พบผลลัพธ์ทั้งหมด 104 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของคำฟ้องความเท็จต่อศาล: การระบุความแตกต่างระหว่างคำเบิกความและคำให้การในชั้นสอบสวน
บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นพยานโจทก์ในคดีปล้นทรัพย์ เบิกความเท็จต่อศาลว่าจำคนร้ายไม่ได้ อันเป็นความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี ซึ่งความจริงจำเลยเคยให้การในฐานะพยานในชั้นสอบสวนว่าจำคนร้ายได้ ดังนี้ แม้จะมิได้กล่าวให้ปรากฏชัดว่าความจริงเป็นดังที่จำเลยเบิกความหรือเป็นดังที่จำเลยให้การ ก็ย่อมเข้าใจได้แล้วว่าโจทก์กล่าวอ้างว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นความเท็จ ส่วนความจริงเป็นดังที่จำเลยได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนนั่นเอง และในคดีอาญาเรื่องปล้นทรัพย์ คำเบิกความของพยานในข้อที่ว่าจำคนร้ายได้หรือไม่นั้น ย่อมเป็นข้อสำคัญในคดี คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ที่สมบูรณ์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานในคดีกรรมสิทธิ์ที่ดิน ศาลต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบ ไม่ถือคำเบิกความในคดีก่อนเป็นคำรับ
ข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์กับจำเลยใครเป็นผู้มีสิทธิ(ในที่พิพาท)ดีกว่ากัน นั้น คู่ความทั้งสองฝ่ายยังโต้เถียงกันอยู่ ถือว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องพิจารณาสืบพยานกันต่อไปแม้ได้มีคำพิพากษาในคดีก่อนวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นคุณแก่จำเลยแล้วจะถือเอาคำเบิกความของโจทก์ (คดีนี้)ที่เบิกความไว้ในคดีนั้น เป็นคำรับของโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่จึงไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำสืบให้ศาลเห็นว่าความจริงโจทก์มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยถือเอาคำเบิกความของโจทก์ในคดีอื่นมาเป็นคำแถลงรับของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโดยอ้างคำเบิกความในคดีก่อนเป็นคำรับของโจทก์ ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ชอบ
ข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์กับจำเลยใครเป็นผู้มีสิทธิ(ในที่พิพาท)ดีกว่ากัน นั้น คู่ความทั้งสองฝ่ายยังโต้เถียงกันอยู่ ถือว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องพิจารณาสืบพยานกันต่อไป แม้ได้มีคำพิพากษาในคดีก่อนวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นคุณแก่จำเลยแล้วจะถือเอาคำเบิกความของโจทก์ (คดีนี้)ที่เบิกความไว้ในคดีนั้น เป็นคำรับของโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่ จึงไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำสืบให้ศาลเห็นว่าความจริงโจทก์มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยถือเอาคำเบิกความของโจทก์ในคดีอื่นมาเป็นคำแถลงรับของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2042/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังคำเบิกความของจำเลยที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีและเหตุบรรเทาโทษในคดีพยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายได้ความว่าผู้เสียหายกับจำเลยโต้เถียงกันและชกต่อยกันแล้วต่างแยกกันมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด กระสุนปืนถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายและพยานโจทก์อีก 2 คนเบิกความเพียงว่า ได้ยินเสียงปืน 1 นัด ไม่มีผู้ใดว่าเห็นจำเลยเป็นคนยิงปืน มีแต่ผู้เสียหายคนเดียวว่าเมื่อปืนดังขึ้นแล้ว หันไปดู เห็นจำเลยถือปืนสั้นอยู่ในมือ ส่วนพยานโจทก์อีก 2 คนนั้นไม่ได้เบิกความว่าเห็นเช่นนี้ด้วย ฉะนั้น การที่จำเลยเบิกความรับว่าจำเลยกับผู้เสียหายชกต่อยกันแล้วจำเลยยิงปืน กระสุนปืนถูกผู้เสียหาย ดังนี้ เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ให้รับฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยยิงผู้เสียหาย นับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญา: คำเบิกความของผู้ต้องหาต้องเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี หากเบี่ยงเบนความรับผิด ศาลไม่ลดโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ เพิ่งมา เบิกความแสดงรายละเอียดตอนอ้างตนเองเป็นพยาน แต่ก็มิได้รับว่ายิงกลับบ่ายเบี่ยงความรับผิดไปให้ผู้เสียหายว่าเป็นเพราะผู้เสียหายแย่งปืนจากจำเลย ไกปืนไปเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลยปืนจึงลั่นขึ้น เป็นอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับเจตนาจำเลยคำเบิกความของจำเลย เช่นนี้มิได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี อันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาคดีอื่นไม่ผูกพันคดีปัจจุบัน และคำเบิกความพยานในคดีหนึ่งใช้ยันจำเลยในอีกคดีหนึ่งไม่ได้
คำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ผูกพันคู่ความในอีกคดีหนึ่ง
คำเบิกความของพยานในคดีหนึ่งจะนำมาใช้ยันคู่ความในอีดคดีหนึ่งไม่ได้ เพราะมิได้พิจารณาต่อหน้าคู่ความในคดีนั้น และคู่ความในคดีนั้นไม่มีโอกาสซักค้าน หากโจทก์จะประสงค์จะให้ข้อเท็จจริงได้เข้ามาสู่สำนวนความโจทก์ต้องนำพยานนั้นมาสืบ
คำเบิกความของพยานในคดีหนึ่งจะนำมาใช้ยันคู่ความในอีดคดีหนึ่งไม่ได้ เพราะมิได้พิจารณาต่อหน้าคู่ความในคดีนั้น และคู่ความในคดีนั้นไม่มีโอกาสซักค้าน หากโจทก์จะประสงค์จะให้ข้อเท็จจริงได้เข้ามาสู่สำนวนความโจทก์ต้องนำพยานนั้นมาสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าสู้คดี: ศาลยึดถือคำเบิกความพยานคนเดียวตามที่ตกลง แม้ขัดกับพยานหลักฐานอื่น
เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ได้สองปาก โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า ถ้า ล.เบิกความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยยอมแพ้ ถ้า ล.เบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ เป็นการที่โจทก์จำเลยขอถือเอาคำเบิกความของ ล.ผู้เดียวเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดี และเฉพาะประการเดียวว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยเป็นการสละข้ออื่น ๆ ตามคำฟ้อง คำให้การ และพยานหลักฐานที่ได้เสนอต่อศาลมาแล้วทั้งหมด ฉะนั้น เมื่อ ล. เบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดี จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่า คำเบิกความของ ล.ฟังไม่ได้ ขัดกับคำฟ้อง คำเบิกความของพยานโจทก์อื่นและเป็นคำเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานสนับสนุนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ในการพิจารณาคดี ศาลใช้ดุลพินิจในการรับฟัง
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งศาลต้องจดไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นพยานเอกสารอย่างหนึ่ง ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่า จำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์จึงชอบที่จะอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ส่วนที่จะรับฟังหรือไม่เพียงใดเป็นดุลพินิจของศาลที่พิจารณาจะวินิจฉัยอีกชั้นหนึ่ง
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมาย แต่อย่างใด
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมาย แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฎีกาข้อเท็จจริง: การท้าคดีและการพิจารณาตามคำเบิกความพยาน
'ความเห็นแย้ง' ตามความในมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมายความถึงความเห็นแย้งเกี่ยวแก่ข้อเท็จจริง
ถ้ามีความเห็นแย้งเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความจะฎีกาเถียงข้อเท็จจริงไม่ได้
ถ้ามีความเห็นแย้งเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความจะฎีกาเถียงข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานหลักฐาน: คำเบิกความในศาลมีน้ำหนักกว่าคำให้การชั้นสอบสวน
คำพะยานที่เบิกความชั้นศาลมิได้ผูกมัดศาลให้รับฟังทั้งหมด ศาลมีอำนาจชั่งน้ำหนักแล้วชี้ขาดว่าควรฟังแค่ไหนเพียงใดหรือไม่ และคำพะยานชั้นสอบสวนนั้นก็ไม่มีบทบัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังแต่อย่างใดเลย ฉะนั้นศาลจะฟังหรือไม่เพียงใดก็สุดแต่เหตุผลของแต่ละเรื่องไป
พะยานที่ให้การชั้นสอบสวนไว้อย่างหนึ่งภายหลังให้การชั้นศาลไปอีกอย่างหนึ่งนั้น ศาลจะฟังหรือไม่อย่างใดก็สุดแต่ดุลยพินิจของศาล ใช่ว่าในกรณีเช่นนี้ผูกมัดจะให้ศาลต้องรับฟังถ้อยคำของพะยานที่ให้การในชั้นศาลเสมอไป
พะยานที่ให้การชั้นสอบสวนไว้อย่างหนึ่งภายหลังให้การชั้นศาลไปอีกอย่างหนึ่งนั้น ศาลจะฟังหรือไม่อย่างใดก็สุดแต่ดุลยพินิจของศาล ใช่ว่าในกรณีเช่นนี้ผูกมัดจะให้ศาลต้องรับฟังถ้อยคำของพะยานที่ให้การในชั้นศาลเสมอไป