คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คู่สัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 189 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4575/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์ของคู่สัญญาประกอบ
การที่จะพิจารณาว่าฝ่ายใดผิดนัดนั้นจะต้องพิจารณาการกระทำประกอบกับเจตนาที่ฝ่ายนั้นได้แสดงออกมาว่าจะไม่นำพาต่อการปฏิบัติตามนัดตามสัญญาหรือไม่เป็นสำคัญ เมื่อตามคำร้องของโจทก์อ้างว่าได้มอบหมายให้ทนายความไปที่สำนักงานที่ดินเมื่อเวลา 10.45 นาฬิกา และได้แจ้งให้ทนายความจำเลยร่วมทราบโดยขอให้เจ้าพนักงานเตรียมหลักฐานการโอนไว้ แต่จำเลยร่วมไม่ดำเนินการให้ กรณีก็ไม่อาจจะถือได้ว่าโจทก์ผิดนัด เพราะเวลา 11 นาฬิกา ที่กำหนดนัดหมายในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นต้องหมายถึงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายไปพร้อมกันเพื่อเริ่มดำเนินการตามแบบพิธีของทางราชการ มิใช่หมายถึงเวลาที่ทำการโอนเสร็จเรียบร้อย จะต้องมีการไต่สวนคู่ความทั้งสองฝ่ายว่าความจริงเป็นประการใดจึงจะวินิจฉัยได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3901/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเพิ่มดอกเบี้ยย้อนหลังในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ย่อมใช้บังคับได้ หากเป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างคู่สัญญาโดยไม่ขัดกฎหมาย
จำเลยทำสัญญาตกลงกับโจทก์ให้โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเพิ่มจากร้อยละ 12.5 ต่อปี เป็นร้อยละ 15 ต่อปี และร้อยละ18 ต่อปี แม้เป็นการเพิ่มดอกเบี้ยย้อนหลัง แต่ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาในทางแพ่งซึ่งทำขึ้นระหว่างธนาคารโจทก์กับจำเลยอันเป็นคู่สัญญา มิได้มีผลผูกพันถึงบุคคลภายนอก ทั้งวัตถุประสงค์ของสัญญาก็ไม่ต้องห้ามโดยกฎหมาย ดังนี้ สัญญาดังกล่าวใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3856/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบงานล่าช้า สิทธิเรียกเบี้ยปรับ และการสงวนสิทธิของคู่สัญญา
คณะกรรมการตรวจการจ้างที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ก.ผู้ว่าจ้างตั้งขึ้นเพื่อตรวจรับมอบงานที่โจทก์ได้ทำตามสัญญาจ้างว่าถูกต้องตามสัญญาหรือไม่ แล้วเสนอไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก. นั้น ไม่มีอำนาจในการที่จะสงวนสิทธิเรียกเบี้ยปรับ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ก.ซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์เท่านั้นที่มีอำนาจที่จะรับมอบงานจากโจทก์หรือไม่ เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก.ได้เรียกเบี้ยปรับที่โจทก์ส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดในสัญญาโดยหักจากเงินค่าจ้างแสดงว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก.หาได้ยอมรับมอบงานโดยมิได้อิดเอื้อน อันจะทำให้โจทก์พ้นจากความรับผิดในการส่งมอบเนิ่นช้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 597 ไม่ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ก. แจ้งแก่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ที่ให้มารับเงินแทนว่าจะหักเงินค่าปรับจากเงินค่าจ้าง ถือว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก. ได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 แล้วจำเลยผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงมีสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3854/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงค่าทนายความ: สิทธิของคู่สัญญาในการกำหนดอัตราค่าจ้าง และการชำระตามตกลง
จำเลยทั้งสองแต่งตั้งให้โจทก์เป็นทนายความฟ้องเรียกโฉนดที่ดินคืนจากธนาคารโดยตกลงกันว่าเมื่อคดีเสร็จแล้วจำเลยทั้งสองจะชำระค่าทนายให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงินโดยประมาณไม่เกินร้อยละ 20ของราคาที่ดินแต่ละแปลง จึงเป็นการให้สิทธิแก่ทั้งสองฝ่ายที่จะกำหนดจำนวนเงินค่าจ้างว่าความและเป็นสิทธิของจำเลยทั้งสองที่จะชำระให้ไม่เกินร้อยละ 20 ของราคาที่ดินแต่ละแปลง ข้อตกลงดังกล่าวมิได้ให้สิทธิแก่โจทก์ฝ่ายเดียวที่จะเรียกเอาค่าจ้างจากจำเลยทั้งสองในอัตราประมาณไม่เกินร้อยละ 20 แต่ประการใด เมื่อคดีเสร็จและจำเลยทั้งสองได้ชำระค่าจ้างว่าความในอัตราดังกล่าวให้แก่โจทก์แล้ว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทั้งสองชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว โจทก์จะฟ้องเรียกค่าจ้างว่าความจากจำเลยทั้งสองในอัตราร้อยละ 20 ของราคาที่ดินโดยจำเลยไม่ตกลงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2111/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าจ้างตามสัญญา แม้มีการอ้างละเมิดก็ไม่ทำให้คู่สัญญาหลุดพ้นความรับผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 4จำนวน 402,000 บาท ตามสัญญาจ้างทำของท้ายฟ้อง และโจทก์ได้บรรยายฟ้องเรื่องละเมิดมาด้วย โดยอ้างว่าการกระทำที่ผิดสัญญาเกิดจากการประพฤติมิชอบของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 กลั่นแกล้งโจทก์เช่นนี้แม้ในเรื่องละเมิดโจทก์จะนำสืบฟังไม่ได้ ก็หาทำให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นคู่สัญญาจ้างทำของหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาไปด้วยไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดิน: โจทก์ไม่มีสิทธิในสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเช่าเมื่อไม่ใช่คู่สัญญาโดยตรง
ว. เป็นผู้เช่าที่ดินจากจำเลยในฐานะส่วนตัว มิใช่เป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ แม้โจทก์จะเข้าไปประกอบกิจการโรงแรมในที่เช่า และก่อนสัญญาเช่าครบกำหนดเวลา ว. ได้แสดงเจตนาขอต่ออายุสัญญาเช่าก็ไม่ก่อนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับโจทก์ โจทก์ไม่อาจอ้าง สิทธิประโยชน์ใด ๆ จากสัญญาเช่าได้ การที่โจทก์ปลูกสร้างโรงแรม สระว่ายน้ำ ภัตตาคารในที่เช่า จึงเป็นการปลูกสร้างโดยไม่มีสิทธิ ในที่ดินของจำเลย สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นส่วนควบกับที่ดิน และตกเป็นของจำเลย โจทก์ไม่อาจฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ เกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3517/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อก่อนตามสัญญาเช่าผูกพันเฉพาะคู่สัญญา ไม่ผูกพันเจ้าของที่ดินรายใหม่
แม้สัญญาเช่าระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยจะระบุว่า เมื่อโจทก์ร่วมผู้ให้เช่าจะขายที่ดินและอาคารพิพาท จะตอ้งแจ้งให้จำเลยผู้เช่าทราบล่วงหน้าเพื่อให้โอกาสจำเลยซื้อก่อนก็ตามข้อตกลงนี้เป็นเพียงก่อให้เกิดบุคคลสิทธิที่มีผลผูกพันเฉพาะโจทก์ร่วมและจำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาเท่านั้น ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าของที่ดินกับอาคารที่พิพาทนั้นในภายหลัง จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินกับอาคารที่พิพาทดังกล่าวระหว่างโจทก์กับโจทก์ร่วม จำเลยฎีกาว่า โจทก์และโจทก์ร่วมวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่จำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในขณะยื่นอุทธรณ์ไม่ครบในเมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้ตามฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว ฎีกาข้อนี้ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นฎีกาที่ไม่เป็นสาระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของคู่สัญญาซื้อขายกิจการที่ผิดนัดชำระหนี้ค่าเครื่องเอกซเรย์ตามสัญญา
สัญญาทำขึ้นในขณะบริษัทโจทก์ใช้ชื่อว่าบริษัทโรงพยาบาลพัฒนเวช จำกัด ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชื่อบริษัทพัฒนประเวศ จำกัด ซึ่งตามหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทมีกรรมการบริษัท 2 คน คือ ส.กับร.คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราของบริษัทมีอำนาจทำการแทนบริษัทได้ ดังนี้ โจทก์เป็นนิติบุคคลและเป็นบริษัทเดียวกับบริษัทโรงพยาบาลพัฒนเวชจำกัดที่เป็นคู่สัญญากับจำเลยและส.ย่อมมีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราของบริษัท ฟ้องจำเลยแทนโจทก์ได้
จำเลยซื้อกิจการโรงพยาบาลจากโจทก์และได้รับมอบกิจการไปดำเนินการแล้ว โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเครื่องเอกซเรย์แทนโจทก์ต่อไป แต่จำเลยไม่นำเงินไปชำระ บริษัทผู้ให้เช่าซื้อจึงเรียกร้องให้โจทก์ชำระ เมื่อโจทก์ได้ชำระไปแล้ว จำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
ตามสัญญากำหนดเบี้ยปรับของการไม่ชำระหนี้เป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อเครื่องเอกซเรย์ตามข้อตกลง โจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ โจทก์นำสืบว่าโจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่บริษัทผู้ให้เช่าซื้ออัตราร้อยละ 18 ต่อปี ที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5355/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องล้มละลายจากเช็คลดราคา การระบุคู่สัญญาและความรับผิดฐานผู้สลักหลัง
ป. นำเช็คซึ่งตนเป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมาขายลดแก่โจทก์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2526 โดยจำเลยที่ 3 ลงชื่อสลักหลังและประทับตราของ บริษัทจำเลยที่ 1 เช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายวันที่25 พฤษภาคม 2526 กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญาขายลดเช็คอันจะต้องรับผิด ต่อโจทก์ด้วยการที่โจทก์นำเช็คดังกล่าวมาฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย ก็โดยอาศัยมูลหนี้ที่เกิดจากความรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาท ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2529 คดีจึงขาดอายุความ โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้ จำเลยที่ 1 ล้มละลาย โดยอาศัยมูลหนี้ดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย: ระยะเวลา 3 เดือน, เจ้าหนี้, คู่สัญญา, มุ่งหมายให้ได้เปรียบ
คำว่า 'ก่อนมีการขอให้ล้มละลาย' ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 หมายถึง ก่อนวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย หาใช่ก่อนวันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานให้ศาลทราบถึงผลการประชุมเจ้าหนี้เพื่อศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายตามมาตรา 61 ไม่
การซื้อขายที่ดินและตึกแถวเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่งทันทีที่คู่กรณีตกลงทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องปฏิบัติชำระต่อกัน ดังนั้น เมื่อผู้คัดค้านตกลงซื้อขายที่ดินและตึกแถวพิพาทกับจำเลย ผู้คัดค้านในฐานะผู้ซื้อจึงมีหนี้ที่จะต้องชำระราคาแก่จำเลยผู้ขายและจำเลยก็มีหนี้ที่จะต้องชำระคือโอนทรัพย์สินที่ตกลงซื่อขายนั้นแก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่จะได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามความหมายของพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 แล้ว
ผู้คัดค้านซึ่งได้รับโอนทรัพย์สินพิพาทจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ถือเป็นคู่สัญญากับจำเลยโดยตรง มิใช่เป็นบุคคลภายนอกตามมาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้โอนขายทรัพย์สินพิพาทให้ผู้คัดค้านในระหว่างระยะเวลา 3 เดือน ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย และจำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 โดยไม่ต้องพิจารณาว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่
of 19