พบผลลัพธ์ทั้งหมด 164 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ต้องระบุความจริงให้ชัดเจน เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่าอย่างไร และเบิกความในชั้นศาลว่าอย่างไร แล้วสรุปว่าจำเลยกระทำผิดฐานแจ้งความเท็จหรือเบิกความเท็จ โดยอ้างว่าหากข้อความที่จำเลยให้การในชั้นศาลเป็นความจริง ที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนก็ย่อมเป็นเท็จ และหากข้อความที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นความจริงการเบิกความต่อศาลก็ย่อมเป็นเท็จ แสดงว่าโจทก์เองก็ไม่ทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร เป็นฟ้องที่ขัดกันเองอยู่ในตัวไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้องเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหาและการบันทึกการจับกุมไม่จำเป็นต้องควบคู่กันไป การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายเฉพาะกรณีแจ้งข้อหาไม่ถูกต้องเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 บัญญัติแต่เพียงให้ เจ้าพนักงานแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับว่าเขาจะต้องถูกจับเท่านั้น มิได้กำหนดให้มีการแจ้งข้อหาหรือการบันทึกการจับกุมแต่ประการใด
การแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา134 กำหนดให้กระทำเฉพาะเมื่อผู้ต้องหามาอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวนและ ไม่จำต้องแจ้งข้อหาทุกกระทง ดังนั้นการที่พนักงานสอบสวนเติมคำว่า บุกรุกลงในบันทึกการจับกุมที่ผู้จับทำขึ้น จึงหาทำให้การสอบสวนเป็นการ สอบสวนที่ไม่ ชอบด้วยกฎหมายไม่
การแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา134 กำหนดให้กระทำเฉพาะเมื่อผู้ต้องหามาอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวนและ ไม่จำต้องแจ้งข้อหาทุกกระทง ดังนั้นการที่พนักงานสอบสวนเติมคำว่า บุกรุกลงในบันทึกการจับกุมที่ผู้จับทำขึ้น จึงหาทำให้การสอบสวนเป็นการ สอบสวนที่ไม่ ชอบด้วยกฎหมายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3628/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดขอบเขตความรับผิดในคดีข่มขืน การบรรยายฟ้องต้องชัดเจน หากฟ้องไม่ครอบคลุมข้อหาอื่น ศาลไม่อาจลงโทษได้
จำเลยใช้ปืนตีศีรษะผู้เสียหายและช่วย ล. ฉุดผู้เสียหายไปยังป่าริมถนนแล้วจำเลยวิ่งกลับไป โดย ล. คงฉุดผู้เสียหายต่อและนำเข้าไปในป่าแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนี้จำเลยมิได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนล. กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 การกระทำของจำเลยคงเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 284 เพียงกรรมเดียวเท่านั้นเมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายเกี่ยวกับข้อหาฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 284 จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องและมิใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาพาหญิงไปเพื่อการอนาจารได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3221/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายกรรโชก แม้ฟ้องในข้อหาปล้นทรัพย์ ศาลต้องยกฟ้องตามข้อหาเดิม
จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกขู่เข็ญผู้เสียหายเรียกเอาเงิน 6,000 บาทโดยอ้างว่ามีผู้ร้องเรียนไปทางกรมตำรวจว่าผู้เสียหายเป็นพระจรจัด จะเอาเงินไปปิดปากผู้ร้องเรียน ผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงิน จำเลยที่ 2ว่ามีเท่าใดให้เอามาก่อน พร้อมกับทำมือแสดงอาการฮึดฮัดไม่พอใจลักษณะจะทำร้าย ผู้เสียหายกลัว จึงชี้บอกเงิน 2,000 บาทใส่ซองวางไว้บนโต๊ะให้เอาไปก่อน เช่นนี้ กรณีเป็นความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานกรรโชก ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสามซึ่งแก้ไขใหม่ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยซึ่งฟ้องไว้ก่อนแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานกรรโชก ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสามซึ่งแก้ไขใหม่ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยซึ่งฟ้องไว้ก่อนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องยักยอกไม่ชัดเจน การบรรยายฟ้องต้องระบุการกระทำที่ชัดเจนเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานยักยอก โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยเช่าจากผู้เสียหายไปเป็นของตนเองโดยทุจริต โดยมิได้ระบุการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ย่อมเป็นฟ้องเคลือบคลุม (อ้างฎีกาที่ 1057/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2352/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาต้องระบุรายละเอียดการกระทำความผิดให้ชัดเจน เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยครอบครองเรือยนต์ของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายมอบหมายให้จำเลยนำไปทำการดูดแร่ในทะเล แล้วจำเลยเบียดบังเอาเรีอยนต์นั้นเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ดังนี้ ข้อกล่าวหาที่ว่าจำเลยเบียดบังนั้น โจทก์มิได้ระบุกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยกระทำการอย่างไรที่พอจะถือได้ว่าจำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต เมื่อโจทก์ไม่บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1057/2514)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1057/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญาประกันตัว: ศาลมีอำนาจลดลงได้ตามสมควร หากจำนวนสูงเกินไปเมื่อเทียบกับความร้ายแรงของข้อหา
จำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันซึ่งผู้ประกันจะต้องชำระเมื่อมีการผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ที่ขอประกันให้ตามกำหนดมิได้นั้น เป็นเบี้ยปรับซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษและข้อหาอาญาในชั้นอุทธรณ์และการฎีกา
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 3 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุกจำเลย 2 ปี ตาม มาตรา 265 ยกข้อหาตาม มาตรา 268 เป็นการแก้ทั้งบทและกำหนดโทษ เป็นแก้มาก โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาฐานประมาทต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่เป็นความประมาท มิใช่แค่กล่าวอ้างตามกฎหมาย
การที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ เป็นเหตุให้ชนผู้อื่นถึงตายขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ดังนี้ ฟ้องโจทก์เป็นแต่เพียงกล่าวอ้างถ้อยคำในบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าการกระทำอย่างไรเป็นการกระทำโดยประมาทโดยมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่าจำเลยมีความประมาทอย่างไร อันเป็นลักษณะสำคัญของดีที่จะให้จำเลยรู้ข้อหาในความประมาทของตน จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าสินค้าที่ไม่ระบุรายละเอียดชัดเจน ทำให้ฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อสินค้า บรรยายแต่วันเดือนปีและจำนวนเงินที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ซื้อสินค้าของโจทก์ไปมิได้ระบุว่าสินค้าต่างๆ ที่จำเลยที่ 1 สั่งซื้อจากโจทก์นั้นเป็นสินค้าอะไรบ้างกล่าวแต่เพียงว่า สินค้าต่างๆ โจทก์จะได้เสนอหลักฐานในชั้นพิจารณาทั้งมิได้แนบรายการสินค้ามาท้ายฟ้อง ตามหนังสือทวงถามก็มิได้แนบรายการสินค้าให้เช่นเดียวกัน โจทก์เป็นบริษัทจำกัด ก็มิได้กล่าวไว้ว่ามีวัตถุประสงค์ทำการค้าสินค้าอะไร ซึ่งถ้ามีกล่าวไว้ ก็พอจะให้จำเลยเข้าใจได้ว่าสินค้าต่างๆ ที่จำเลยที่ 1 สั่งซื้อจากโจทก์หมายถึงสินค้าต่างๆ ที่บริษัทโจทก์ทำการค้า ดังนี้ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่มิได้แสดงรายการละเอียดว่าเป็นสินค้าอะไรบ้าง อย่างไหน จำนวนและราคาเท่าใดอันเป็นสารสำคัญซึ่งพอจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่มิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172