คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษาตามยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการจดทะเบียนโอนที่ดิน: สัญญาจะซื้อจะขาย vs. คำพิพากษาตามยอม และการฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำสัญญาจะแบ่งขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ไว้แล้ว ได้นำที่พิพาทไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความขาย ให้แก่จำเลยที่3 ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 โอนขายที่พิพาทให้จำเลยที่ 3 โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวเพราะทำให้โจทก์ซึ่งอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนโอนที่พิพาทได้อยู่ก่อนเสียเปรียบ แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 เข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทกับจำเลยที่1 ที่ 2 โดยรู้เท่าถึงความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ เสียเปรียบ จึงไม่เป็นการฉ้อฉล จำเลยที่ 3 ซึ่งมีสิทธิ ตามคำพิพากษาย่อมอยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิได้ก่อนโจทก์ ซึ่งมีเพียงสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทกับจำเลยที่1 ที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2617/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบุคคลภายนอกสัญญาประนีประนอม: ห้ามร้องเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้นำเอาสิทธิการทำเหมืองแร่มาจับสลากแบ่งปันกัน โจทก์เป็นฝ่ายจับสลากได้ศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ดังนี้ ผู้ร้องจะร้องต่อศาลขอให้สั่งเพิกถอนการปฏิบัติของคู่ความตามสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนคำพิพากษาตามยอมโดยอ้างว่าสิทธิการทำเหมืองแร่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ใช่ คู่ความในคดี ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความและ คำพิพากษาตามยอมไม่ ผูกพันผู้ร้อง หาได้ไม่ หากผู้ร้องเห็นว่าการกระทำใด ๆ ของคู่ความเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องผู้ร้องก็ชอบที่จะว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินโอนตามคำพิพากษาตามยอม แม้มีการตกลงรอการบังคับคดี ก็ไม่กระทบสิทธิของผู้รับโอน
โจทก์ยกที่ดินตรงที่เกิดเหตุพร้อมรั้วและราวไผ่ให้ บ. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงตกเป็นของ บ. โดยผลแห่งคำพิพากษาตามยอมนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา แม้คู่ความจะตกลงให้รอการบังคับคดีไว้ก่อน ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วให้เป็นอย่างอื่นไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องผู้เข้าไปรื้อรั้วและตัดไม้ไผ่ในที่เกิดเหตุได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172-1173/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยจัดการโอนทรัพย์ซ้ำไม่ได้
เดิมจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยโจทก์ตกลงจะไปโอนที่ดิน 3 แปลง ซึ่งรวมทั้งที่ดินพิพาทแปลงที่ 5 ให้แก่จำเลยที่ 2 เป็นการใช้หนี้ให้ภายในกำหนด 5 วัน ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จึงถูกผูกพันตามคำพิพากษาดังกล่าว ต่อมาโจทก์จัดการโอนที่ดินพิพาทแปลงที่ 5 ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาตามยอมและจำเลยที่ 2 โอนต่อไปให้จำเลยที่ 1 แล้วโจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 จัดการโอนที่ดินพิพาทแปลงที่ 5 กลับคืนให้โจทก์อีกย่อมมีผลเท่ากับว่าโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาโดยฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา138 และมาตรา 145 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยเช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันของคำพิพากษาตามยอมต่อบริวารจำเลย: สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำรถวิ่งรับคนโดยสารทับเส้นทางของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย และสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้กระทำเช่นนั้น ซึ่งต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยและบริวารจะไม่กระทำการดังกล่าว หากฝ่าฝืนจำเลยยอมชดใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้ มิใช่คดีฟ้องเรียกอสังหาริมทรัพย์ประเภทฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 (1) อันจะใช้บังคับจลอดถึงบริวารจองจำเลยด้วย คำพิพากษาตามยอมคดีนี้จึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่ความตามมาตรา 145 เท่านั้น หามีผลบังคับถึงบริวารจำเลยไม่ แม้ผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยปฏิบัติฝ่าฝืนสัญญาประนีประนอมยอมความก็ไม่อาจบังคับคดีเอากับผู้ร้องได้ จึงไม่อาจกักขังผู้ร้องไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอม: ไม่ขยายผลถึงบริวารจำเลย เว้นแต่คดีขับไล่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำรถวิ่งรับคนโดยสารทับเส้นทางของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย และสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้กระทำเช่นนั้น ซึ่งต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยและบริวารจะไม่กระทำการดังกล่าว หากฝ่าฝืนจำเลยยอมชดใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้ มิใช่คดีฟ้องเรียกอสังหาริมทรัพย์ประเภทฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(1) อันจะใช้บังคับตลอดถึงบริวารของจำเลยด้วย คำพิพากษาตามยอมคดีนี้จึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่ความตามมาตรา 145 เท่านั้น หามีผลบังคับถึงบริวารจำเลยไม่ แม้ผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยปฏิบัติฝ่าฝืนสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็ไม่อาจบังคับคดีเอากับผู้ร้องได้ จึงไม่อาจกักขังผู้ร้องไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอมต่อเจ้าของรวม และข้อยกเว้นสิทธิภารจำยอม
เจ้าของรวมในที่ดินคนหนึ่งทำยอมความกับจำเลยในคดีแพ่งว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของตน และไม่เข้าเกี่ยวข้อง ศาลพิพากษาตามยอม เป็นการใช้สิทธิต่อสู้คนภายนอก คำพิพากษาจึงผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมด้วย ซึ่งโจทก์เข้าเถียงกรรมสิทธิ์กับจำเลยอีกไม่ได้ แต่ไม่ห้ามโจทก์โต้เถียงว่าเป็นภารจำยอม ซึ่งมิได้ทำยอมไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาและการยกเลิกเมื่อมีคำพิพากษาตามยอม คดีไม่มีประโยชน์พิจารณาต่อ
ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา โจทก์จำเลยยอมความให้ทรัพย์ที่ถูกยึดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลพิพากษาตามยอมการยึดทรัพย์จึงยกเลิกไป ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาคดีที่ผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ศาลยกคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องอุทธรณ์ฎีกา เป็นการขอให้พิจารณาสืบพยานต่อไป เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ 2 ก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2523/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาตามยอม และขอบเขตอำนาจศาลในการบังคับสัญญาประนีประนอม
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษาหลังจากที่มีคำสั่งนัดพร้อม จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้ขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วหากโจทก์จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมอย่างใด ก็ชอบที่จะดำเนินการกับจำเลยในทางอื่น ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้จำเลยแบ่งที่ดินของจำเลยไว้เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องร้องกรรมสิทธิ์ที่ดิน: การบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมไม่เชื่อมโยงกับคดีขอให้พิพากษาถึงที่สุด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินครึ่งหนึ่งในโฉนดที่พิพาทโดยได้รับมรดกแล้วครอบครองที่ดินส่วนของโจทก์ด้วยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 10 ปีแล้ว มารดาจำเลยเคยเป็นความกับโจทก์ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง และให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ต่อมามารดาจำเลยถึงแก่กรรม จำเลยได้จดทะเบียนรับมรดกที่ดินตามโฉนดดังกล่าวทั้งโฉนด ดังนี้ แม้ได้ความว่าโจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมในคดีที่โจทก์พิพาทกับมารดาจำเลยเสียภายใน 10 ปีก็ตาม แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดครึ่งหนึ่ง และขอแบ่งแยกที่พิพาท โจทก์มิได้ร้องขอให้บังคับคดีในคดีก่อน กรณีจึงเป็นคนละเรื่องกัน จะนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 มาใช้บังคับในคดีนี้ไม่ได้ และจำเลยได้โต้แย้งสิทธิในที่พิพาทขึ้นใหม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
of 13