คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คนอนาถา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 126 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีคนอนาถา: การชำระค่าธรรมเนียมที่ศาลในนามโจทก์
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นการที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยไม่ระบุให้ชัดเจนว่าให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์นั้น จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้นที่โจทก์ได้รับการยกเว้นต่อศาลในนามของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการสาบานตัวตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติตาม กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้สาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล เป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 บัญญัติไว้ ดังนั้น กระบวนพิจารณาที่ศาลได้ดำเนินมาในเรื่องการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานับแต่ยื่นคำร้องไม่ว่าจะดำเนินโดยศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ตลอดจนคำสั่งในเรื่องนี้ย่อมเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามไปด้วย ศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(1) ประกอบด้วยมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งคดีโดยคนอนาถาต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการสาบานตัวตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติตาม กระบวนการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ
จำเลยยื่นคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา โดยไม่ได้สาบานตัวเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การ เป็นไปด้วยความยุติธรรม กระบวนพิจารณานับแต่ยื่นคำร้องไม่ว่า จะดำเนินโดยศาลชั้นต้น หรือศาลอุทธรณ์ ตลอดจนคำสั่งในเรื่องนี้ เป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามไปด้วย ศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้น ดำเนินการเสียใหม่ให้ถูกต้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3269/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาฟ้องคดีอย่างคนอนาถา: การเลือกทางแก้และการสละสิทธิ
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์แล้ว หากโจทก์ไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว โจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่า โจทก์เป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ หรืออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์นั้นต่อศาลอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวตาม มาตรา 156 วรรคห้า ซึ่งแม้โจทก์มีสิทธิที่จะเลือกดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่จำต้องเลือกดำเนินกระบวนพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 156 วรรคสี่ก่อน และอาจข้ามไปดำเนินกระบวนพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 156 วรรคห้าได้ก็ตามแต่การที่กฎหมายบัญญัติทางแก้ที่ผู้ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไว้ตามวรรคสี่และวรรคห้า ของ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156นั้นเห็นได้ว่าเป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติขั้นตอนที่ผู้ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์และโจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นตามมาตรา 156 วรรคห้า แต่โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกินกำหนด 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่งและศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์นั้นแล้ว โจทก์จะกลับมาขอให้ศาลพิจารณาคำขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้นใหม่เพื่อให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์เป็นคนยากจนตามมาตรา 156วรรคสี่อีก หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา: ศาลมีอำนาจพิจารณาความยากจนของผู้ขอได้ แม้เคยมีทรัพย์สิน
จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยสามารถเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ มิได้ยากจนจริง ยกคำร้อง จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น แต่ยื่นคำร้องขออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนปรากฏว่าคำร้องดังกล่าวมิได้กล่าวอ้างว่าพยานหลักฐานที่จะแสดงเพิ่มเติมนั้นเหตุใดจึงมิได้ระบุหรืออ้างไว้ในการไต่สวนครั้งแรกและพยานหลักฐานที่จะแสดงเพิ่มเติมมีความสำคัญที่จะหักล้างข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังไว้อย่างไร เพียงแต่แนบบัญชีระบุพยานซึ่งระบุรายชื่อพยานบุคคลซึ่งส่วนใหญ่ได้อ้างไว้ในการไต่สวนครั้งแรกและอ้างเพิ่มบางคนเท่านั้น ดังนี้ ทำให้เห็นว่าจำเลยไม่น่าจะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมพอที่จะแสดงว่าฐานะของจำเลยแตกต่างไปจากที่เคยวินิจฉัยไว้แล้ว ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสียได้ โดยไม่ต้องไต่สวนคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6349/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตดำเนินคดีอย่างคนอนาถา และอำนาจศาลในการกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียม
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอฟ้องคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา เมื่อได้ไต่สวนพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำมาแสดงเพิ่มเติมแล้วนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ มิได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ได้ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้า การขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมนั้น แม้จะล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลตามคำสั่งศาลชั้นต้นมาแล้วก็ตามถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วน หรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ศาลอุทธรณ์มีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระได้เพราะเป็นอำนาจศาลทั่วไปที่มีอยู่ในการดำเนินการพิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5585/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดจำเลยไม่ออกเดินทางแต่เนิ่นๆ ทำให้ไม่ทันนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชอบธรรมที่ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยไปตามคำร้องขอของจำเลย จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องคำนวณระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางและออกเดินทางเสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ทันเวลานัดของศาล เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ปรากฏว่ารถยนต์โดยสารที่จำเลยเดินทางมานั้น ใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติเกินกว่าที่คาดคิดแต่อย่างใดจึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยมาศาลไม่ทันเวลานัด เป็นเพราะความผิดของจำเลยที่ไม่ออกเดินทางมาก่อนหน้านั้น ดังนั้น แม้จะฟังเป็นความจริงดังที่จำเลยอ้างในคำร้อง ก็ไม่มีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นจะเพิกถอนคำสั่งที่ให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยได้ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนเสียก่อนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5585/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดจำเลยที่ไม่เดินทางทันเวลานัดศาล ทำให้ศาลยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยไปตามคำร้องขอของจำเลย จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องคำนวณระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางและออกเดินทางเสียแต่เนิ่น ๆเพื่อให้ทันเวลานัดของศาล เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ปรากฏว่ารถยนต์โดยสารที่จำเลยเดินทางมานั้น ใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติเกินกว่าที่คาดคิดแต่อย่างใดจึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยมาศาลไม่ทันเวลานัด เป็นเพราะความผิดของจำเลยที่ไม่ออกเดินทางมาก่อนหน้านั้น ดังนั้น แม้จะฟังเป็นความจริงดังที่จำเลยอ้างในคำร้องก็ไม่มีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นจะเพิกถอนคำสั่งที่ให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยได้ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนเสียก่อนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3722/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลเกี่ยวกับการดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ต้องอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา หากเป็นคำสั่งในชั้นฎีกา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้าในกรณีที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียวถ้าเป็นการขอฟ้องหรือต่อสู้คดีในศาลชั้นต้น ผู้ขออาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ถ้าเป็นการขอฟ้องหรือต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ผู้ขออาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้วแต่กรณี คดีนี้โจทก์ขอฟ้องคดีในชั้นฎีกา เป็นเรื่องอยู่ในกระบวนพิจารณาของศาลฎีกา และในชั้นแรกศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าประสบอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำมาศาลช้ากว่ากำหนดเพราะเหตุสุดวิสัย ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งและให้ไต่สวนพยานโจทก์ต่อไป เท่ากับโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของตนใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมให้ยกคำร้องแม้คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องเช่นนี้ไม่มีกฎหมายกำหนดว่าให้เป็นที่สุด แต่เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับไม่รับฎีกาของศาลชั้นต้น ซึ่งทำแทนศาลฎีกาเป็นอำนาจของศาลฎีกาโดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า โจทก์จึงชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลฎีกา ที่โจทก์กลับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการพิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก่อนคำสั่งรับอุทธรณ์: การดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
จำเลยยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ศาลต้องมีคำสั่งคำร้องขอดำเนินคดีอย่าคนอนาถาก่อนมีคำสั่งคำฟ้องอุทธรณ์ ของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสาม
of 13