คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นคำฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ศาลไม่ชอบวินิจฉัยเอง โจทก์มีสิทธิฟ้องใหม่เพื่อเรียกค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโดยถือว่าสัญญายังไม่เลิกกัน คำฟ้องจึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายของโจทก์อันเกิดแต่การที่จำเลยบอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา 605 และโจทก์ย่อมไม่อาจนำสืบถึงความเสียหายของโจทก์ดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำฟ้อง เมื่อคดีนี้ไม่มีประเด็นและคู่ความก็มิได้นำสืบกันมา ศาลจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยเอาเองโดยไม่มีข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานสนับสนุนย่อมเป็นการไม่ชอบ และมีเหตุสมควรให้โอกาสโจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9575/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษจำคุกรอการลงโทษ ต้องระบุระยะเวลาที่ชัดเจนในคำฟ้อง
การที่ศาลจะนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษจำเลยไว้มาบวกเข้ากับโทษจำคุกจำเลยในคดีหลังได้นั้น ต้องได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดขึ้นอีกภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1718/2543 ของศาลชั้นต้น แต่เพียงว่าจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ จำคุก 1 ปี โดยมิได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นรอการลงโทษไว้หรือไม่ เป็นกำหนดระยะเวลาเท่าใด นับแต่วันที่ศาลพิพากษา แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องต่อมาภายหลังจากที่ได้บรรยายฟ้องถึงคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 365/2543 ของศาลชั้นต้น โดยใช้ถ้อยคำว่า ภายในเวลาที่รอการลงโทษทั้งสองคดี จำเลยได้กระทำความผิดคดีนี้อีก ก็เป็นคำฟ้องที่ไม่อาจทำให้ทราบหรือเข้าใจได้ว่าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1718/2543 ของศาลชั้นต้นนั้น ศาลรอการ ลงโทษไว้มีกำหนดเวลาเท่าใด และจำเลยกระทำความผิดนี้อีกภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าว อันจะมีผลให้ศาลมีอำนาจนำโทษจำคุกที่รอไว้มาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ได้ ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และ 58 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1718/2543 ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9168/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากคำฟ้องไม่มีลายมือชื่อ และประเด็นฎีกาไม่เป็นสาระ/ต้องห้ามฎีกา คดีซื้อขายห้องชุด
ห้องชุดย่อมเป็นอสังหาริมทรัพย์ตามความหมายใน ป.พ.พ. มาตรา 466 ดังนั้นที่จำเลยฎีกาว่ามาตรา 466 ที่ศาลล่างทั้งสองยกขึ้นมาปรับเข้ากับข้อเท็จจริงในคดีควรเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ดินซึ่งสามารถดำเนินการรังวัดสอบเขตได้โดยชัดเจน และสามารถคำนวณหาพื้นที่ได้อย่างสะดวก จะนำมาปรับเข้ากับข้อเท็จจริงในการจะซื้อจะขายห้องชุดไม่ได้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำฟ้องฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้ฎีกา จึงเป็นคำฟ้องฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 67 (5) แต่เมื่อฎีกาจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย และฎีกาของจำเลยข้ออื่นต้องห้ามฎีกา คดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงลายมือชื่อผู้ฎีกาให้ถูกต้องต่อไป ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสอง ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8887/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้เงินกู้อื่นโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันและจำนอง จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังมิได้เบิกเงินเกินวงเงินที่ตกลงไว้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 กู้เงินเพื่อชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลาให้แก่บุคคลภายนอก จึงให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8875/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้มีการระบุชื่อโจทก์ผิดในคำขอท้ายฟ้อง หากจำเลยยังเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
คำฟ้องของโจทก์ได้ระบุถึงตัวบุคคลซึ่งเป็นโจทก์ผู้ยื่นคำฟ้องไว้โดยแจ้งชัดว่า คือ ธ. มิใช่ธนาคารและบรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาว่า เป็นเรื่องกู้ยืมเงินโดยโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยกู้เงินไปและกล่าวถึงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นว่า จำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนโจทก์จึงมีคำขอบังคับให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยก็สามารถให้การต่อสู้คดีได้ถูกต้อง และจำเลยทราบดีอยู่ว่าโจทก์มีสภาพเป็นบุคคลธรรมดามิใช่เป็นนิติบุคคลมาแต่ต้น การที่คำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีคำว่าธนาคารโจทก์อยู่ด้วยเป็นเพียงการพิมพ์ผิดพลาดไป ไม่ทำให้จำเลยถึงกับไม่เข้าใจคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8139/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ทางพิพาท: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งย่อมเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าทางพิพาทมิใช่ทางสาธารณะ แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องและเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทตามคำฟ้องและฟ้องแย้งย่อมมีว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอันเป็นประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกัน หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทางพิพาทมิใช่ทางสาธารณะ แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย นอกจากจำเลยจะไม่ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางพิพาทแล้ว จำเลยยังมีสิทธิห้ามโจทก์เกี่ยวข้องและใช้ทางพิพาทได้ด้วย ส่วนข้ออ้างของจำเลยจะรับฟังได้หรือไม่ และจำเลยจะเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ได้หรือไม่ เพียงใดนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณาฟ้องแย้งเช่นนี้จึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมและมิได้มีเงื่อนไขเลยว่าจะถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อจำเลยต้องแพ้คดีตามคำฟ้องเสียก่อนแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7947/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฎีกาและการแก้ไขข้อบกพร่องของคำฟ้องฎีกาที่ไม่ชอบ
จำเลยยื่นฎีกาโดย ธ. ทนายจำเลยลงชื่อเป็นผู้ฎีกาแทนจำเลย แต่ใบแต่งทนายไม่ได้ระบุให้ทนายความมีอำนาจฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นจัดการแก้ไขข้อบกพร่องโดยให้จำเลยลงชื่อในฐานะผู้ฎีกาในคำฟ้องฎีกาให้ถูกต้อง จำเลยไม่มาแก้ไขข้อบกพร่องภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด คำฟ้องฎีกาของจำเลยจึงมี ธ. ทนายความของจำเลยลงชื่อเป็นผู้ยื่นฎีกาแทนจำเลยโดยไม่มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใช้สิทธิในการฎีกาได้ ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 62 คำฟ้องฎีกาของจำเลยที่ ธ. ลงชื่อเป็นผู้ฎีกาจึงเป็นคำฟ้องฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7712/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีพนันทางวาจาในศาลแขวง: หลักเกณฑ์การฟ้องและบทลงโทษ
การฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงหรือศาลจังหวัดที่กฎหมายบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ บัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐาน จึงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 โดยเฉพาะในอนุมาตรา 5 ว่าด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำ เป็นหน้าที่ของศาลที่จะสอบถามรายละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจร่วมกันเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจึงให้การรับสารภาพต่อศาลชั้นต้น คำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว โดยโจทก์ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงวิธีการเล่นโดยละเอียดอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่ชัดเจนวันเวลาใช้เอกสารปลอม ทำให้ฟ้องฐานใช้เอกสารปลอมไม่ได้ แม้พยานหลักฐานไม่เพียงพอ
โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องข้อ (ข)และ(ง) สรุปได้ว่า หลังจากที่ จำเลยปลอมเอกสารสิทธิใบวางบิลดังกล่าวในฟ้องข้อ (ก) และ (ค) แล้วจำเลยบังอาจนำเอกสารสิทธิดังกล่าวไปใช้อ้างแก่โจทก์ร่วมเพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งสรุปยอดปริมาณการขายสินค้าเพื่อให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่า ใบวางบิลดังกล่าวได้วางให้แก่ลูกค้าและลูกค้าลงลายมือชื่อในช่อง ผู้รับวางบิลแล้ว ทั้งนี้ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม และประชาชน คำฟ้องโจทก์ดังกล่าวมิได้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยนำใบวางบิลไปใช้อ้างแก่โจทก์ร่วมมาโดยชัดแจ้ง เป็นคำฟ้องที่ไม่เพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีจึงเป็นคำฟ้อง ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7371/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานออกเช็ค – จำเป็นต้องระบุหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ในคำฟ้อง
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯมาตรา 4 การออกเช็คจะเป็นความผิดต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย หนี้ตามเช็คจะมีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งเป็นองค์ประกอบแห่งความผิด หาได้เป็นเพียงรายละเอียดที่สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาไม่ การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คมอบให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายจึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องก็ไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้
of 89