พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การขายที่ดินโดยไม่แจ้งตามสัญญา ไม่ถึงขั้นต้องคืนที่ดิน
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อศาลมีว่า โจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 จะนำไปขายโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนไม่ได้ ดังนี้ แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ขายที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ ก็ไม่มีข้อสัญญาว่าจะต้องคืนที่ดินให้โจทก์ตามเดิม โจทก์จึงฟ้องเรียกคืนที่พิพาทกลับมาเป็นของตนอันเป็นข้อนอกเหนือไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินโดยไม่มุ่งหากำไร และความผิดพลาดในการกรอกเอกสารภาษี
โจทก์ซื้อที่ดินพร้อมตึกแถวในปี 2484 ในราคา 12,550 บาท ต่อมาในปี 2505 โจทก์ขายให้แก่ผู้เช่าเพราะเสียอ้อนวอนไม่ได้ในราคา 420,000 บาท เมื่อปรากฏว่าค่าของเงิน 12,550 บาท ในปี 2484 ต่างกับ 420,000 บาท ในปี 2505 ไม่มากนัก ย่อมถือไม่ได้ว่าโจทก์ขายที่ดินโดยมุ่งหากำไรการกรอกรายการขอยกเว้นภาษีจำนวนเงินที่ขายที่ดิน 420,000 บาท ผิดพลาดเป็น 430,000 บาทไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ได้รับยกเว้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326-328/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายหน้าขายที่ดิน: สิทธิได้รับค่าบำเหน็จเมื่อขายได้จริง แม้ไม่ใช่ผู้ซื้อตามสัญญาเดิม
จำเลยตกลงขายที่ดินของจำเลยให้แก่กระทรวงการคลังตามที่โจทก์ผู้เป็นนายหน้าของจำเลยติดต่อให้ มิได้ขายให้แก่ ค. ตามสัญญามัดจำจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับ ค.และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับบำเหน็จจาก ค.หรือกระทำการโดยไม่สุจริตอย่างใด จะถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จและโจทก์ได้กระทำการให้บุคคลภายนอกอันไม่สมควรแก่หน้าที่ผู้กระทำ การโดยสุจริต เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่ได้รับหน้าที่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326-328/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายหน้าขายที่ดิน: การได้รับค่าบำเหน็จเมื่อขายได้ตามที่ชี้ช่อง แม้ไม่ใช่ผู้ซื้อตามสัญญาเดิม
จำเลยตกลงขายที่ดินของจำเลยให้แก่กระทรวงการคลังตามที่โจทก์ผู้เป็นนายหน้าของจำเลยติดต่อให้ มิได้ขายให้แก่ ค. ตามสัญญามัดจำจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับ ค. และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับบำเหน็จจาก ค. หรือกระทำการโดยไม่สุจริตอย่างใดจะถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จและโจทก์ได้กระทำการให้บุคคลภายนอกอันไม่สมควรแก่หน้าที่ผู้กระทำการโดยสุจริต เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่ได้รับหน้าที่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินมือเปล่าและอำนาจจำหน่ายสินบริคณห์ของสามี โดยไม่จำเป็นต้องมีคู่สมรสยินยอม
สัญญาซื้อขายที่ดินมือเปล่าอันเป็นสินบริคณห์ ซึ่งสามีลงชื่อเป็นผู้ขายแต่เพียงผู้เดียวนั้น หาใช่เป็นการขายเฉพาะส่วนของสามีไม่ แต่เป็นการขายทั้งแปลง เพราะสามีย่อมมีอำนาจจำหน่ายทรัพย์สินบริคณห์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1473 โจทก์จึงไม่จำต้องนำสืบว่าภรรยาได้รู้เห็นยินยอมด้วย
สัญญาซื้อขายที่ดินมือเปล่าซึ่งทำกันเอง เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงว่าผู้ขายได้สละการครอบครองที่ดินดังกล่าวให้ผู้ซื้อแล้วเท่านั้นเอกสารเช่นนี้ประมวลรัษฎากรหาได้กำหนดไว้ให้ปิดอากรแสตมป์แต่อย่างใดไม่ จึงรับฟังได้แม้มิได้ปิดอากรแสตมป์
สัญญาซื้อขายที่ดินมือเปล่าซึ่งทำกันเอง เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงว่าผู้ขายได้สละการครอบครองที่ดินดังกล่าวให้ผู้ซื้อแล้วเท่านั้นเอกสารเช่นนี้ประมวลรัษฎากรหาได้กำหนดไว้ให้ปิดอากรแสตมป์แต่อย่างใดไม่ จึงรับฟังได้แม้มิได้ปิดอากรแสตมป์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้ในการร้องสอดคดีแบ่งมรดก แม้จำเลยตกลงจะขายที่ดินเพื่อชำระหนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกจากจำเลย ผู้ร้องสอดอ้างว่าที่แปลงนี้เป็นของจำเลยแล้ว จำเลยกู้เงินผู้ร้องสอดไปแล้วตกลงยอมขายที่แปลงนี้ทั้งหมดแก่ผู้ร้องสอดเพื่อเป็นการชำระหนี้ ถ้าจำเลยแพ้คดีผู้ร้องสอดจะได้รับความเสียหายขอเข้ามาเป็นคู่ความร่วม ข้ออ้างดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมโดยปริยายในการขายที่ดินมรดก: สิทธิของเจ้าของเดิม vs. ผู้ซื้อ
การที่จำเลยที่ 2 ขายที่ดินมือเปล่าซึ่งจำเลยที่ 1เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยโดยที่จำเลยที่ 1 ก็รู้เรื่องและมิได้คัดค้านประการใดนั้น. ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ขายส่วนของจำเลยที่ 1 โดยปริยายด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เงินยืมมีเงื่อนไขชำระเมื่อขายที่ดิน ข้อความในเอกสารเป็นเพียงคำรับรอง ไม่ใช่เงื่อนไขตามกฎหมาย
หนี้ตามเอกสารหมาย จ.1 มีความที่จำเลยเขียนไว้ว่า'ได้รับยืมเงินคุณพระ (โจทก์) 60,000บาท จะใช้คืนทั้งหมดในเมื่อรับเงินขายที่ 24 ไร่ได้ จะคืนคุณพระหมด'หนี้ตามเอกสารหมาย จ.3 มีความว่า'ขอกวนใจช่วยอีก 20,000 บาทเท่ากับให้ผมยืมก่อน และเวลาขายที่นาของผมได้ ผมก็จะอนุญาตให้คุณพระหักไปเลย' ดังนี้ข้อความที่จำเลยเขียนระบุไว้นั้น เป็นเพียงคำปรารภหรือคำกล่าวอ้างของจำเลยในเวลายืมรับรองว่าจะชำระหนี้คืน เมื่อจำเลยขายที่ดินของจำเลยได้ เนื่องจากจำเลยยังมีที่ดินพอจะขายเอาเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ได้เท่านั้น คำรับรองดังกล่าวหาใช่เงื่อนไขในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา144 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับรองการชำระหนี้เมื่อขายที่ดิน ไม่ใช่เงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หนี้ตามเอกสารหมาย จ.1 มีความที่จำเลยเขียนไว้ว่า.'ได้รับยืมเงินคุณพระ (โจทก์)60,000บาท จะใช้คืนทั้งหมดในเมื่อรับเงินขายที่ 24 ไร่ได้ จะคืนคุณพระหมด'.หนี้ตามเอกสารหมาย จ.3 มีความว่า'ขอกวนใจช่วยอีก 20,000 บาทเท่ากับให้ผมยืมก่อน และเวลาขายที่นาของผมได้ ผมก็จะอนุญาตให้คุณพระหักไปเลย'. ดังนี้ข้อความที่จำเลยเขียนระบุไว้นั้น เป็นเพียงคำปรารภหรือคำกล่าวอ้างของจำเลยในเวลายืมรับรองว่าจะชำระหนี้คืน. เมื่อจำเลยขายที่ดินของจำเลยได้ เนื่องจากจำเลยยังมีที่ดินพอจะขายเอาเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ได้เท่านั้น. คำรับรองดังกล่าวหาใช่เงื่อนไขในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา144 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินเพื่อหากำไรหน้าที่เสียภาษีการค้า พิจารณาตามกฎหมายที่ใช้บังคับในแต่ละช่วงเวลา
การขายอสังหาริมทรัพย์ในทางการค้าก่อนวันที่ 5 พฤศจิกายน2502 ต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 มาตรา 40. ซึ่งต้องคำนึงถึงค่ารายปีของสถานที่ประกอบการค้าและเสียภาษีตามยอดเงินรายรับ.ส่วนการค้าตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2502 ตลอดมา ต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่16) พ.ศ.2502 มาตรา 38. จึงไม่ต้องคำนึงถึงค่ารายปีหรือจำนวนเงินซึ่งสถานการค้าสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่งๆนั้นอีก.
โจทก์ซื้อที่ดินเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2485 จำนวน6 โฉนด เนื้อที่ 39 ไร่ ราคา 113,996 บาท. ต่อมาปีเศษ โจทก์ยื่นคำร้องขอรวมที่ดินทั้งหมดนี้เข้าเป็นแปลงเดียวกัน. เมื่อเจ้าพนักงานจัดทำให้เสร็จแล้ว ได้ขอแบ่งแยกเป็นที่ดินแปลงย่อยๆ รวม 24 แปลง. โจทก์ตัดถนนผ่านที่ดินกว้าง 10 เมตร เป็นถนนคอนกรีตทำเสร็จเมื่อ พ.ศ.2496. และได้ขอต่อไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าที่ดินทั้งหมด.และในปี พ.ศ.2496 นี้ ได้เริ่มขายที่ดินแปลงย่อยๆจนถึง พ.ศ.2504 จำนวน 20 แปลงเป็นเงิน 7,831,803 บาท. ตามพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่า โจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไรจึงมีหน้าที่เสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล.
โจทก์ซื้อที่ดินเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2485 จำนวน6 โฉนด เนื้อที่ 39 ไร่ ราคา 113,996 บาท. ต่อมาปีเศษ โจทก์ยื่นคำร้องขอรวมที่ดินทั้งหมดนี้เข้าเป็นแปลงเดียวกัน. เมื่อเจ้าพนักงานจัดทำให้เสร็จแล้ว ได้ขอแบ่งแยกเป็นที่ดินแปลงย่อยๆ รวม 24 แปลง. โจทก์ตัดถนนผ่านที่ดินกว้าง 10 เมตร เป็นถนนคอนกรีตทำเสร็จเมื่อ พ.ศ.2496. และได้ขอต่อไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าที่ดินทั้งหมด.และในปี พ.ศ.2496 นี้ ได้เริ่มขายที่ดินแปลงย่อยๆจนถึง พ.ศ.2504 จำนวน 20 แปลงเป็นเงิน 7,831,803 บาท. ตามพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่า โจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไรจึงมีหน้าที่เสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล.