พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,140 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทที่ดินเช่า สิทธิการครอบครอง การสร้างรุกล้ำลำน้ำ และค่าเสียหาย
จำเลยปลูกบ้านในที่ดินพิพาทที่เช่าจากโจทก์ ต่อมาที่ดินพิพาทใต้อาคารบ้านที่จำเลยปลูกสร้างถูกน้ำกัดเซาะเป็นเหตุให้ตลิ่งพังทลายลงสู่แม่น้ำ ที่ดินพิพาทกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งโดยที่จำเลยยังคงทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทกับโจทก์ตลอดมาซึ่งโจทก์ก็ยังคงสงวนสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เป็นค่าเช่าที่ดินพิพาทอยู่ มิได้ปล่อยทิ้งให้เป็นที่ชายตลิ่งที่ประชาชนทั่วไปจะเข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ดังนั้น ที่ดินพิพาทจึงมิใช่ที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) เมื่อสัญญาเช่าที่ดินพิพาทสิ้นสุดลงและล่วงเลยเวลาที่โจทก์ผ่อนผันให้จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในที่ดินพิพาทของโจทก์อีกต่อไป โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2599/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนน.ส.3ก. กรณีครอบครองโดยไม่ชอบและอายุความฟ้องร้อง
จำเลยไม่มีสิทธิครอบครองที่ดิน การที่จำเลยนำที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จึงไม่ชอบ ศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 และตราบใดที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ยังไม่ถูกเพิกถอนย่อมถือว่าการละเมิดยังมีอยู่ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และความผิดฐานขู่เข็ญ
แม้ผู้ตรวจพิสูจน์จะตรวจพบรอยขูดลบเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายทะเบียนที่อาวุธปืนของกลาง แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเครื่องหมายทะเบียนเดิมเป็นเลขใด ประกอบกับได้ความในชั้นสอบสวนว่าจำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จึงต้องรับฟังว่าอาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยมีอาวุธปืนของผู้อื่นดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนของผู้อื่น การครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
แม้ผู้ตรวจพิสูจน์จะตรวจพบรอยขูดลบเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายทะเบียนที่อาวุธปืนของกลาง แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเครื่องหมายทะเบียนเดิมเป็นเลขใด ประกอบกับได้ความในชั้นสอบสวนว่าจำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จึงต้องรับฟังว่าอาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยมีอาวุธปืนของผู้อื่นดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2546 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองพื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อผู้อื่น จำเลยเพียงรับจ้างใส่ปุ๋ย ไม่ถือว่าครอบครองเพื่อผู้อื่น
การที่จำเลยรับจ้างบุคคลอื่นใส่ปุ๋ยต้นยางพาราที่ปลูกอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวเพื่อผู้อื่นด้วย ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองสวนยางพาราพื้นที่เกิดเหตุโดยยึดถือเอาไว้เพื่อผู้อื่น ตามความหมายของมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 หรือ มาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
เมื่อศาลมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิด กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 72 ตรี วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ มาตรา 31 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ที่จะสั่งให้จำเลย คนงานผู้รับจ้างผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุตามที่โจทก์ขอได้
เมื่อศาลมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิด กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 72 ตรี วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ มาตรา 31 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ที่จะสั่งให้จำเลย คนงานผู้รับจ้างผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุตามที่โจทก์ขอได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวน: จำเลยต้องมีเจตนาครอบครองเพื่อตนเอง ไม่ใช่เพียงรับจ้างทำงาน
ในชั้นสอบสวนกับชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ และไม่ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์ว่า จำเลยเข้าไปใส่ปุ๋ยหรือดูแลรักษาต้นยางพาราในสวนยางพาราที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้หรือไม่และทำมานานเท่าใด กรณีอาจเป็นเรื่องที่จำเลยอาจจะรับจ้างใส่ปุ๋ยเมื่อใส่เสร็จแล้วจำเลยก็หมดภาระหน้าที่ โดยมิได้ครอบครองพื้นที่เกิดเหตุด้วยก็เป็นได้คดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองสวนยางพาราที่เกิดเหตุเพื่อผู้อื่นตามความหมายของมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ
คำขอท้ายฟ้องขอให้สั่งให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นคำขอในวิธีการอุปกรณ์ของโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ มาตรา 31 วรรคสาม และพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 72 ตรี วรรคสาม ซึ่งศาลจะมีคำสั่งเช่นนั้นได้ต่อเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด เมื่อศาลมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าวศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้ตามที่โจทก์ขอได้
คำขอท้ายฟ้องขอให้สั่งให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นคำขอในวิธีการอุปกรณ์ของโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ มาตรา 31 วรรคสาม และพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 72 ตรี วรรคสาม ซึ่งศาลจะมีคำสั่งเช่นนั้นได้ต่อเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด เมื่อศาลมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าวศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้ตามที่โจทก์ขอได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เจตนาครอบครองพื้นที่ป่าสงวน การสั่งให้ผู้นำพื้นที่ออกจากเขตป่าต้องมีคำพิพากษาถึงความผิดเสียก่อน
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้สั่งให้จำเลย คนงาน ผู้รับเหมา ผู้แทนและบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นคำขอในวิธีการอุปกรณ์ของโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 วรรคสาม และพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2483 มาตรา 72 ตรี วรรคสาม ซึ่งศาลจะมีคำสั่งได้เช่นนั้นต่อเมื่อศาลพิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าว เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องโดยมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตราดังกล่าว ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้ตามที่โจทก์ขอได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมียาเสพติดไว้ในครอบครอง โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดจำเลยจนปราศจากข้อสงสัย แม้การตรวจค้นไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่กระทบการสอบสวน
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 130 เม็ด ไว้ในครอบครองแล้วจะสันนิษฐานว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหาชอบไม่ โจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยจนได้ความแน่ชัดปราศจากข้อสงสัย ศาลจึงจะรับฟังลงโทษจำเลยได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 174
แม้การตรวจค้นจับกุมอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หามีผลทำให้การสอบสวนที่ชอบเป็นไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่
แม้การตรวจค้นจับกุมอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หามีผลทำให้การสอบสวนที่ชอบเป็นไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10534/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานจำหน่ายและมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นคนละกรรม
จำเลยรับอยู่ในฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีเจตนาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแก่ผู้ซื้อทั่ว ๆ ไป ดังนั้น เมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้บุคคลใดไม่ว่าจะเป็นสายลับหรือไม่ จำเลยย่อมมีการกระทำอันเป็นความผิดสำเร็จ คือ การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน และเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจยังค้นพบเมทแอมเฟตามีนจากตัวจำเลยอีก ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยมีการกระทำอันเป็นความผิดตามเจตนาอีกกรรมหนึ่งต่างหากจากการกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่เป็นความผิดสำเร็จไปแล้ว คือ ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นสองกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6634/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่
ที่ดินพิพาทเดิมเป็นหากทรายชายทะเลชาวบ้านใช้ตากกุ้งและตากปลาอันเป็นการใช้ทรัพย์สินของแผ่นดินเพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน แม้ต่อมาจะเปลี่ยนแปลงสภาพโดยธรรมชาติทะเลตื้นเขินขึ้น แต่ก็เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) ตราบใดที่ทางราชการยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนสภาพตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง ก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองหรือมีกรรมสิทธิ์ไม่ เมื่อโจทก์มิใช่ผู้ยึดถือที่ดินพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่