คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีมีทุนทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมหลังคดีเปลี่ยนประเภท และการพิจารณาถึงเจตนาของโจทก์ในการดำเนินคดี
คดีไม่มีทุนทรัพย์ ซึ่งกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์ในภายหลัง.แม้ศาลกำหนดให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลที่เพิ่มขึ้นมาชำระก่อนวันนัดพิจารณา. แต่ต่อมาได้มีการเลื่อนการพิจารณาโดยคู่ความแถลงว่า. คดีอาจมีทางตกลงกัน แล้วตกลงกันไม่ได้.พฤติการณ์ก็เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขัดขืนไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามที่ศาลสั่ง. ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง.โดยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด. ไม่ควรที่ศาลจะด่วนสั่งจำหน่ายคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์: ประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นหลัก คำขอขับไล่เป็นผลต่อเนื่อง ฎีกาข้อเท็จจริงต้องไม่เกินชั้นอุทธรณ์
ฟ้องว่าจำเลยบุกรุก ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ดังนี้ เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ แม้จะมีคำขอให้ขับไล่รวมอยู่ด้วย ก็เป็นเพียงผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเท่านั้น ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่ว่าที่พิพาทเป็นของใคร จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขออันไม่มีทุนทรัพย์แยกกันได้จากคำขอที่เป็นทุนทรัพย์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและที่พิพาทมีราคาไม่เกิน 5,000 บาท คู่ความจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ (อ้างคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 568/2504)
คดีก่อน โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก คดีหลังโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินที่ได้มาจากคดีก่อนเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่า ฟ้องเคลือบคลุม แต่มิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นศาลอุทธรณ์ดังนี้จะมาอ้างในชั้นศาลฎีกามิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ต่ำกว่าเกณฑ์ฎีกา: โจทก์เสียเปรียบแม้ฟ้องขับไล่แต่จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และเมื่อที่พิพาทมีราคาเพียง 1,500 บาท แม้โจทก์จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตลอดมา ถ้าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286-1287/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาขัดทรัพย์ในคดีมีทุนทรัพย์จำกัด การฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีร้องขัดทรัพย์ที่ผู้ร้อง 2 คน ต่างยื่นคำร้องว่าที่ดินที่โจทก์นำยึด 2 แปลง เป็นที่ของผู้ร้องคนละแปลง โดยตีราคาที่ดินแปลงละห้าพันบาทนั้น เป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องจะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเลิกหุ้นส่วน: ศาลพิจารณาเฉพาะความเป็นหุ้นส่วน ไม่จำกัดมูลค่าทรัพย์สิน
คดีที่โจทก์ฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนนั้น แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าโจทก์มิได้เป็นหุ้นส่วนด้วย จำเลยเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวก็ตาม ประเด็นก็คงมีต้องวินิจฉัยเพียงว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนด้วยหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องชี้ขาดว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์หรือทรัพย์สินอยู่ในกิจการหุ้นส่วนนั้นเท่าใดจึงจะเรียกว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่ได้ และเป็นคดีตกอยู่ในอำนาจศาลแขวงรับไว้พิจารณาพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีภาษีเงินได้เกินอำนาจศาลแขวง: การเพิกถอนการประเมินภาษีและคืนเงินที่ชำระแล้ว
โจทก์ฟ้องประกอบด้วยคำขอท้ายฟ้อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินภาษี เงินได้ประเมินภาษีเงินได้ให้โจทก์ชำระเงิน 71,936.10 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่เจ้าพนักงานประเมินภาษีได้ประเมินให้โจทก์ชำระภาษี71,936.10 บาท ซึ่งโจทก์ได้นำเงินไปชำระแล้วนั้นเสียดังนี้ ผลของคำพิพากษาในเมื่อโจทก์ชนะคดีก็คือโจทก์ย่อมได้รับเงินที่ชำระไว้แล้วคืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 เกินอำนาจศาลแขวงจะพิจารณาพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลสูงมีอำนาจยกคำพิพากษาและพิพากษายกฟ้องได้
ฟ้องขอให้โอนที่ดินให้ตามสัญญาจะซื้อขายนั้น เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ( อ้างคำสั่งคำร้องที่ 12/2493 และ ฎีกาที่ 1065/2493 )
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงจำเลยต่อสู้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อศาลแขวงสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง แล้วพิจารณาคดีต่อไปนั้น แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในทันที และมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จนศาลพิพากษาแล้ว จึงมาอุทธรณ์เรื่องอำนาจศาลอีก ดังนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องอำนาจศาลเป็นข้อ ก.ม.อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142 (5) และเมื่อเห็นว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง ศาลสูงก็ย่อมมีอำนาจให้ยกคำพิพากษาแขวงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์: การฟ้องบังคับโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายและการเสียค่าธรรมเนียมที่ถูกต้อง
ฟ้องขอให้โอนขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายนั้น ถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์
เมื่อคู่ความเสียค่าธรรมเนียมมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ในชั้นศาลล่างและศาลอุทธรณ์ ศาลล่างทั้ง 2 ก็รับข้อวินิจฉัยให้แล้วนั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริง ถ้าคดีนั้นมีทุนทรัพย์เกิน 2000 บาท จำเลยผู้ฎีกาเสียค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาขึ้นมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาก็รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญญาโอนที่ดินและการเรียกคืนกรรมสิทธิ์: คดีมีทุนทรัพย์
โจทก์ ฟ้องอ้างว่าโจทก์ได้ให้ที่ดินแก่จำเลยไปแล้วโจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาให้ ดังนี้ ความประสงค์ก็คือเอากรรมสิทธิ์ ซึ่งโจทก์ว่าได้โอนไปให้ แล้วกลับคืนมานั่นเอง ดังจะเห็นได้จากคำขอที่ให้ถอนชื่อจำเลยออกเสียจากโฉนด คงชื่อไว้แต่โจทก์ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืนและเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8522/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญเมื่อหุ้นส่วนไม่ไว้วางใจกัน และการพิจารณาคดีมีทุนทรัพย์
การชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1061 วรรคสาม ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันจัดทำหรือให้บุคคลอื่นซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้แต่งตั้งขึ้นนั้นเป็นผู้จัดทำ ซึ่งตามมาตรา 1061 วรรคสี่ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน ฉะนั้นในกรณีที่ไม่อาจหาเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วนได้ ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีให้ โดยเฉพาะกรณีที่มีการฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนไม่อาจตกลงกันในเรื่องผู้ชำระบัญชีได้ ศาลย่อมมีอำนาจแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี ได้ตามที่เห็นสมควรแม้คู่กรณีจะเสนอผู้ใดมาโดยเฉพาะก็ตาม การแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีจึงไม่ขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 1061 แต่อย่างไรก็ตามการตกลงเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญตามฟ้องมีผู้เป็นหุ้นส่วนเพียง 2 คน คือโจทก์และจำเลยซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันทั้งไม่ประสงค์เป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกัน หากแต่งตั้งจำเลยหรือโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีเพียงคนเดียวหรือเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกัน ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะต้องเกิดปัญหาในการชำระบัญชีไม่ร่วมมือกัน เป็นอุปสรรคแก่การชำระบัญชีและไม่เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย จึงเห็นสมควรแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนแทนจำเลย
โจทก์ฟ้องแทนห้างหุ้นส่วน เมื่อตามคำฟ้องและอุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งกระทำแทนห้างหุ้นส่วนมีคำขอบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่ห้างหุ้นส่วน จึงถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เป็นเงินแก่ห้างหุ้นส่วน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ห้างหุ้นส่วนโดยโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง
of 9