คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าปรับ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 401 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการบอกเลิกสัญญา, ค่าปรับ, และการลดเบี้ยปรับตามสัญญาซื้อขาย
ตามสัญญาซื้อขาย ข้อ 8 และข้อ 9 มีความเกี่ยวพันกันโดยลำดับเกี่ยวกับการบังคับเอาแก่จำเลยผู้ขายกรณีผิดสัญญา กล่าวคือ เมื่อถึงกำหนดส่งมอบแล้วจำเลยผิดนัดไม่ส่งมอบ โจทก์ขอใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันทีตามสัญญาข้อ 8และริบหลักประกันตามสัญญาข้อ 7 เป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ และหากโจทก์จัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นจำเลยต้องรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา หากโจทก์ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา โจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาของที่ยังไม่ได้รับมอบตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรกและในกรณีใช้สิทธิเรียกค่าปรับ ถ้าโจทก์เห็นว่าในระหว่างที่มีการปรับนั้น จำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญา ริบหลักประกัน และเรียกให้ชดใช้ราคาของที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปรับได้ ตามสัญญาข้อ 9วรรคสอง ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าในกรณีที่ได้มีการปฏิบัติตามสัญญาไปบ้างแล้วเท่านั้น จึงจะปรับเข้ากับสัญญาข้อ 9 ได้ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบและสงวนสิทธิในอันที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่อ้างถึงในสัญญาข้อ 8 ข้อ 9 และข้อ 10 ไว้ ต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยส่งมอบสิ่งของตามสัญญาและแจ้งไปด้วยว่าโจทก์ต้องทำการปรับจำเลยด้วย แต่จำเลยเพิกเฉยในระหว่างที่มีการปรับ โจทก์เห็นว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ จึงได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาถือว่าโจทก์ใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 9 หาใช่ใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 8ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าปรับในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาที่ยังไม่ได้รับมอบตามสัญญาจากจำเลยได้
ราคาสิ่งของตามสัญญาซื้อขายมีเพียง 92,720 บาท โจทก์เรียกค่าปรับมาเป็นเงิน 90,123.84 บาท นับว่าสูงเกินส่วน เงินค่าปรับดังกล่าวเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่ง ซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนสมควรได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 383

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7953/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิปรับรายวันตามสัญญาซื้อขาย: เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญาและการเรียกค่าปรับ
ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 4 ระบุไว้ว่า "เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามข้อตกลงแล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของซึ่งตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบตามจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกข้อตกลงได้ ในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับ กรณีผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ 10 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่ง แล้วแต่กรณี ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันเลิกข้อตกลง ผู้ขายต้องรับผิดชอบชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่ตกลงซื้อไว้
หากผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลง ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2)วันถัดจากวันครบกำหนดในใบสั่งซื้อนี้ จนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน
ในระหว่างที่มีการปรับตามวรรคสอง ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามข้อตกลงต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลง และในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับกรณีผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ 10 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในข้อ 4 วรรคแรกนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกข้อตกลงด้วยก็ได้"
ตามข้อสัญญาดังกล่าว การที่โจทก์มีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 4 วรรคสอง นั้น เป็นกรณีที่เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว โจทก์ยังไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา หากแต่ยังคงให้สัญญามีผลผูกพันต่อไปโดยยินยอมให้เวลาจำเลยส่งมอบสิ่งของภายหลังจากครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วได้ จึงเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบสิ่งของถูกต้องครบถ้วน ส่วนการที่จะมีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 4 วรรคสาม นั้น เป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับตามสัญญาข้อ 4 วรรคสอง แล้ว กล่าวคือ โจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 4 วรรคสองและเรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้ว จากนั้นหากยังเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้แล้วจึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา เช่นนี้จึงจะมีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้จนถึงวันบอกเลิกสัญญา คดีนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ภายในกำหนดตามสัญญา โจทก์ยังไม่บอกเลิกสัญญาทันทีโดยได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของต่อไปและสงวนสิทธิในการปรับ แต่การสงวนสิทธิในการปรับนี้ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้ว เมื่อต่อมาโจทก์เห็นว่าจำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ได้จึงบอกเลิกสัญญา ดังนั้น จึงไม่ใช่การบอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับเป็นรายวันอันจะมีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันได้ดังที่กำหนดไว้ตามสัญญาข้อ 4 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7953/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการปรับเป็นรายวันตามสัญญาซื้อขาย: เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญาและการเรียกค่าปรับ
ตามสัญญาเอกสารหมายจ.4ข้อ4ระบุไว้ว่า"เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามข้อตกลงแล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของซึ่งตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบตามจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกข้อตกลงได้ในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับกรณีผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ10ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบและถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันเลิกข้อตกลงผู้ขายต้องรับผิดชอบชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่ตกลงซื้อไว้ หากผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลงผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง(0.2)วันถัดจากวันครบกำหนดในใบสั่งซื้อนี้จนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับตามวรรคสองถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฎิบัติตามข้อตกลงต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลงและในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ10ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในข้อ4วรรคแรกนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกข้อตกลงด้วยก็ได้" ตามข้อสัญญาดังกล่าวการที่โจทก์มีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ4วรรคสองนั้นเป็นกรณีที่เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วโจทก์ยังไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหากแต่ยังคงให้สัญญามีผลผูกพันต่อไปโดยยินยอมให้เวลาจำเลยส่งมอบสิ่งของภายหลังจากครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วได้จึงเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบสิ่งของถูกต้องครบถ้วนส่วนการที่จะมีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ4วรรคสามนั้นเป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับตามสัญญาข้อ4วรรคสองแล้วกล่าวคือโจทก์ได้ปฎิบัติตามสัญญาข้อ4วรรคสองและเรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้วจากนั้นหากยังเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฎิบัติตามสัญญาต่อไปได้แล้วจึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่นนี้จึงจะมีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้จนถึงวันบอกเลิกสัญญาคดีนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ภายในกำหนดตามสัญญาโจทก์ยังไม่บอกเลิกสัญญาทันทีโดยได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของต่อไปและสงวนสิทธิในการปรับแต่การสงวนสิทธิในการปรับนี้ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้วเมื่อต่อมาโจทก์เห็นว่าจำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ได้จึงบอกเลิกสัญญาดังนั้นจึงไม่ใช่การบอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับเป็นรายวันอันจะมีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันได้ดังที่กำหนดไว้ตามสัญญาข้อ4วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7888/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีหลังชำระค่าปรับ: อัยการไม่มีหน้าที่บังคับคดีทรัพย์สิน
ในระหว่างฎีกา ปรากฏว่าผู้ประกันจำเลยได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาล และได้ยื่นคำร้องขอลดค่าปรับ ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งลดค่าปรับให้คดีถึงที่สุดและผู้ประกันจำเลยได้ชำระค่าปรับต่อศาลชั้นต้นถูกต้องครบถ้วนแล้วศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งงดการบังคับคดีและคืนหลักประกัน ดังนั้น ปัญหาตามฎีกาพนักงานอัยการที่ว่า พนักงานอัยการไม่มีหน้าที่ดำเนินการบังคับคดีโดยไปนำยึดหรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปนำยึดทรัพย์สินของผู้ประกันจำเลย จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7588/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยกับการหักค่าปรับในสัญญาจ้างเหมา การเรียกร้องเงินค่าจ้าง
เงินส่วนหนึ่งของเงินค่าจ้างถมดินที่จำเลยจะต้องจ่ายให้โจทก์แต่จำเลยหักไว้เป็นค่าปรับตามสัญญาจ้างเหมาการปรับถมพื้นที่ ซึ่งจำเลยอ้างว่าโจทก์ส่งมอบงานล่าช้า โจทก์ฟ้องเรียกเงินดังกล่าวจากจำเลยอ้างว่ามีเหตุสุดวิสัยโจทก์ไม่อาจทำงานให้จำเลยตามกำหนดนัดได้ เงินดังกล่าวจึงไม่ใช่เงินที่จำเลยได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ไม่ใช่ลาภมิควรได้ ไม่อยู่ในบังคับอายุความหนึ่งปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 419
แม้ฝนจะตกทุกปีในฤดูฝน แต่สำหรับปลายปี 2526 ฝนตกหนักและน้ำท่วมสูงกว่าปีก่อน เป็นเหตุให้น้ำท่วมบริเวณที่ดินที่จะถม ดังนั้นแม้โจทก์จะหาแหล่งดินอื่นมาถมได้ แต่เมื่อบริเวณที่จะถมน้ำท่วมและเส้นทางขนส่งลำเลียงดินน้ำท่วม โจทก์ก็ไม่อาจทำการถมดินให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ กรณีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7588/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยจากการน้ำท่วมทำให้ส่งมอบงานล่าช้า ไม่ต้องเสียค่าปรับ
เงินส่วนหนึ่งของเงินค่าจ้างถมดินที่จำเลยจะต้องจ่ายให้โจทก์แต่จำเลยหักไว้เป็นค่าปรับตามสัญญาจ้างเหมาการปรับถมพื้นที่ซึ่งจำเลยอ้างว่าโจทก์ส่งมอบงานล่าช้าโจทก์ฟ้องเรียกเงินดังกล่าวจากจำเลยอ้างว่ามีเหตุสุดวิสัยโจทก์ไม่อาจทำงานให้จำเลยตามกำหนดนัดได้เงินดังกล่าวจึงไม่ใช่เงินที่จำเลยได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ไม่ใช่ลาภมิควรได้ไม่อยู่ในบังคับอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา419 แม้ฝนจะตกทุกปีในฤดูฝนแต่สำหรับปลายปี2526ฝนตกหนักและน้ำท่วมสูงกว่าปีก่อนเป็นเหตุให้น้ำท่วมบริเวณที่ดินที่จะถมดังนั้นแม้โจทก์จะหาแหล่งดินอื่นมาถมได้แต่เมื่อบริเวณที่จะถมน้ำท่วมและเส้นทางขนส่งลำเลียงดินน้ำท่วมโจทก์ก็ไม่อาจทำการถมดินให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้กรณีดังกล่าวถือได้ว่่าเป็นเหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7295/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการเพิกถอนคำบังคับที่ไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา และการกักขังแทนค่าปรับ
อำนาจของศาลที่จะเพิกถอนหรือมีคำสั่งในเรื่องการบังคับตามบทบัญญัติในมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น หาใช่อำนาจของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะไม่ ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการออกคำบังคับของศาลชั้นต้นไม่ได้เป็นไปตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนคำบังคับตามคำพิพากษาดังกล่าวแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเป็นเงิน109,663,779.20 บาท ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับ จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29, 30 โดยออกหมายกักขังจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดามีกำหนด 2 ปีแทนค่าปรับ ก็ต้องถือว่าเป็นการกักขังแทนค่าปรับทั้งหมดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อจำเลยที่ 2 ถูกกักขังแทนค่าปรับจำนวน 109,663,779.20 บาท ครบกำหนด2 ปี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงไม่ต้องชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6955/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับและค่าควบคุมงานจากการก่อสร้างล่าช้า สัญญาค้ำประกันไม่ใช่หลักประกันหนี้
การจ้างก่อสร้างอาคารทั้งสามหลังรวมอยู่ในสัญญาฉบับเดียวกันรวมราคาค่าก่อสร้างเบ็ดเสร็จเป็นเงิน14,700,000บาทโดยไม่ได้จำแนกหรือระบุเฉพาะเจาะจงว่าอาคารแต่ละหลังราคาเท่าใดการก่อสร้างอาคารทั้งสามหลังกำหนดแล้วเสร็จในวันที่22มีนาคม2531ในสัญญาดังกล่าวถ้าจำเลยส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญาจำเลยยอมให้ปรับเป็นรายวันละ10,000บาทและจ่ายค่าควบคุมงานเป็นรายวันวันละ200บาทโดยไม่ได้ระบุว่าเป็นค่าปรับหรือค่าควบคุมงานของอาคารหลังใดประการสำคัญหากโจทก์กับจำเลยประสงค์จะให้มีการปรับและจ่ายค่าควบคุมงานเป็นรายหลังต่อวันก็น่าจะตกลงไว้ในสัญญาให้ชัดแจ้งเมื่อไม่มีการตกลงกันเช่นนี้และกรณีมีข้อสงสัยจึงต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้นคือจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา11จำเลยคงต้องรับผิดในค่าปรับและค่าควบคุมงานเป็นรายวันโดยรวมอาคารทั้งสามหลัง สัญญาค้ำประกันเป็นเพียงสัญญาซึ่งผู้ค้ำประกันผูกพันต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้แทนจำเลยเท่านั้นมิใช่มัดจำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา377ที่โจทก์จะใช้สิทธิริบจำนวนเงินในสัญญาค้ำประกันในฐานะเป็นมัดจำได้ฉะนั้นแม้สัญญาค้ำประกันจะเป็นเอกสารปลอมโจทก์จะอ้างเป็นเหตุให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามจำนวนในสัญญาค้ำประกันแก่โจทก์ไม่ได้หากโจทก์ได้รับความเสียหายจากการปลอมและใช้สัญญาค้ำประกันปลอมอย่างไรก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องไปเรียกค่าเสียหายเอาจากผู้กระทำความผิดนั้นต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าปรับจากสัญญาซื้อขาย: การบอกเลิกสัญญาส่งผลให้สิทธิเรียกร้องค่าปรับสิ้นสุดลง
สัญญาซื้อขายข้อ10มีความว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ9เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควรและข้อ11มีความว่าในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ10ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับนั้นถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ9กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ10วรรคสองนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ดังนั้นแม้ครบกำหนดตามสัญญาแล้วเจ้าหนี้จะได้เร่งรัดให้ลูกหนี้ส่งมอบสิ่งของอีกก็ตามแต่ลูกหนี้ก็มิได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างใดเลยจนกระทั่งเจ้าหนี้ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังลูกหนี้แล้วแม้การที่เจ้าหนี้จะได้แจ้งสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาไปด้วยก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิปรับลูกหนี้เป็นรายวันตามสัญญาแล้วไม่เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากลูกหนี้โดยอาศัยสัญญาซื้อขายข้อ11ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย: สิทธิเรียกร้องค่าปรับและหน้าที่ชำระราคาที่ดินเมื่อศาลบังคับตามสัญญา
ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 3 มีข้อความว่าถ้าผู้จะขายผิดสัญญา ผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อฟ้องบังคับให้เป็นไปตามสัญญาและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อจำนวน 30,000 บาท เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ผิดสัญญา แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทและกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับเบี้ยปรับตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา
แม้คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสองมิได้ขอชำระราคาที่ดินให้จำเลยทั้งสอง แต่การซื้อขายที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทน ต่างฝ่ายก็มีหน้าที่ชำระหนี้ต่อกัน เมื่อศาลอุทธรณ์บังคับให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองก็มีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าที่ดินพิพาทให้จำเลยทั้งสองที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ชำระค่าที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือแก่จำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้วไม่เป็นการเกินคำขอ
of 41