คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำบังคับ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1900/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่พ้นกำหนดเวลา แม้จะทราบประกาศคำบังคับแล้ว ศาลไม่รับพิจารณา
ศาลชั้นต้นประกาศคำบังคับโดยทางหนังสือเมื่อวันที่ 27กันยายน 2510. โดยกำหนดให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2511. คำบังคับมีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2511. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสอง ให้มีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา 15 วันล่วงพ้นไปแล้ว. แต่คำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากวันที่ส่งคำบังคับ. ฉะนั้น เมื่อนับจากวันที่ 13 ตุลาคม 2511ก็ครบกำหนดในวันที่ 27 ตุลาคม 2511 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งใหม่ได้ภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2511 แต่จำเลยยื่นคำร้องวันที่ 30 ตุลาคม 2511 จึงล่วงพ้นกำหนดเวลาที่จะยื่นได้.
จำเลยทราบประกาศคำบังคับวันที่ 24 ตุลาคม 2511 สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ในวันที่ 25 ถึงวันที่28 ตุลาคม 2511 ซึ่งอยู่ภายในระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติ.จำเลยเคยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2511 แต่คำร้องฉบับนั้นถูกศาลสั่งยกไปแล้ว. จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 30 ตุลาคม 2511 พ้นระยะเวลาที่จะยื่นได้โดยไม่ได้แสดงเหตุแห่งการล่าช้า. ศาลจึงไม่อาจรับไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญานอกศาลก่อนสัญญาในศาล ย่อมถูกยกเลิกโดยสัญญาหลัง แม้มีเงื่อนไขต่างกัน จำเลยต้องปฏิบัติตามคำบังคับ
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์. ยอมออกจากห้องพิพาทภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำบังคับแล้ว. ภายหลังจำเลยจะอ้างว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์นอกศาลซึ่งทำไว้ก่อน. และมีเงื่อนไขแตกต่างไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลเพื่อเป็นเหตุ.ไม่.ปฏิบัติตามคำบังคับหาได้.ไม่.
หากจะมีสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งทำไว้ก่อนจริง. ก็ถูกยกเลิกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับหลัง ซึ่งศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญานั้นแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดขอบเขตคำบังคับให้โอนทรัพย์สินและห้ามเข้าเกี่ยวข้อง: การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยศาลอุทธรณ์ถือเป็นแก้น้อย
คดีมีทุนทรัพย์ 2,500 บาท โดยทรัพย์สินที่โจทก์เรียกร้องขอให้จำเลยโอนให้แก่โจทก์มีที่ดินปลูกบ้านและต้นไม้ ราคา 1,500 บาท เรือน 1 หลัง ราคา 700 บาท ยุ้งข้าว 1 หลัง ราคา 300 บาท และขอห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง คำขอนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับเรือนและยุ้งข้าวของโจทก์ นอกจากนี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ เป็นแก้น้อย (อ้างฎีกาที่ 74/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาไถ่ถอนการขายฝาก: อายุความและการปฏิบัติตามคำบังคับ
คดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนการขายฝากได้นั้นศาลบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน ย่อมเป็นการบังคับทั้งโจทก์และจำเลย แต่เมื่อพ้นระยะเวลา 15 วันตามคำบังคับจะถือว่าเป็นอันหมดสิทธิไถ่ถอนยังไม่ได้เพราะคำพิพากษามิได้กล่าวไว้เช่นนั้นเมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ดำเนินการบังคับคดีให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาแล้วย่อมเกิดเป็นหนี้ตามคำพิพากษาขึ้นโจทก์จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น โดยโจทก์จำเลยต่างก็กลายสภาพเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา อันจะบังคับกันได้ภายในกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 หาใช่เป็นการขยายระยะเวลาไถ่ถอนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด - พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ - การส่งคำบังคับ
ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไปโดยจำเลยขาดนัด จำเลยร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ เมื่อปรากฎว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดและศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ คำสั่งนี้เป็นคำสั่งภายหลังเมื่อศาลพิพากษาแล้ว ฉะนั้น จึงไม่เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา โจทก์ย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้
การที่จำเลยไปอยู่ต่างประเทศโดยไม่ทราบว่าตนถูกฟ้องและถูกศาลพิพากษาให้แพ้คดีย่อมถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ จำเลยจึงอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเลี่ยงคำพิพากษา: การปิดเหมืองใหม่หลังเปิดตามคำบังคับศาล ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยเปิดเหมืองตรงที่ปิดไว้ให้เป็นไปตามสภาพเดิม การที่จำเลยเปิดเหมืองตามคำบังคับของศาลแล้วต่อมาเพียงเดือนเดียวกับปิดเสียใหม่ ในที่ห่างกันเพียงแขนเดียว ทำให้น้ำกลับท่วมเต็มดังเช่นเดิมอีก การกระทำของจำเลยเช่นนี้ย่อมส่งให้เห็นเจตนาว่าทำไปเพื่อเลี่ยงในการที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลนั้นเอง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงิน ช.พ.ค. เพื่อชำระหนี้หลังมีคำบังคับ ศาลยกฎีกาเนื่องจากโจทก์ไม่ขอหมายบังคับคดีตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องว่าสามีจำเลยกู้เงินโจทก์ บัดนี้สามีจำเลยตายแล้วจึงขอให้จำเลยใช้ และยื่นคำร้องขออายัดเงินสงเคราะห์ช.พ.ค.(ช่วยเพื่อนครู) จำเลยขอให้ถอนการยึดอ้างว่าเงิน ช.พ.ค.ไม่เป็นมรดกไม่อยู่ในบังคับแห่งการยึดและอายัดขอให้เพิกถอนการอายัด
ที่สุดโจทก์จำเลยตกลงกันว่าคงให้อายัดเงินงวดที่จำเลยยังไม่ได้เบิก
ดังนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และมีคำบังคับแล้ว โจทก์เพิกเฉยไม่ขอหมายบังคับคดีภายใน 15 วันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับคำสั่งศาลซึ่งโจทก์ขออายัดเงิน ช.พ.ค. จึงถูกยกเลิกไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ยึดได้ แม้จำเลยยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติตามคำบังคับ
ไม่มีบทบัญญัติใดที่จะห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำบังคับอยู่ยื่นขอส่วนเฉลี่ยจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ แม้จำเลยยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติตามคำบังคับ
ไม่มีบทบัญญัติใดที่จะห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำบังคับอยู่ ยื่นขอส่วนเฉลี่ยจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการกักขังลูกหนี้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ศาลมีอำนาจกักขังได้แม้ไม่มีหมายบังคับคดี
คำบังคับ คือคำสั่งแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้ปฎิบัติตามคำพิพากษาและกำหนดวิธีที่จะปฎิบัติไว้ พร้อมทั้งระบุระยะเวลาและเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่จำเป็น (วิ.แพ่ง.ม.272 - 273) และ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 273 นี้ กำหนดวิธีบังคับไว้ในตอนท้ายว่า ถ้าผู้ต้องบังคับมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับ ผู้นั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับหรือจำขังดังที่บัญญัติไว้ในภาค 4 ลักษณะ 2 หมวด 1 กล่าวคือ ถ้าเป็นกรณีที่จะดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ศาลก็ออกหมายบังคับคดี (ม.275 - 276) แต่ถ้าเป็นกรณีที่ไม่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดี ก็ทำการจับหรือจำขังเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับได้แล้วแต่เรื่อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจาห้องเช่าพ้นกำหนดคำบังคับแล้ว จำเลยยังขัดขืนไม่ยอมออกจากห้อง ดังนี้ศาลออกหมายจับจำเลยมากักขังฐานไม่ปฎิบัติตามคำบังคับได้
of 9