พบผลลัพธ์ทั้งหมด 467 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์มือปืนอาชีพแสดงเจตนา
จำเลยกับพวกไปหาผู้ตายที่ร้านของ พ. แล้วจำเลยถามว่าผู้ตายอยู่หรือไม่ พอผู้ตายลุกขึ้นนั่งและพยักหน้า พวกของจำเลยอีกคนชักอาวุธปืนยิงผู้ตาย และจำเลยเข้ายิงซ้ำรวมกันถึง 7 นัดโดยจำเลยกับพวกไม่เคยรู้จักผู้ตายมาก่อน และก่อนเกิดเหตุมิได้ทะเลาะหรือมีเรื่องอะไรกับผู้ตาย ทั้งเมื่อยิงผู้ตายแล้วก็ช่วยกันเก็บปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุเพื่อไม่ให้เหลือพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ อันจะเป็นพยานหลักฐานผูกมัดตัวจำเลยกับพวกในภายหลังแสดงถึงความเป็นมือปืนอาชีพ จึงได้ใจเย็นและมีประสบการณ์เช่นนั้นตามพฤติการณ์เห็นได้ว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันวางแผนตระเตรียมการที่จะมาฆ่าผู้ตายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ตัวการร่วม
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์พาคนร้ายไปบ้านผู้ตาย และจอดรถยนต์รออยู่ที่หน้าบ้านผู้ตาย หลังจากคนร้ายสองคนเข้าไปยิงผู้ตายแล้ว ได้วิ่งมาขึ้นรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 จอดรออยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ก็ขับรถยนต์พาคนร้ายหลบหนีไปพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมคบคิดกับพวกวางแผนมาฆ่าผู้ตายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์ช่วยเหลือคนร้ายก่อน, ระหว่าง, และหลังการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์พาคนร้ายไปบ้านผู้ตาย และจอดรถยนต์รออยู่ที่หน้าบ้านผู้ตาย หลังจากคนร้ายสองคนเข้าไปยิงผู้ตายแล้ว ได้วิ่งมาขึ้นรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 จอดรออยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ก็ขับรถยนต์พาคนร้ายหลบหนีไปพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมคบคิดกับพวกวางแผนมาฆ่าผู้ตายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1จึงเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันใช้ จ้าง วาน ให้ผู้อื่นฆ่า และคำรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นพยานหลักฐานสำคัญ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนสอดคล้องกับคำเบิกความของ ร. ว่าก่อนเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ได้ขอให้หาคนไปยิงผู้ตายเพราะผู้ตายติดต่อฉันชู้สาวกับ ส. สามีจำเลยที่ 2ชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยที่ 1 รับสารภาพว่ารับจ้างจำเลยที่ 2ยิงผู้ตาย โดยจำเลยที่ 3 เป็นคนติดต่อ ประกอบกับผู้ตรวจพิสูจน์มีความเห็นว่าปลอกกระสุนปืนของกลางที่จำเลยที่ 1 นำยึดได้และหัวกระสุนปืนที่ได้จากศพผู้ตายใช้ยิงมาจากอาวุธปืนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 ขณะทำการจับกุมจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2และที่ 3 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยสมัครใจ คำให้การดังกล่าวจึงใช้ยันจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 เมื่อรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์แล้วฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วย มาตรา 84
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการฆ่าโดยทรมาน: ผู้รู้เห็นใจแต่ไม่ได้ร่วมลงมือ
จำเลยรู้เห็นเป็นใจกับพวกคนร้ายหลอกพาผู้ตายไปฆ่าโดยวิธีจุดไฟเผาทั้งเป็น โดยจับผู้ตายแก้ผ้าเอาเชือกมัดมือมัดเท้าเอาล้อยางรถยนต์สวมตัว กับเอาน้ำมันราดและจุดไฟเผาผู้ตาย ซึ่งผู้ตายจะไม่ตายในทันที แต่จะได้รับความเจ็บปวดและทรมานเป็นเวลานานก่อนจะสิ้นใจ แสดงให้เห็นว่าประสงค์ให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตาย จึงเป็นการฆ่าโดยทรมาน ทารุณโหดร้าย และไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยมิได้อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุในขณะเกิดเหตุในลักษณะที่จะเข้าช่วยขจัดอุปสรรคอันอาจมีขึ้นได้ทัน เพราะพวกคนร้ายได้พาตัวผู้ตายขึ้นรถปิกอัพแยกจากจำเลยไปสถานที่อีกแห่งหนึ่งแล้วจึงร่วมกันจุดไฟเผาผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตาย คงเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้คนร้ายฆ่าผู้ตายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3205/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สนับสนุนการฆ่า: การกระทำช่วยเตรียมการก่อนฆ่า ไม่ถือเป็นการร่วมกระทำผิด
จำเลยที่ 1 รู้แผนการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะมายิงผู้ตายโดยช่วยขับรถยนต์พาจำเลยที่ 2 ที่ 3 มายังโรงพยาบาลที่เกิดเหตุแล้วจอดรถรออยู่นอกโรงพยาบาล ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 250 เมตรจำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถเห็นเหตุการณ์หรือให้ความช่วยเหลือจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในขณะยิงผู้ตายได้เพราะอยู่ห่างไกลและมีตึกบังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แบ่งหน้าที่ในการฆ่าผู้ตายมาทำส่วนหนึ่งจึงไม่เป็นการร่วมในการกระทำผิดแต่เป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก่อนกระทำผิด จำเลยที่ 1 จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนจำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จำเลยที่ 1 มิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาโดยตรง ศาลฎีกาก็วินิจฉัยได้เองเพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2990/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยเจตนาไม่ใช่เหตุบันดาลโทสะ กรณีสามีภริยาทะเลาะกัน
จำเลยอ้อนวอนขอให้ผู้ตายกลับมาอยู่กับจำเลยเพื่อช่วยเลี้ยงดูบุตรจำเลยไม่ยอมให้กลับขอให้พูดกันให้รู้เรื่อง ผู้ตายไม่ยอมทั้งได้พูดว่าเบื่อขี้หน้าและถ่มน้ำลายรดหน้าจำเลยกับด่าว่าต่าง ๆ นา ๆจำเลยโมโหจึงวิ่งไปหยิบขวานที่วางอยู่ใกล้ ๆ ผู้ตายพูดท้าให้ฟันจำเลยจึงฟันผู้ตาย เป็นเรื่องสามีภริยามีปากเสียงทะเลาะกันตามปกติส่วนที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยต่าง ๆ นา ๆ นั้นก็ไม่ได้ความว่าผู้ตายด่าว่าจำเลยด้วยถ้อยคำอย่างไร ดังนี้ จะถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่ การที่จำเลยใช้ขวานเป็นอาวุธฟันผู้ตายถึงแก่ความตายจึงมิใช่เพราะเหตุบันดาลโทสะ แต่เป็นเพราะจำเลยโกรธเคืองผู้ตายที่ไม่ยอมกลับไปอยู่ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมฆ่า: การกระทำร่วมกันก่อนเกิดเหตุแสดงเจตนาในการร่วมกันกระทำผิด
การที่จำเลยที่ 1 เดินตามจำเลยที่ 2 ไปที่โต๊ะของโจทก์ร่วมที่ 2 โดยต่างมีมีดติดตัวไปด้วย และจำเลยที่ 2 ใช้มีดปักลงที่โต๊ะโจทก์ร่วมที่ 2 เช่นนั้น เป็นการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นก่อน แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดแทงทำร้ายโจทก์ร่วมที่ 2 เมื่อผู้ตายลุกขึ้นช่วยโจทก์ร่วมที่ 2 ในขณะที่โจทก์ร่วมที่ 2 กับจำเลยทั้งสองชุลมุนแย่งมีดกัน จำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตายไปทันทีนั้น แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งหลบหนีไปด้วยกันเช่นนี้ ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ได้ว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำผิดมาตั้งแต่แรก ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการที่จำเลยที่ 2 แทงผู้ตายถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นส่วนตัว ศาลเชื่อพยานหลักฐานและคำรับสารภาพ
เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมของโจทก์ต่างเบิกความสอดคล้องกันว่ารู้จักจำเลยและยืนยันว่าไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจเชื่อว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง จำเลยเคยกล่าวอาฆาตว่าจะยิงผู้ตายด้วยเหตุโกรธที่ผู้ตายไปลวนลามภริยาจำเลย แม้ผู้ตายจะออกไปจากหมู่บ้านบวชเป็นพระภิกษุแล้วลาสิกขาบทกลับมาจำเลยยังพูดว่าจะต้องยิงผู้ตาย การที่จำเลยใช้ผู้อื่นไปยืมอาวุธปืนและก่อนเกิดเหตุก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทะเลาะกับผู้ตายแสดงว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายไว้ล่วงหน้าแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยเจตนาและเหตุผลในการกระทำ: บันดาลโทสะ vs. ปกปิดความผิด
ตอนแรกจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตี ก. เพราะถูก ก. ดุ ด่า และทำร้ายร่างกาย แต่หลังจาก ก. ดุด่าและทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1แล้ว ก. ได้เดินเข้าไปนั่งซ่อมโทรศัพท์อยู่ในห้อง จำเลยที่ 1เดินไปหาไม้ที่หลังบ้านมีช่วงเวลาที่จะคิดได้ว่าสมควรทำร้าย ก.หรือไม่ จำเลยที่ 1 หาไม่ได้แล้วเดินเข้าไปตี ก. ในขณะที่กำลังนั่งซ่อมโทรศัพท์อยู่ ก. ยังมีลมหายใจอยู่และส่งเสียงร้องจำเลยที่ 1 เกรงว่าเพื่อนบ้านจะได้ยินเสียงร้อง จึงใช้ผ้ารัดคอโดยแรงจนกระทั่งแน่นิ่งไปซึ่งเป็นการกระทำที่มีสาเหตุมาจากเกรงว่าเพื่อนบ้านจะได้ยินเสียงร้อง มิใช่เพราะสาเหตุถูกข่มเหงจึงมิใช่การกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 หลังจากจำเลยที่ 1 ฆ่า ก. แล้ว ขณะกำลังหาที่ซุกซ่อนศพและกลบเกลื่อนหลักฐานอยู่นั้น ส. บุตร ก. ได้เข้ามาเห็นสภาพภายในห้องที่เกิดเหตุซึ่งมีพิรุธผิดสังเกต จำเลยที่ 1เห็นเช่นนั้นก็ใช้ไม้ตี ส. เพื่อปกปิดความผิดฐานฆ่า ก.การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการฆ่า ส. เพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ จำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตี ส.หลายทีเมื่อส. ยังไม่ตาย จึงใช้ผ้ารัดคออีกจนถึงแก่ความตาย เป็นวิธีธรรมดาในการฆ่าให้ถึงแก่ความตายไป มิใช่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้าย