกันก่อนที่จะมีการจับกุม และในวันถูกจับกุมจำเลยที่ 3 ก็เป็นคนขับรถมาให้จำเลยที่ 1 ไปยังที่นัดหมายเพื่อส่งมอบเฮโรอีน เช่นนี้แสดงให้เห็นได้โดยชัดเจนว่า จำเลยที่ 3ร่วมมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนของกลางด้วย จึงเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องมิใช่เพียงแต่เป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำผิดเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ ชนแล้วเลี้ยวกลับรถ กรมธรรม์ประกันภัยไม่คุ้มครองหากผู้เอาประกันภัยประมาท
ถนนที่เกิดเหตุมีเกาะกลางแบ่งครึ่งถนน แต่ละด้านมีช่องทางจราจร 2 ช่อง ก่อนเกิดเหตุชนกันรถยนต์บรรทุกฝ่ายจำเลยวิ่งมาทางช่องด้านซ้าย แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ช่องกลับรถที่เกาะกึ่งกลางถนนส่วนรถยนต์ฝ่ายโจทก์วิ่งมาในทิศทางเดียวกันแต่วิ่งในช่องทางด้านขวา หัวรถฝ่ายโจทก์ชนที่ยางล้อหลังด้านขวาของรถฝ่ายจำเลยในขณะที่รถฝ่ายจำเลยขวางถนนอยู่ หากรถฝ่ายจำเลยจอดขวางถนนรอเลี้ยวกลับรถอยู่ก่อนแล้วจริง คนขับรถฝ่ายโจทก์ก็ไม่น่าจะขับรถเข้าชนรถฝ่ายจำเลยอย่างแรง การชนกันในลักษณะเช่นนี้น่าจะเกิดจากรถฝ่ายจำเลยเลี้ยวกลับรถโดยกะทันหันโดยไม่ดู ความปลอดภัยเสียก่อนว่ามีรถแล่นตามมาในช่องทางเดินรถช่องที่สองหรือไม่ และการที่จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวนว่าขับรถยนต์ประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและยอมให้เปรียบเทียบปรับ แสดงว่าจำเลยที่ 1รู้ดีอยู่แล้วว่าตนเป็นฝ่ายผิด ดังนี้เหตุรถชนกันเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 ตามรายงานเกี่ยวกับคดีที่บันทึกว่า จำเลยที่ 2 ช่วย ค่ารักษาพยาบาลแก่ ส. คนขับรถยนต์ฝ่ายโจทก์ ส่วนค่าเสียหายรถยนต์ของฝ่ายโจทก์นั้นจะดำเนินการฟ้องร้องในทางแพ่งเองหาใช่เป็นการตกลงใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับการซ่อมรถของฝ่ายโจทก์ดัง ที่ข้อสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัยห้ามไว้ไม่ เมื่อรถของฝ่ายจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายผิดแม้จำเลยที่ 2 จะตกลงใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำเลยที่ 3 ก็หาอาจอ้างข้อสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัยมาบอกปัดความรับผิดได้ไม่ ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในเงินส่วนหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยนั้น หาใช่เป็นการให้ดอกเบี้ยซ้ำซ้อน ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6203/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขับรถบรรทุกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองถ่านไม้ผิดกฎหมาย จึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนและไม่ต้องริบรถ
ล. เจ้าของถ่าน ไม้ของกลางได้ครอบครองถ่าน ไม้ของกลางอยู่ด้วยตนเอง จำเลยเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถยนต์บรรทุก ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองถ่าน ไม้ของกลาง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดกับ ล. และจำเลยไม่รู้ว่า ล. ไม่มีใบเบิกทางและไม่รู้ว่าถ่าน ไม้ของกลางมีปริมาณเกินกว่าที่กำหนดตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ล. เมื่อจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง รถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด จึงริบไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5478/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ ชดใช้ค่าเสียหายและรอการลงโทษ
แม้จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดาของผู้ตาย ภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ก็ยังถือได้ว่าเป็นเหตุอันควรปรานี ทั้งผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลย และจำเลยรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร จึงควรให้โอกาสจำเลยโดยลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5349/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถยนต์ของลูกจ้างนอกเหนือหน้าที่ ไม่ถือเป็นการขับรถในทางการจ้างของนายจ้าง นายจ้างจึงไม่ต้องรับผิด
อ. ลูกจ้างจำเลยตำแหน่งสัตวบาล มีหน้าที่ดูแลสุกรขุน ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์ หลังจากเลิกงาน อ. ได้ขอยืมรถยนต์จากผู้จัดการของจำเลยขับไปรับประทานอาหารข้างนอกฟารม์ของจำเลย จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของ อ. แม้ว่าผู้จัดการของจำเลยจะรู้เห็นยินยอมให้นำรถไปใช้ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้าง เมื่อ อ.ขับรถไปเกิดเหตุชนกันขึ้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด.