พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีส่วนร่วมโดยตรงในการแทง แต่มีส่วนในการชักชวนทำร้าย
ผู้ตายร้องด่าจำเลยขณะจำเลยกับพวกเดินผ่านไป จำเลยกับพวกย้อนกลับมาแล้วเกิดทะเลาะท้าชกกับผู้ตาย ผู้ตายขี่รถจักรยานจะไปตามพวกก็ถูก อ.พวกของจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายวิ่งหนีอ.ถือมีดวิ่งไล่ตามแทงผู้ตายอีกโดยจำเลยวิ่งไล่ตามผู้ตายมาด้วยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมยุยงส่งเสริมให้ อ. แทงผู้ตายอ. อาจตัดสินใจกระทำเองก็เป็นได้ พฤติการณ์แห่งคดีมีข้อระแวงสงสัย สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นคุณแก่จำเลยแต่การที่จำเลยพาพวกมาท้าผู้ตายชกจนผู้ตายจะไปตามพวกมาช่วยเป็นกรณีสมัครใจจะทำร้ายกัน ฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับ อ.ทำร้ายผู้ตาย เมื่อผลการกระทำร้ายทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเช็คและปลอมลายมือชื่อถือเป็นความผิดทางอาญา แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 แต่ฎีกาโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ต้องห้าม
การแก้ไขวันเดือนปีและปลอมลายมือชื่อโจทก์ลงกำกับการแก้ไขลงในเช็คเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(4) ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยที่ 2 โดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกฟ้องจำเลยที่ 2 โดยอาศัยข้อกฎหมาย คดีโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4046/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงเอาเอกสารสัญญา แม้เป็นกระดาษแผ่นเดียว ก็ถือเป็นทรัพย์สินทางอาญาได้
ความผิดฐานฉ้อโกงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 นอกจากจะเป็นการหลอกลวงผู้อื่นให้ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิแล้วยังบัญญัติว่า โดยการหลอกลวงนั้นทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้หลอกลวงหรือบุคคลที่สามด้วย เอกสารสัญญาแม้จะเป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียวก็ถือว่าเป็นทรัพย์ เมื่อจำเลยหลอกลวงเอาเอกสารสัญญาของโจทก์ไป จึงเป็นความผิดฐานล้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดลักทรัพย์ของผู้ป่วยทางจิต: การพิจารณาความสามารถในการรู้ผิดชอบ
ก่อนกระทำผิดจำเลยเคยให้นายแพทย์ น. ตรวจร่างกาย 2 ครั้งผลการตรวจปรากฏว่าจำเลยเป็นโรคประสาทหลอนและปวดศีรษะด้านซ้ายมือมีอาการสับสน ถ้ามีการดื่มสุรามากหรือเกิดความเครียดมากอาจไม่รู้สึกตัวประมาณ 12-13 ชั่วโมง ในคืนเกิดเหตุจำเลยดื่มสุราแล้วจำเลยได้ใช้มีดงัดสายยูประตูเข้าไปลักทรัพย์แล้วนำทรัพย์กลับไปบ้านจำเลยชั้นสอบสวนจำเลยให้การได้ละเอียดในการที่จำเลยเข้าไปทำการลักทรัพย์ทั้งสามารถนำชี้ที่เกิดเหตุถึงสิ่งที่จำเลยได้กระทำแล้วแสดงให้เห็นว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดทางอาญา: การลักทรัพย์ในสภาวะที่สามารถรู้ผิดชอบได้ และการลดโทษตามมาตรา 65 วรรคสอง
ก่อนกระทำผิดจำเลยให้แพทย์ตรวจร่างกาย 2 ครั้ง เนื่องจากจำเลยปวดศีรษะ สับสน และนอนไม่หลับ ถ้ามีการดื่มสุรามากหรือเกิดความเครียดมากอาจไม่รู้สึกตัวประมาณ 12-13 ชั่วโมง ในคืนเกิดเหตุจำเลยได้ดื่มสุราแล้วจำเลยได้ใช้มีดงัดสายยูประตูห้องที่เกิดเหตุเข้าไปลักทรัพย์แล้วนำทรัพย์ที่ลักไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านพักจำเลย วันรุ่งขึ้นผู้บังคับบัญชาจำเลยสอบถามเรื่องคนร้ายลักทรัพย์ จำเลยรับสารภาพและคืนของกลางทั้งหมดชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ถ้าจำเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบ คงไม่อาจให้รายละเอียดในการกระทำของตนได้ พฤติการณ์ในคดีรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจากความผิดฐานกระทำอนาจารเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย และข้อจำกัดในการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 จำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำคุก 1 เดือน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้เพิ่มเติมโทษจำเลย จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2909/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกและกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ถือเป็นความผิดทางอาญา
จำเลยบุกรุกขึ้นไปบนบ้านของผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้มือถลกผ้าถุงของผู้เสียหายขึ้นไปถึงสะโพกโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอม ถือว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์: การข่มขืนใจเพื่อให้ได้ทรัพย์สินด้วยการทำร้ายร่างกาย
การที่จำเลยกับพวกมีปากกาติดตัวเป็นอาวุธได้ร่วมกันข่มขืนใจผู้เสียหาย โดยการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนผู้เสียหายให้เงินแก่จำเลยกับพวกจำนวน 20 บาท เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้จำเลยได้รับประโยชน์เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น จึงเป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 157/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างซ้ำซ้อน: นายจ้างไม่สามารถนำความผิดเดิมที่ลงโทษแล้วมาเลิกจ้างลูกจ้างอีกได้ แม้จะมีการฟ้องอาญา
ลูกจ้างได้อุทธรณ์คำสั่งของนายจ้างที่ลงโทษ ให้ออกจนเป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมจากให้ ออกเป็นลดขั้นเงินเดือน 4 ขั้น ถือว่าการลงโทษทาง วินัยดังกล่าวเป็นที่สุดโดยลูกจ้างและนายจ้างต่างพอใจ ในการลงโทษไปแล้วแม้ต่อมานายจ้างจะได้ร้องทุกข์ กล่าวหาลูกจ้างในการกระทำครั้งเดียวกัน ความผิดทางวินัยเป็นมูลความผิดทางอาญาอีก และศาลอาญามีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า ลูกจ้างได้กระทำผิด ตามข้อหาก็ตาม ก็เป็นความรับผิดทางอาญาของลูกจ้าง เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งแยกพิจารณาจากความผิดทางวินัย ของลูกจ้างได้ เมื่อผลคดีอาญาไม่ทำให้ลูกจ้างไม่มีคุณสมบัติการเป็นพนักงานของนายจ้าง นายจ้างก็จะนำเอาการกระทำอันเดียวกันซึ่งลูกจ้างถูกลงโทษทางวินัยไปแล้วและเป็นเหตุซ้ำซ้อนเหตุเดียวกันมาเป็นเหตุเลิกจ้างลูกจ้างอีกไม่ได้ ศาลแรงงานพิพากษา ให้นายจ้างรับลูกจ้างนั้นเข้าทำงานต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้า 'MITA' บนสินค้าผงหมึก ไม่เข้าข่ายทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์
แม้ที่กล่องสินค้าของจำเลยทั้งสามจะมีคำว่า "MITA" ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมที่ได้จดทะเบียนไว้สำหรับใช้กับสินค้าเครื่องถ่ายเอกสาร แต่เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้นำคำดังกล่าวมาใช้อย่างเครื่องหมายการค้า และมิได้เขียนคำว่า "MITA"ในลักษณะเดียวกับของโจทก์ร่วม ประกอบกับที่กล่องสินค้าของจำเลยทั้งสามปรากฏป้ายชื่อบริษัทและที่อยู่ของจำเลยที่ 2 มิได้ระบุชื่อบริษัทโจทก์ร่วม ทั้งเมื่อกล่องสินค้าของจำเลยทั้งสามกับของโจทก์ร่วมแตกต่างกันอย่างชัดแจ้ง และราคาสินค้าของจำเลยทั้งสามและของโจทก์ร่วมยังแตกต่างกันมาก จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามได้เสนอจำหน่ายสินค้าซึ่งมีชื่อหรือข้อความในการประกอบการค้าของโจทก์ร่วมเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 275 ประกอบด้วยมาตรา 272(1)