คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความรับผิดนายจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 98 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง และการแก้ไขฟ้องที่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างทำหน้าที่สารบรรณของจำเลยที่3 ไม่มีหน้าที่ขับรถ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับรถคันเกิดเหตุของจำเลยที่ 3 โดยน. ลูกจ้างขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ยินยอมโดยปริยายให้จำเลยที่ 1 ขับ และนั่งมาด้วยกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นหน้าที่ของ น. ลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ต้องควบคุมให้จำเลยที่ 1 ขับรถนั้นมิให้เกิดเหตุร้ายเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุแทน น. ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย น. ต้องรับผิดในการละเมิดที่เกิดขึ้นการละเมิดนี้ย่อมนับได้ว่าอยู่ในกรอบแห่งการที่จำเลยที่ 3 จ้าง จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
คำฟ้องเดิมของโจทก์ระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์ของจำเลยที่ชนท้ายรถยนต์โจทก์โดยถือตามบันทึกหมายเลขทะเบียนรถของพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุซึ่งผิดพลาด ต่อมาโจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง โดยขอแก้หมายเลขทะเบียนรถของจำเลยเฉพาะเลขตัวหน้าตัวเดียวให้ถูกต้องตามความจริง ดังนี้เป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อยที่โจทก์เพิ่งทราบหลังจากการชี้สองสถาน แม้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตไปโดยไม่ฟังข้อคัดค้านของจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้ว
คำฟ้องเดิมของโจทก์ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเป็นว่า'ก.ท.พ.2077หรือก.ท.พ.3077' ระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์ของจำเลยว่า 'ก.ท.พ.2077' ดังนี้ ย่อมเป็นการขอแก้คันเกิดเหตุที่แท้จริงว่าเป็น ก.ท.พ.3077 นั่นเอง ทั้งคำฟ้องและคำร้องขอแก้ไขฟ้องของโจทก์ดังกล่าว ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 และไม่เคลือบคลุม
ภาพถ่ายรถยนต์ของโจทก์ที่โจทก์อ้างประกอบคดีนั้น เป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และการดำเนินคดีแทนตัวการที่ถึงแก่ความตาย
การที่คู่ความตั้งแต่งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 60 นั้น เป็นการตั้งแต่งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะ 15 ว่าด้วยตัวแทน ฉะนั้น เมื่อโจทก์ผู้เป็นตัวการถึงแก่กรรมกรณีจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไปเพราะตัวการตายตัวแทนต้องจัดการอันสมควรทุกอย่าง เพื่อจะปกปักรักษาประโยชน์ อันเขาได้มอบหมายแก่ตนไปจนกว่าทายาทหรือผู้แทนของตัวการจะเข้าปกปักรักษาประโยชน์นั้นๆ ได้ ดังนี้ ทนายโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ทนายโจทก์ฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 1 เดือน จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายหาเป็นโมฆะไม่ แม้ตัวโจทก์จะถึงแก่ความตายไปก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษา และยังไม่มีทายาทร้องขอเข้ารับมรดกความและแต่งทนายโจทก์เป็นทนายความของผู้รับมรดกความก็ตาม
จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 คันที่เกิดเหตุรถชนกันไปปฏิบัติงานในหน้าที่ของจำเลยที่ 2 มาตั้งแต่ก่อนวันเกิดเหตุโดยไม่ปรากฏว่าผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ทักท้วงหรือมีบุคคลอื่นขับขี่รถยนต์คันนั้น วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกเครื่องสูบน้ำไปช่วยสูบน้ำให้หมู่บ้านชาวเขาอันเป็นการกระทำเกี่ยวกับหน้าที่ราชการของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ได้ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ข้อที่จำเลยที่ 2อ้างว่าได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ทำงานในตำแหน่งผู้ชำนาญงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ใช้ในการก่อสร้าง ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์นั้นเป็นระเบียบข้อบังคับอันเป็นเรื่องภายในของจำเลยที่ 2 จะอ้างมาต่อสู้หรือใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้
หลังจากเลิกงานขนน้ำเพื่อช่วยเหลือชาวเขาอันเป็นการงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 1 ยังมิได้เอารถเข้าเก็บแต่ได้ขับไปที่แห่งอื่นจนกระทั่งเกิดเหตุชนรถยนต์ของทางราชการทหารอากาศ เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ดังนี้แม้จะเกิดเหตุหลังจากเลิกงานแล้ว ก็ถือว่ายังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เพราะการปฏิบัติหน้าที่ยังไม่เสร็จสิ้นโดยอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1จะต้องนำรถยนต์มาเก็บที่สำนักงานของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง และการประเมินค่าเสียหายจากการบาดเจ็บทางร่างกาย
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างบริษัทจำเลยที่ 2 บริษัทจำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุไปในธุรกิจของบริษัทจำเลยที่ 2แล้วไปเกิดเหตุขึ้น โดยชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์เสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะจำเลยที่ 1 ขับรถเลี้ยวเพื่อเดินทางกลับบริษัทจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ยังอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์
ในกรณีเสียหายแก่ร่างกายนั้น การรักษาพยาบาลในเวลาอนาคต นับว่าเป็นค่าเสียหายโดยตรง ศาลคิดค่าเสียหายดังกล่าวให้ได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
เมื่อผลของการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายถึงทุพพลภาพโจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ ความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ตามมาตรา 446 ด้วย โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
การที่โจทก์ฎีกาแต่เพียงว่า โจทก์ขอถือเอาอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นคำฟ้องฎีกาของโจทก์ด้วยนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง, ค่าเสียหายจากการรักษาพยาบาล, และค่าเสียหายจากการสูญเสียความสามารถในการประกอบอาชีพ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างบริษัทจำเลยที่ 2 บริษัทจำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุไปในธุรกิจของบริษัทจำเลยที่ 2 แล้วไปเกิดเหตุขึ้น โดยชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์เสียหาย และโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะจำเลยที่ 1 ขับรถเลี้ยวเพื่อเดินทางกลับบริษัทจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1ยังอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์
ในกรณีเสียหายแก่ร่างกายนั้น การรักษาพยาบาลในเวลาอนาคต นับว่าเป็นค่าเสียหายโดยตรง ศาลคิดค่าเสียหายดังกล่าวให้ได้ ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
เมื่อผลของการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายถึงทุพพลภาพโจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ ความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ตามมาตรา 446 ด้วย โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
การที่โจทก์ฎีกาแต่เพียงว่า โจทก์ขอถือเอาอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นคำฟ้องฎีกาของโจทก์ด้วยนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อลูกจ้างที่ประสบอันตรายระหว่างเดินทางไปทำงาน แม้ไม่ได้ทำงานโดยตรง
โจทก์ประกอบกิจการสร้างถนน ผู้ตายเป็นลูกจ้างของโจทก์มีหน้าที่เก็บรากไม้เก็บหิน ดูหลักระดับผิวถนนวันเกิดเหตุ เวลา 6 นาฬิกา ผู้ตายกับลูกจ้างอื่นของโจทก์ได้มารอที่สำนักงานของโจทก์เพื่อจะไปทำงานตามหน้าที่ เวลา 6.45 นาฬิกา หัวหน้าคนงานของโจทก์สั่งให้ผู้ตายและลูกจ้างอื่นเดินไปทำงานที่จุดกำหนด ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักงานประมาณ 300 เมตร โดยมีลูกจ้างของโจทก์คนหนึ่งควบคุมไป ระหว่างทาง มีรถบดของโจทก์วิ่งมา ผู้ตายขอโดยสารไปด้วย พอรถบดออกวิ่ง ผู้ตายก็ตกจากรถบด ถูกรถบดทับถึงแก่ความตาย แม้การตายของผู้ตายมิได้เกิดขึ้นในระหว่างทำงาน ผู้ตายก็ประสบอันตรายถึงแก่ความตายระหว่างเดินทางไปทำงาน นับได้ว่าการเดินทางไปทำงานให้โจทก์เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานให้โจทก์ ถือว่าผู้ตายประสบอันตรายถึงตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างและมิใช่อันตรายที่ลูกจ้างจงใจก่อให้เกิดขึ้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811-1812/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง แม้ลูกจ้างไม่มีหน้าที่ขับรถ หากเป็นการใช้ให้ทำกิจการของนายจ้าง
ลูกจ้างของกรมทางหลวงแผ่นดินประจำหน่วยควบคุมและตรวจสอบวัสดุก่อสร้างทาง ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์วิจัยดิน หิน กรวดไม่มีหน้าที่ในการขับรถยนต์ ได้ขับรถยนต์ของกรมทางหลวงแผ่นดินไปล้างโดยช่างตรีผู้บังคับบัญชาใช้ให้ไป เมื่อล้างเสร็จได้ขับรถกลับที่พักแต่ระหว่างทางได้ขับรถแวะไปเอาของที่บ้านพี่สาว และเกิดชนกับรถยนต์อื่นโดยประมาท เป็นเหตุให้คนตาย แม้ลูกจ้างนั้นไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขับรถยนต์ แต่การนำรถไปล้างก็โดยผู้บังคับบัญชาใช้ให้ไป และการล้างรถก็เป็นกิจการของกรมทางหลวงแผ่นดินย่อมถือได้ว่าลูกจ้างนั้นได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของนายจ้างซึ่งกรมทางหลวงแผ่นดินผู้เป็นนายจ้างจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811-1812/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง แม้ลูกจ้างไม่มีหน้าที่ขับรถ แต่ได้รับคำสั่งให้นำรถไปล้าง
ลูกจ้างของกรมทางหลวงแผ่นดินประจำหน่วยควบคุมและตรวจสอบวัสดุก่อสร้างทางซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์วิจัยดิน หิน กรวด ไม่มีหน้าที่ในการขับรถยนต์ ได้ขับรถยนต์ของกรมทางหลวงแผ่นดินไปล้างโดยช่างตรีผู้บังคับบัญชาใช้ให้ไป เมื่อล้างเสร็จได้ขับรถกลับที่พักแต่ระหว่างทางได้ขับรถแวะไปเอาของที่บ้านพี่สาว และเกิดชนกับรถยนต์อื่นโดยประมาท เป็นเหตุให้คนตาย แม้ลูกจ้างนั้นไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขับรถยนต์ แต่การนำรถไปล้างก็โดยผู้บังคับบัญชาใช้ให้ไป และการล้างรถก็เป็นกิจการของกรมทางหลวงแผ่นดินย่อมถือได้ว่าลูกจ้างนั้นได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของนายจ้างซึ่งกรมทางหลวงแผ่นดินผู้เป็นนายจ้างจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง, กรรมสิทธิ์รถยนต์, ค่ารักษาพยาบาลซ้ำซ้อน
การฟ้องนายจ้างให้ร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง ไม่จำต้องบอกกล่าวนายจ้างก่อนเพราะถือได้ว่าผิดนัดมาตั้งแต่วันละเมิดแล้ว
ผู้ซื้อรถจักรยานยนต์จากผู้ขายโดยชำระราคาเพียงครึ่งหนึ่งที่เหลือจะชำระเมื่อไรก็ได้ และผู้ขายจะโอนทะเบียนเป็นชื่อผู้ซื้อเมื่อชำระราคาให้ครบแล้ว ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถได้โอนเป็นของผู้ซื้อแล้ว เมื่อมีผู้ทำละเมิดให้รถจักรยานยนต์เสียหาย ผู้ซื้อมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
ข้าราชการผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการ และเบิกไปแล้ว จะฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาลจากผู้กระทำละเมิดอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407-408/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิด: ความสมบูรณ์ของคำฟ้อง, ความเคลือบคลุม, และความรับผิดของนายจ้าง
ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลซึ่งมิได้มีข้อความที่ขอจดทะเบียนระบุไว้ว่าจะต้องมีตราของห้างประทับลงบนลายมือชื่อของหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย จึงจะผูกพันห้างนั้นในการดำเนินคดีแทนห้าง เพียงแต่หุ้นส่วนผู้จัดการลงลายมือชื่อในคำฟ้องหรือคำให้การ แม้จะไม่ประทับตราของห้างด้วยก็สมบูรณ์ตามกฎหมาย
จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับการกระทำละเมิด ย่อมไม่มีประเด็นว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับค่าเสียหาย จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อฎีกาหาได้ไม่ เพราะมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลล่าง
กรรมการของบริษัทซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ใช้ให้ลูกจ้างขับรถยนต์ของบริษัทไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง โดยกรรมการผู้นั้นนั่งไปด้วย ย่อมถือได้ว่าลูกจ้างได้ขับรถไปในทางการที่บริษัทจ้างซึ่งบริษัทจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างขณะขับรถประจำตำแหน่ง แม้เลยเวลาราชการ
คำฟ้องของโจทก์ระบุเลขทะเบียนรถยนต์ของจำเลยคันที่ชนโจทก์ผิดพลาด จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธว่ารถยนต์นั้นมิใช่ของจำเลยแต่ต่อสู้ว่าคนขับรถมิใช่ลูกจ้างของจำเลย หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์มาขอแก้ไขฟ้องให้ถูกต้อง ดังนี้ เป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อย แม้จะขอภายหลังกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลก็มีอำนาจสั่ง อนุญาตได้
เทศบาลนครกรุงเทพจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งให้พนักงานเทศบาลชั้นผู้ใหญ่ใช้พร้อมกับจ้างคนขับรถให้ด้วยโดยผู้ใช้รถนำรถไปเก็บไว้ที่บ้าน คนขับรถได้ขับรถโดยประมาทชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะที่ผู้ใช้รถนั่งมาในรถนั้นด้วยแม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นเวลา 20 นาฬิกานอกเวลาราชการ ก็ยังถือได้ว่าคนขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของเทศบาลได้กระทำไปในทางการที่จ้างเทศบาลจะปฏิเสธความรับผิดมิได้
of 10