พบผลลัพธ์ทั้งหมด 96 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย หากลูกจ้างเพียงไม่ขยันขันแข็ง ไม่ถือว่าจงใจฝ่าฝืนข้อบังคับ
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดเวลาทำงานวันหยุดงานของลูกจ้าง การใช้แรงงานหญิงและเด็ก การจ่ายค่าจ้างฯลฯ ฉบับลงวันที่ 20 ธันวาคม 2501 ข้อ 28(2) แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ. 2507 ข้อ 12 ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ที่ระบุไว้ว่า นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยตามข้อ 27 ถ้าเลิกจ้างลูกจ้างประจำด้วยเหตุลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายอันอาจเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายนั้น จะต้องได้ความว่าลูกจ้างจงใจฝ่าฝืนและโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่า ถ้าต่อหน้าหัวหน้างานลูกจ้างก็ทำงานพอลับหลังหัวหน้างานก็หยุดงาน นั่งเล่นบ้าง คุยกันบ้าง ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ย่อมฟังได้เพียงว่า ลูกจ้างไม่ขยันขันแข็งในการทำงานเท่านั้นยังไม่พอถือได้ว่าลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย ตามที่ระบุไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทยข้อ 28(2) นายจ้างจึงต้องจ่ายเงินค่าชดเชยตามที่กำหนดไว้ในประกาศดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างประจำที่ตนได้เลิกจ้าง
ข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่า ถ้าต่อหน้าหัวหน้างานลูกจ้างก็ทำงานพอลับหลังหัวหน้างานก็หยุดงาน นั่งเล่นบ้าง คุยกันบ้าง ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ย่อมฟังได้เพียงว่า ลูกจ้างไม่ขยันขันแข็งในการทำงานเท่านั้นยังไม่พอถือได้ว่าลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย ตามที่ระบุไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทยข้อ 28(2) นายจ้างจึงต้องจ่ายเงินค่าชดเชยตามที่กำหนดไว้ในประกาศดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างประจำที่ตนได้เลิกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีต่อศาลย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยชอบ เว้นแต่เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต จงใจให้ผู้อื่นเสียหาย
การฟ้องคดีต่อศาลนั้นตามปกติย่อมเป็นการกระทำโดยชอบเพราะเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิของตนทางศาลอันเป็นสิ่งที่กฎหมายอนุญาตการใช้สิทธิเช่นนี้ไม่เป็นการผิดกฎหมายแต่อย่างใด เว้นไว้แต่จะปรากฏว่าจำเลยกระทำไปโดยไม่สุจริต มิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล หากแต่จงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยใช้ศาลเป็นเครื่องกำบัง
(อ้างคำพิพากษาที่ 146/2480)
จำเลยฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จเพราะโจทก์เบิกความในคดีก่อนสองครั้งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์เบิกความว่าได้ยื่นคำขอจดทะเบียน(เครื่องหมายการค้า) เพิ่มเติมอีกเป็นชุด ได้รับอนุญาตแล้ว ซึ่งความจริงทางราชการยังไม่ได้รับจดทะเบียนให้ ส่วนชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความว่ายังไม่ได้รับจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุด คำเบิกความของโจทก์ดังกล่าวมีมูลให้จำเลยเข้าใจว่าโจทก์เบิกความเท็จ มิใช่เป็นการปั้นเรื่องขึ้นฟ้องแม้ศาลจะพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าคำเบิกความของโจทก์มิใช่ข้อสำคัญในคดีและเป็นคำบอกเล่ามา แต่คำเบิกความของโจทก์จะเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันจำเลยอาจเห็นว่าเป็นข้อสำคัญในคดีก็ได้เมื่อโจทก์จำเลยอ้างแต่สำนวนคดีอาญาเป็นพยาน ย่อมไม่พอที่จะให้เห็นว่าการที่จำเลยฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จนั้น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันจะเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
(อ้างคำพิพากษาที่ 146/2480)
จำเลยฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จเพราะโจทก์เบิกความในคดีก่อนสองครั้งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์เบิกความว่าได้ยื่นคำขอจดทะเบียน(เครื่องหมายการค้า) เพิ่มเติมอีกเป็นชุด ได้รับอนุญาตแล้ว ซึ่งความจริงทางราชการยังไม่ได้รับจดทะเบียนให้ ส่วนชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความว่ายังไม่ได้รับจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุด คำเบิกความของโจทก์ดังกล่าวมีมูลให้จำเลยเข้าใจว่าโจทก์เบิกความเท็จ มิใช่เป็นการปั้นเรื่องขึ้นฟ้องแม้ศาลจะพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าคำเบิกความของโจทก์มิใช่ข้อสำคัญในคดีและเป็นคำบอกเล่ามา แต่คำเบิกความของโจทก์จะเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันจำเลยอาจเห็นว่าเป็นข้อสำคัญในคดีก็ได้เมื่อโจทก์จำเลยอ้างแต่สำนวนคดีอาญาเป็นพยาน ย่อมไม่พอที่จะให้เห็นว่าการที่จำเลยฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จนั้น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันจะเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดโดยมิได้จงใจ และการส่งหมายเรียกโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบทั้งๆ ที่โจทก์และคนของโจทก์ก็รู้จักที่ดินที่จำนองและบ้านเรือนของจำเลยดี จำเลยไม่ได้รับหนังสือพิมพ์หรือหาหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศของศาลมาอ่าน จึงไม่รู้เรื่องถึงคดีที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นหนี้จำนองเพียง 100,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วดังนี้เป็นคำขอที่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีด้วยการขอเลื่อนนัดสืบพยานซ้ำๆ ถือเป็นการจงใจทำให้คดีล่าช้า ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อน
จำเลยพยายามที่จะให้คดีดำเนินไปอย่างล่าช้า กล่าวคือในเบื้องต้นจำเลยทำเป็นฟ้องแย้งแล้วปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่นำเจ้าพนักงานไปส่งหมายเรียกและฟ้องแย้งให้โจทก์ ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีฟ้องแย้งวันชี้สองสถานฝ่ายจำเลยไม่มาศาลวันสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยแถลงว่าปวดฟันขอเลื่อน ศาลอนุญาตและได้กำชับว่าหากมีกรณีขอเลื่อนไปอีกศาลจะไม่อนุญาตถ้าไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นสมควร นัดที่ 2 โจทก์ขอเลื่อน นัดที่ 3 จำเลยขอเลื่อนโดยอ้างเหตุป่วยปวดฟัน ศาลอนุญาตให้เลื่อน และสั่งว่าจะอนุญาตให้จำเลยขอเลื่อนไปครั้งนี้ครั้งเดียว ในนัดหน้าจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนไปอีกไม่ว่ากรณีใด นัดที่ 4 ทนายจำเลยขอเลื่อนอีก อ้างเหตุปวดฟันโจทก์คัดค้าน ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนตามพฤติการณ์ที่ฝ่ายจำเลยดำเนินคดีตลอดมาดังกล่าวนี้ เป็นการประวิงคดี ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องละเมิด: เน้นการละเว้นหน้าที่และความเสียหาย ไม่จำเป็นต้องระบุจงใจหรือประมาทเสมอไป
โจทก์บรรยายฟ้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่ แล้วแต่ฟ้องของโจทก์แต่ละกรณีว่าเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาหรือไม่
การบรรยายฟ้องว่าจำเลยละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออาจขัดกัน ไม่ชัดแจ้ง ในกรณีที่ควรต้องบรรยายให้ชัดแจ้งในทางใดทางหนึ่ง แต่ในบางกรณีก็อาจเข้าใจสภาพแห่งข้อหาได้ชัดแจ้งโดยไม่ต้องบรรยายยืนยันโดยตรงมาเช่นนั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีหน้าที่อย่างไร และจำเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น โดยโจทก์บรรยายว่า นอกจากจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแล้ว โจทก์เห็นว่า การกระทำของจำเลยในหน้าที่ยังเป็นการละเมิดให้โจทก์ได้รับความเสียหาย กล่าวคือ จำเลยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและคำสั่ง ฯลฯ จำเลยหาได้ปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนตามข้อบังคับไม่ ฯลฯ ซึ่งถ้าจำเลยมิได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและกฎหมายแล้ว โจทก์จะไม่ได้รับความเสียหายฟ้องของโจทก์ดังนี้ เป็นการแสดงข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งด้วยประการต่างๆ ตามที่โจทก์อ้างในฟ้อง ในรูปคดีนี้โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่า การละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งนี้ จำเลยได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็เป็นการชัดแจ้งพอแล้ว เพราะข้อสำคัญอยู่ที่จำเลยได้ละเว้นกระทำตามที่ควรกระทำ โจทก์ยืนยันต่อไปว่า การละเว้นกระทำนี้เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นมูลแห่งสิทธิเรียกร้องฐานละเมิด อันเป็นสภาพแห่งข้อหาของโจทก์โดยชัดแจ้ง แม้โจทก์บรรยายว่าจำเลยจงใจทำละเมิดหรือร่วมกันยักยอกเงินของโจทก์ไปก็เป็นมูลความรับผิดฐานละเมิดอยู่เพียงพอ และโดยสภาพการกระทำดังที่โจทก์บรรยายนี้แม้จะบรรยายทั้งจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็ไม่เคลือบคลุม
การบรรยายฟ้องว่าจำเลยละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออาจขัดกัน ไม่ชัดแจ้ง ในกรณีที่ควรต้องบรรยายให้ชัดแจ้งในทางใดทางหนึ่ง แต่ในบางกรณีก็อาจเข้าใจสภาพแห่งข้อหาได้ชัดแจ้งโดยไม่ต้องบรรยายยืนยันโดยตรงมาเช่นนั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีหน้าที่อย่างไร และจำเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น โดยโจทก์บรรยายว่า นอกจากจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแล้ว โจทก์เห็นว่า การกระทำของจำเลยในหน้าที่ยังเป็นการละเมิดให้โจทก์ได้รับความเสียหาย กล่าวคือ จำเลยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและคำสั่ง ฯลฯ จำเลยหาได้ปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนตามข้อบังคับไม่ ฯลฯ ซึ่งถ้าจำเลยมิได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและกฎหมายแล้ว โจทก์จะไม่ได้รับความเสียหายฟ้องของโจทก์ดังนี้ เป็นการแสดงข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งด้วยประการต่างๆ ตามที่โจทก์อ้างในฟ้อง ในรูปคดีนี้โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่า การละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งนี้ จำเลยได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็เป็นการชัดแจ้งพอแล้ว เพราะข้อสำคัญอยู่ที่จำเลยได้ละเว้นกระทำตามที่ควรกระทำ โจทก์ยืนยันต่อไปว่า การละเว้นกระทำนี้เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นมูลแห่งสิทธิเรียกร้องฐานละเมิด อันเป็นสภาพแห่งข้อหาของโจทก์โดยชัดแจ้ง แม้โจทก์บรรยายว่าจำเลยจงใจทำละเมิดหรือร่วมกันยักยอกเงินของโจทก์ไปก็เป็นมูลความรับผิดฐานละเมิดอยู่เพียงพอ และโดยสภาพการกระทำดังที่โจทก์บรรยายนี้แม้จะบรรยายทั้งจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินปฏิเสธโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอ้างเป็นสาธารณสมบัติ ไม่ถือเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ตามคำสั่งศาลเพราะเห็นว่าไม่อาจทำได้ตามกฎหมาย มิใช่เพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน ยังไม่พอจะถือว่าเจ้าพนักงานที่ดินนั้นจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น แม้มีสิทธิจดทะเบียนได้ ก็ถือเป็นการละเมิดหากจงใจทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยผลิตและจำหน่ายยาสีฟันบรรจุในฉลากกล่องซึ่งมีรูปลักษณะของกล่องและการวางตัวอักษรเหมือนคล้ายกับกล่องเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ถึงแม้จะฟังว่าจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าตามที่ขอจดทะเบียนไว้ก็ตาม แต่จำเลยไม่อาจใช้เครื่องหมายการค้านั้นมาประดิษฐ์ดัดแปลงโดยจงใจเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เพราะเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์
จำเลยกระทำละเมิดอันเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย แต่ปริมาณแห่งความเสียหายนั้น ข้อเท็จจริงยังไม่แจ้งชัด ศาลกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ได้.
จำเลยกระทำละเมิดอันเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย แต่ปริมาณแห่งความเสียหายนั้น ข้อเท็จจริงยังไม่แจ้งชัด ศาลกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำละเมิดจากการทำร้ายร่างกาย แม้ไม่มีเจตนาฆ่า ก็ถือเป็นการกระทำโดยจงใจ
จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ถือว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อผู้ตายแล้ว เพราะการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายก็เป็นการกระทำโดยจงใจทำร้ายผู้ตายโดยผิดกฎหมายอยู่ในตัวแล้ว แม้จะไม่มีเจตนาฆ่าก็ได้ชื่อว่ากระทำละเมิด แต่การละเมิดนั้นถึงกับมีเจตนาจะฆ่าหรือทำให้ตายโดยไม่มีเจตนานั้นเป็นเรื่องของเจตนาในการทำผิดทางอาญา เจตนากระทำกับจงใจกระทำ จะตีความอนุโลมอย่างเดียวกันมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การเกินกำหนด: ศาลต้องพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและความจงใจของจำเลยก่อนมีคำสั่ง
การที่จำเลยยื่นคำให้การเกินกำหนดศาลจะอนุญาตให้ยื่นได้หรือไม่ ต้องพิจารณาว่า การที่จำเลยไม่ได้ยื่นภายในกำหนดนั้น เป็นเพราะจำเลยจงใจหรือไม่จงใจ หรือเพราะมีหรือไม่มีเหตุสมควรประการอื่น ถ้าปรากฎว่าจำเลยมิได้จงใจหรือจำเลยมีเหตุที่เกิดความจำเป็นแก่จำเลยอันสมควรผ่อนผันให้ได้ ก็ให้ศาลรับคำให้การไว้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฎชัดว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ หรือว่าจำเลยมีเหตุสมควรประการอื่นอย่างใด ศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อนก่อนที่จะมีคำสั่งไม่อนุญาต
ในกรณีดังกล่าวนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฎชัดว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ หรือว่าจำเลยมีเหตุสมควรประการอื่นอย่างใด ศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อนก่อนที่จะมีคำสั่งไม่อนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การเกินกำหนด ศาลต้องพิจารณาเหตุผล หากมิได้จงใจหรือมีเหตุสมควร ศาลควรอนุญาต
การที่จำเลยยื่นคำให้การเกินกำหนด ศาลจะอนุญาตให้ยื่นได้หรือไม่ ต้องพิจารณาว่า การที่จำเลยไม่ได้ยื่นภายในกำหนดนั้น เป็นเพราะจำเลยจงใจหรือไม่จงใจ หรือเพราะมีหรือไม่มีเหตุสมควรประการอื่น ถ้าปรากฏว่าจำเลยมิได้จงใจหรือจำเลยมีเหตุที่เกิดความจำเป็นแก่จำเลยอันสมควรผ่อนผันให้ได้ ก็ให้ศาลรับคำให้การไว้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ถ้าข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ หรือว่าจำเลยมีเหตุสมควรประการอื่นอย่างใด ศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อน ก่อนที่จะมีคำสั่งไม่อนุญาต
ในกรณีดังกล่าวนี้ ถ้าข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ หรือว่าจำเลยมีเหตุสมควรประการอื่นอย่างใด ศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อน ก่อนที่จะมีคำสั่งไม่อนุญาต