คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฆ่าผู้อื่น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากพยานแวดล้อมและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำผิด ได้ความจากมารดาพี่น้องและเพื่อนผู้ตายว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเคยปรับทุกข์ว่ามีเหตุทะเลาะกับจำเลย เพราะจำเลยติดพันฐานชู้สาวกับผู้หญิงอื่นขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถมากับผู้ตายเพียงสองต่อสอง ผู้ตายถูกยิงภายนอกรถใกล้รถยนต์ที่จอดอยู่ถูกอวัยวะสำคัญในลักษณะจ่อยิง ทันใดจำเลยวิ่งออกมาจากจุดเกิดเหตุขอความช่วยเหลือจาก ล. และ ค.ที่วัดบอกว่าขณะจอดรถปัสสาวะผู้ตายนั่งคอยอยู่ในรถ มีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้ามายิง แต่เมื่อ ล. กับ ค. ไปถึงกลับพบว่าผู้ตายนอนตายอยู่ที่ไหล่ถนนติดประตูหน้ารถข้างซ้าย รถอยู่ในลักษณะที่ปิดประตูไว้ทั้งสองข้างเปิดไฟฟ้าภายในรถกับไฟหรี่หน้ารถไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจที่เกิดเหตุหลังรับแจ้งไม่พบร่องรอยที่จำเลยอ้างว่ายืนถ่ายปัสสาวะทางด้านท้ายรถประมาณ 3 เมตรไม่พบร่องรอยจุดซึ่งจำเลยอ้างว่าวิ่งไปหลบซ่อนคนร้าย ทั้ง ๆที่ดินบริเวณนั้นมีความอ่อนนุ่มถ้าเหยียบจะเป็นรอยเท้า และไม่พบร่องรอยกระสุนปืนภายในรถคันเกิดเหตุ ทั้ง ๆ ที่จำเลยอ้างในที่เกิดเหตุว่าคนร้ายขับรถจักรยานยนต์มาจอดด้านคนขับแล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยิงผู้ตายซึ่งนั่งอยู่ภายในรถข้างที่นั่งคนขับจำเลยยืนถ่ายปัสสาวะอยู่ห่างจากรถซึ่งเปิดไฟฟ้าภายในรถประมาณ 3 เมตรจำเลยน่าจะเห็นและจดจำลักษณะรูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้และรีบแจ้งให้ตำรวจสกัดจับหรือสืบจับคนร้ายทันที แต่จำเลยไม่ได้กระทำเช่นนั้นถ้าจำเลยและผู้ตายมีศัตรูที่จะทำอันตรายถึงชีวิต คนร้ายก็น่าจะเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ติดตามหรือดักทำร้าย ไม่ใช่ขับรถสวนทางมา ทั้งจำเลยก็อ้างว่าคนร้ายเรียกชื่อจำเลยก่อนแสดงว่าคนร้ายมุ่งฆ่าจำเลย เหตุใดคนร้ายกลับใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายซึ่งคนร้ายสามารถมองเห็นจากไฟฟ้าภายในรถ โดยไม่ติดตามยิงจำเลยซึ่งยืนอยู่ห่างเพียง 3 เมตร และเมื่อมีการตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนที่มือของจำเลยก็พบธาตุแอนติโมนีและธาตุแบเรียม ซึ่งปกติพบในเขม่าดินปืน ดังนั้น พยานแวดล้อมกรณีดังกล่าวมั่นคงเพียงพอฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง ข้ออ้างการนำสืบของจำเลยที่ว่าคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้ามายิงผู้ตายขณะจำเลยยืนถ่ายปัสสาวะอยู่นั้นมีพิรุธไม่น่าเชื่อ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและการป้องกันตัว การพิจารณาพยานหลักฐานและเหตุบรรเทาโทษ
โจทก์มีนาง ท.ซึ่งเป็นน้องภริยาจำเลยกับนางต. ป้าจำเลยเป็นพยานเบิกความประกอบบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนว่า เห็นจำเลยถือมีดยืนท้าทายผู้ตาย แล้วถูกผู้ตายยิง แต่จำเลยหลบทัน กระสุนเลยพลาดไปถูก นาง ส. แม้พยานทั้งสองจะมิได้เบิกความถึงเหตุการณ์ต่อมาตอนที่ผู้ตายถูกยิง แต่พยานทั้งสองเคยให้การในชั้นสอบสวนว่าเห็นจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย แม้จะให้การหลังเกิดเหตุถึง 1 เดือนเศษก็ไม่ปรากฏว่าพยานทั้งสองมุ่งปรักปรำจำเลย แต่กลับมุ่งช่วยจำเลยว่าเป็นการยิงป้องกันตัว เพราะเป็นญาติกับจำเลย คำให้การชั้นสอบสวนแม้เป็นพยานบอกเล่าก็อาจนำไปฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นได้ ความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือนคดีโจทก์เฉพาะความผิดฐานนี้จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก แม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาฐานนี้ไว้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานพยานแวดล้อมเชื่อมโยงจำเลยกับการกระทำความผิดฆ่าผู้อื่น
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นคนร้ายขณะเกิดเหตุ คงมีแต่พยานแวดล้อมเห็นจำเลยกับพวกชวนผู้ตายไปที่บ้าน อ.ก่อนเวลาเกิดเหตุเพื่อชวน ม.ภรรยาผู้ตายกลับบ้าน เมื่อ ม.ไม่ยอมกลับ ผู้ตายก็เดินกลับบ้านคนเดียว ทั้งโจทก์มีพนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันว่าวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ อ.พาจำเลยกับพวกเข้ามอบตัวให้การรับสารภาพ และจำเลยได้นำพนักงานสอบสวนไปยึดเหล็กบ่วงที่ใช้ตีผู้ตายเป็นของกลาง พยานโจทก์จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ไม่ฎีกา
คดีที่มีจำเลยหลายคนซึ่งศาลรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันแม้จำเลยสำนวนคดีหนึ่งฎีกา แต่จำเลยอีกสำนวนคดีหนึ่งไม่ได้ฎีกาขึ้นมาก็ตาม เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองสำนวนคดีกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นอันถือว่าเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยสำนวนคดีที่ไม่ได้ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2057/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น โดยการยุยงส่งเสริม และความรับผิดฐานผู้สนับสนุน
จำเลยตะโกนว่า พ่อมันมาแล้ว เอามันเลย แล้ว ส. ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้ตาย ดังนี้จำเลยต้องมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้นาย ส. ฆ่าผู้ตาย ตาม ป.อ. มาตรา 84 ประกอบด้วยมาตรา 288 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใช้แตกต่างจากฟ้อง จึงลงโทษในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดไม่ได้ แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยถึงการกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุมีพยานพบเห็นจำเลยที่ 7 กับพวก 2-3 คน ขนของมาอยู่ที่ทาวเฮาส์ ที่เกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุแล้วมีการตรวจพบรอยนิ้วมือและฝ่ามือแฝง ของจำเลยที่ 7 บริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อจับจำเลยที่ 7 ได้เจ้าพนักงานตำรวจค้นพบบัตร เอ.ที.เอ็ม. ของผู้ตายจากตัวจำเลยที่ 7 ทั้งชั้นสอบสวนจำเลยที่ 7 ก็ให้การรับสารภาพและนำชี้ ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังกล่าวประกอบคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 7 แล้วมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 7 ได้ร่วมกับคนร้ายกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย ตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ศาลพิจารณาพยานหลักฐานและเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยทำผิดในเวลากลางวัน มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ถึงสองคนหลังเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง เจ้าพนักงานตำรวจก็จับกุมจำเลยได้ ในลักษณะที่เสื้อผ้าของจำเลยยังเปรอะเปื้อนโลหิตของผู้ตายนอกจากนี้ยังมีวัตถุพยานคือ ขวานเปื้อน โลหิตที่มีเส้นผมติดอยู่ทั้ง2 เล่ม ในที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถตรวจพิสูจน์ได้ว่าคราบโลหิตทั้งหมดเป็นโลหิตมนุษย์หมู่เดียวกัน เส้นผมของกลางก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับเส้นผมของผู้ตาย พยานหลักฐานดังกล่าวพอรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับว่าทำร้ายผู้ตายจริงคำรับของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ศาลในการพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ และการที่จำเลยกระทำผิดเพราะความมึนเมาสุราความมึนเมาก็มิใช่เหตุบรรเทาโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 78 จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุกระทำผิดขึ้นก่อน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นบันดาลโทสะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานยืนยันตัวจำเลยร่วมชิงทรัพย์ฆ่าผู้อื่น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยยิงผู้ตาย แต่โจทก์มีพยานเห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับจำเลยในวันเกิดเหตุหลายคนโดยก่อนเกิดเหตุมีพยานเห็นจำเลยกับพวกนั่งรถไปกับผู้ตาย หลังเกิดเหตุมีพยานเห็นจำเลยกับพวกขับรถออกมาจากที่เกิดเหตุ นอกจากนี้เมื่อพยานโจทก์พบผู้ตายถูกยิงนอนอยู่ ผู้ตายบอกว่าถูกนายสมบัติกับพวกหลอกมาใช้อาวุธปืนยิงชิงเอารถไป ขอให้ไปบอกมารดาผู้ตายด้วยและได้บอกด้วยว่าตนจะต้องตายแน่ ขณะนำผู้ตายขึ้นรถเพื่อไปส่งโรงพยาบาลผู้ตายร้องว่าโอ๊ย ไม่ไหวแล้วซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ตายคงรู้ตัวว่าต้องตายแน่ พยานโจทก์ได้บันทึกคำบอกเล่าของผู้ตายไว้ ดังนี้คำบอกเล่าของผู้ตายว่านายสมบัติเป็นคนร้ายรับฟังได้ และเมื่อฟังประกอบกับพยานโจทก์ที่เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับจำเลยแล้ว ทำให้น่าเชื่อว่านายสมบัติที่ผู้ตายระบุชื่อนั้น คือจำเลย ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ และนำชี้ที่เกิดเหตุ คำให้การมีรายละเอียดต่าง ๆทั้งมูลเหตุที่จะกระทำความผิดเหตุการณ์ก่อนวันเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ซึ่งหากจำเลยไม่ให้การด้วยความสมัครใจแล้วคงจะไม่มีรายละเอียดดังกล่าว พยานหลักฐานของโจทก์จึงฟังได้โดยแจ้งชัดปราศจากสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอและมีพิรุธ ศาลยกฟ้องคดีอาญา ฆ่าผู้อื่น
ประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองปากเบิกความเป็นพิรุธ ขัดต่อเหตุผลเมื่อจับจำเลยได้แล้วพนักงานสอบสวนก็มิได้จัดให้พยานชี้ ตัวยืนยัน นอกจากนี้โจทก์คงมีเพียงคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนโดยไม่มีพยานเหตุผลแวดล้อมอื่น ๆ ประกอบให้เห็นว่าจำเลยเป็นคนร้าย ทั้งคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวก็ยังมีข้อโต้แย้งของจำเลยว่าไม่ได้ให้การด้วยความสมัครใจ พยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกัน: การดื่มสุรา, สมคบกัน, และการร่วมกันลงมือกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมดื่มสุรากันที่ร้านค้าแล้วพากันนั่งรถจักรยานยนต์ไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้ตายกำลังนั่งจดบัญชีรายการไม้อยู่ จำเลยที่ 1 หยุดรถ พวกของจำเลยลงจากรถใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วทุกคนพากันนั่งรถจักรยานยนต์กลับไปที่ฐานปฏิบัติการอาสาสมัครรักษาดินแดนที่จำเลยที่ 1เป็นสมาชิกอยู่ หลังจากนั้นพากันไปดื่มสุรากันอีก และได้นอนค้างคืนที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ติดกับฐานปฏิบัติการดังกล่าว เช้าวันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 2 กับพวกได้แยกย้ายกันกลับไปพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยที่ 1จะไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองก็ตามเมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นำไปใช้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง.
of 35