คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความถูกต้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 139 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับฟ้อง
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31)อุทธรณ์(32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่งแล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษาซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมดโดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้องจะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกาเพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้นดังนี้อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับพิจารณา
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31)อุทธรณ์(32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา. ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่ง. แล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษา. ซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมด. โดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้อง. จะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกา. เพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้น. ดังนี้อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15. ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดิน: ศาลใช้รายงานสำนักงานที่ดินเป็นหลักฐานพิสูจน์ความถูกต้องของการรังวัดใหม่ด้วยเครื่องมือที่แม่นยำกว่า
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลให้แบ่งแยกที่พิพาทออกเป็น 3
ส่วน โดยให้เส้นแบ่งแยกตั้งได้ฉากกับถนน ศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว ช่างรังวัดของสำนักงานที่ดินได้ทำการรังวัดปักหลักเขตแบ่งแยกที่ดินให้ตามสัญญายอม โจทก์จำเลยได้ลงชื่อรับรองการรังวัดนั้น ต่อมาโจทก์เห็นว่าเส้นแบ่งเขตไม่ตั้งได้ฉากกับถนนตามสัญญายอม โดยการรังวัดของเจ้าพนักงานคลาดเคลื่อนไป โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งให้มีการรังวัดตรวจสอบใหม่ได้ ลำพังที่โจทก์จำเลยลงชื่อรับรองการรังวัดนั้น จะถือว่าโจทก์จำเลยรับรองว่าแผนที่ได้ทำขึ้นถูกต้องตามสัญญายอมต้องถือเป็นยุติแล้วหาได้ไม่
สำนักงานที่ดินมีหนังสืออธิบายต่อศาลว่า การรังวัดด้วยวิธีเจาะช่องส่องกล้องและบังธงอาจคลาดเคลื่อนได้ ถ้ารังวัดด้วยกล้องธีโอโดไลท์โดยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางออกให้กล้องสามารถส่องไปถึงจุดที่หมายได้แล้ววัดระยะอีกครั้งหนึ่ง จะได้ความจริงถูกต้องและแน่นอน ศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบ จำเลยได้ยินยอมให้รังวัดใหม่ด้วยกล้องธีโอไดไลท์ ต่อมาสำนักงานที่ดินมีหนังสือรายงานศาลว่า ช่างรังวัดได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินด้วยกล้องธีโอโดไลท์ตามสัญญายอมแล้ว ศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบจำเลยปฏิเสธไม่รับรองการรังวัดครั้งหลัง ศาลชั้นต้นได้สั่งในรายงานกระบวนพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่รับรองว่าการรังวัดครั้งหลังใช้วิธีการเครื่องมือที่แน่นอนกว่า คือ ใช้กล้องส่องแทนที่ใช้โซ่ลากอย่างคราวแรก ถือได้ว่าการรังวัดครั้งหลังถูกต้องยิ่งกว่าคราวแรกให้โจทก์จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกตามที่ได้รังวัดครั้งหลังนี้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นได้รับฟังหนังสือรายงานของสำนักงานที่ดินเป็นหลักฐาน พิเคราะห์ในการสั่งเป็นการไต่สวนอยู่แล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นไม่จำต้องทำการไต่สวนอย่างใดต่อไปอีกตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 2 และ 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีกับผู้เยาว์โดยไม่มีผู้แทนตามกฎหมาย: ศาลมีอำนาจแยกคดีเพื่อให้การพิจารณาถูกต้อง
ในคำฟ้องช่องจำเลย โจทก์เขียนว่านายจรินทร์จันทรศิลปินในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้ปกครองเด็กหญิงนวลจันทร์จันทรศิลปิน ผู้เยาว์ ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องเด็กหญิงนวลจันทร์โดยนายจรินทร์เป็นผู้ปกครองด้วย
เมื่อจำเลยผู้หนึ่งเป็นผู้เยาว์และศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนพิพากษาคดีไปแล้ว โดยมิได้สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งให้แยกคดีที่จำเลยเป็นผู้เยาว์ออกเป็นคดีหนึ่งต่างหาก และให้ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 แล้วพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานพยานบุคคลต้องเบิกความรับรองความถูกต้องของเอกสาร จึงจะรับฟังได้
บันทึกข้อสรุปของนักศึกษาแพทย์ที่ได้จากการสอบถามสามีของผู้ป่วยถึงประวัติและอาการของผู้ป่วย โดยผู้ทำเอกสารนั้นมิได้มาเบิกความรับรองถึงความถูกต้องและแท้จริง จึงรับฟังเป็นพยานไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกรมที่ดินตามมาตรา 61 ประมวลกฎหมายที่ดิน: ดุลพินิจและผลกระทบต่อผู้ครอบครอง
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ให้อำนาจอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเรียกโฉนดที่ดินหรือเอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิไว้โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแก้ไขให้ถูกต้องหรือเพิกถอนเสียได้แต่อธิบดีกรมที่ดินจะใช้อำนาจตามมาตรานี้หรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของอธิบดีแม้อธิบดีจะไม่ใช้อำนาจนี้ก็ไม่เป็นการละเมิดต่อผู้ครอบครองที่ดินที่อ้างว่าโฉนดออกทับที่ของตนโดยไม่ถูกต้องเพราะกฎหมายมิได้กำหนดหน้าที่ให้อธิบดีจำต้องกระทำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่กรรมการบริษัท, ความถูกต้องของบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น, และผลผูกพันตามกฎหมาย
ตามบันทึกรายงานการประชุม งบดุลและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ส่งต่อกองทะเบียนหุ้นส่วน ปรากฏว่า ผู้ร้องลงชื่อเป็นประธานในที่ประชุมและลงชื่อรับรองในฐานะกรรมการไว้ในงบดุลด้วย และตามบัญชีผู้ถือหุ้นนั้นปรากฏว่า ผู้ร้องถือหุ้นบุริมสิทธิ์ 20 หุ้น และหุ้นสามัญ 226 หุ้น ดังนี้ ผู้ร้องจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นและไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นตามบัญชีที่ปรากฏอยู่ที่นายทะเบียนนั้นหาได้ไม่
เอกสารต่าง ๆ ของบริษัทซึ่งต้องส่งต่อนายทะเบียนนั้น กรรมการลงชื่อรับรองเพียงคนเดียวก็ใช้ได้
การคืนหุ้นจะทำได้ก็โดยวิธีโอน ซึ่งต้องกระทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนในสมุดทะเบียนของบริษัทจึงจะใช้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331-332/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานประเมินในการสั่งให้ชำระภาษีเพิ่มเติมกรณีรายการที่ยื่นไว้ไม่ถูกต้อง
โจทก์ชำระเงินภาษีแล้วต่อมาเจ้าพนักงานประเมินเห็นว่ารายการที่ยื่นไว้นั้นต่ำไป จึงตรวจสอบหลักฐานและเรียกโจทก์ไปสอบถามปรากฏจากการตรวจสอบไต่สวนและคำรับสารภาพของโจทก์ว่าโจทก์ยื่นรายการเสียภาษีไว้ต่ำกว่าจำนวนที่ควรต้องเสียจึงมีคำสั่งให้โจทก์ชำระเงินภาษีเพิ่มเติมอีกเช่นนี้เป็นอำนาจที่เจ้าพนักงานประเมินกระทำได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 19,20 ในเมื่อรายการที่โจทก์ทำยื่นไว้แล้วนั้นไม่ถูกต้องตามความจริงในกรณีเช่นนี้ไม่ต้องขออนุมัติอธิบดีตาม มาตรา 86(ก่อนแก้ไข) เพราะไม่ได้ใช้อำนาจกำหนดยอดเงินที่จะต้องคำนวณเพื่อเสียภาษีขึ้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974-1975/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดิน: หลักฐานเป็นหนังสือ, การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญา, และการพิสูจน์ความถูกต้องของสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เช่าที่ดิน 112 ตารางวาจากเจ้าของที่ดิน จำเลยบุกรุกเข้ามาปลูกบ้านในที่ดินบางส่วน จำเลยให้การว่าไม่ได้บุกรุก ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านนี้จำเลยขอเช่าจากเจ้าของ ๆ ให้จำเลยเข้าอยู่แล้ว จำเลยขอให้เรียกเจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย เจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมและขอถือเอาคำให้การของจำเลยกับขอให้การเพิ่มเติมว่าโจทก์เช่าเพียง 51 ตารางวาเท่านั้น การที่โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิในการเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วมเช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้น จะต้องฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ เอกสารการเช่ารายนี้ คือ สัญญาหมาย 8 โจทก์ว่า ไม่ใช่สัญญาเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วม ซึ่งจำเลยและจำเลยร่วมยืนยันว่าใช่ ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าสัญญาเช่าหมาย 8 นี้เป็นสัญญาที่แท้จริง และใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าโจทก์ทำไว้จริงและใช้ได้แล้ว ก็ต้องฟังว่าโจทก์เช่า 51 ตารางวา ตามที่ปรากฏในสัญญา โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารว่าความจริงโจทก์เช่า 112 ตารางวาย่อมไม่ได้ แต่โจทก์มีสิทธินำสืบได้ว่า สัญญานี้ปลอมหรือไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแถลงของจำเลยต่อศาลที่ไม่ใช่การแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 แม้จะไม่ได้ยืนยันความถูกต้องของเอกสาร
การที่จำเลยแถลงต่อศาลโดยศาลนัดพร้อมและสอบถามเพื่อรับรองข้อเท็จจริงในคดี โดยจำเลยมิได้แถลงปฏิเสธหรือยืนยันอย่างใดนั้น จึงมิใช่เป็นการแจ้งความเท็จตามความแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137
of 14