พบผลลัพธ์ทั้งหมด 235 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้อง: การระบุตัวผู้กระทำผิดไม่จำเป็นต้องละเอียดหากระบุชัดเจนว่ากระทำในนามนิติบุคคล
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคล เมื่อประมาณกลางปีพ.ศ.2523 จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม 10 ครั้ง ซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล หาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็นใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้ว แม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใคร วันเวลาจ้างทั้ง 10 ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้อง: การระบุตัวผู้กระทำผิดไม่จำเป็นหากระบุตัวนิติบุคคลผู้ว่าจ้างชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นนิติบุคคลเมื่อประมาณกลางปีพ.ศ.2523จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม10ครั้งซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลหาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็นใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้วแม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใครวันเวลาจ้างทั้ง10ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายเวลาเกิดเหตุที่ไม่จำเป็นหากไม่ใช่สาระสำคัญของความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2525 เวลากลางวัน โดยร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอมด้วยการกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นวันเวลาเกิดเหตุส่วนโจทก์จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใด และมอบให้จำเลยที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้น มิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิด จึงหาใช่สาระสำคัญไม่ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้อง ฟ้องของโจทก์ย่อมสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายวันเวลาเกิดเหตุที่ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทั้งหมด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่10 มีนาคม 2525 เวลากลางวันโดยร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอม ด้วยการกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อ เป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้วซึ่งถือว่า เป็นวันเวลาเกิดเหตุส่วนโจทก์ จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใดและมอบให้จำเลยที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้นมิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิดจึงหาใช่สาระสำคัญไม่โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้องฟ้องของโจทก์ ย่อมสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม การเพิกถอนพินัยกรรมฉบับก่อนด้วยพินัยกรรมฉบับหลัง และการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้มีข้อความและลักษณะครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 และ มาตรา 1671ทุกประการ เป็นแต่ ป. ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้เขียนและพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้เท่านั้นเพราะเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 1653 และ มาตรา 1705 ส่วนข้อกำหนดพินัยกรรมในส่วนอื่นยังสมบูรณ์อยู่ ดังนั้น แม้ผู้ตายจะได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมด ให้ผู้ร้องแต่ ผู้เดียวตามพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 12 มกราคม 2523 ต่อมาผู้ตายทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2523 ยกทรัพย์มรดกทั้งหมด ให้แก่บุตรทุกคนคือผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งเจ็ด พินัยกรรมฉบับก่อน เป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3060/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาและสินสมรส: สัญญาประกันสมบูรณ์ ไม่ต้องมียินยอมจากภริยา
การที่จำเลยทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์ โดยระบุเรือนอันเป็นสินสมรสไว้ท้ายสัญญาประกันเพื่อเป็นการแสดงหลักทรัพย์ หาใช่เป็นนิติกรรมในการจัดการสินสมรสซึ่งสามีภริยาจะต้องจัดการร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1476 ไม่ สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาจึงเป็นนิติกรรมที่สมบูรณ์และผูกพันจำเลยโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยา ส่วนจะเป็นผลทำให้มีการยึดเรือนนั้นเมื่อมีการผิดสัญญาประกันก็เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการอุทธรณ์: การแก้ไขข้อบกพร่องและผลต่อความสมบูรณ์ของอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ โดยทนายความที่ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยทั้งสองแก้ไขข้อบกพร่องเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18, 62
การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยผู้ลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์ไม่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขได้ตามที่เห็นสมควร เมื่อได้มีการแก้ไขตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว อุทธรณ์นั้นย่อม สมบูรณ์
การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยผู้ลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์ไม่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขได้ตามที่เห็นสมควร เมื่อได้มีการแก้ไขตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว อุทธรณ์นั้นย่อม สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฐานบุกรุกต้องระบุเจตนาและองค์ประกอบความผิดชัดเจน มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกว่า จำเลยได้ใช้พลั่วขุดดินในลำรางซึ่งอยู่ติดกับที่นาของโจทก์ แล้วจำเลยเหวี่ยงดินที่ขุดเข้าไปในที่นาของโจทก์ และจำเลยได้ขนเอาหนามมากองไว้ในที่นาของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายทำนาไม่ได้ ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่นาของโจทก์โดยเจตนา เพื่อยึดถือการครอบครองที่นาของโจทก์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือจำเลยได้บุกรุกเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฐานบุกรุกต้องระบุเจตนาและลักษณะการกระทำที่ชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือว่าฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกว่า จำเลยได้ใช้พลั่วขุดดินในลำรางซึ่งอยู่ติดกับที่นาของโจทก์แล้วจำเลยเหวี่ยงดินที่ขุดเข้าไปในที่นาของโจทก์ และจำเลยได้ขนเอาหนามมากองไว้ในที่นาของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายทำนาไม่ได้ ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่นาของโจทก์โดยเจตนาเพื่อยึดถือการครอบครองที่นาของโจทก์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือจำเลยได้บุกรุกเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ และการพิสูจน์ความเสียหายในคดีอาญา
ทนายจำเลยซึ่งถอนตัวไปแล้วได้ลงชื่อในอุทธรณ์โดยมิได้แต่งทนายเข้ามาใหม่ และจำเลยมิได้ลงชื่อในอุทธรณ์ ศาลจึงสั่งในอุทธรณ์ให้จำเลยแต่งทนายให้ถูกต้องก่อนแล้วจะสั่งอุทธรณ์ใหม่ แม้จำเลยจะแต่งตั้งทนายความภายหลังวันสิ้นอายุอุทธรณ์แล้ว แต่ศาลก็สั่งรับอุทธรณ์ ดังนี้ เป็นเรื่องศาลชั้นต้นใช้อำนาจอนุญาตให้จำเลยจัดการแก้ไขการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยปฏิบัติถูกต้องแล้ว ก็ต้องถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยสมบูรณ์มาแต่ต้นตั้งแต่วันยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
การที่จำเลยเบิกความและนำสืบพยานหลักฐานต่อศาลก็เพื่อให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และเพื่อให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดอันเป็นความเสียหายแก่โจทก์ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยเบิกความและนำสืบพยานหลักฐานต่อศาลก็เพื่อให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และเพื่อให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดอันเป็นความเสียหายแก่โจทก์ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง