คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จับกุม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวเข้าเมือง จำเลยต้องกระทำเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
ลำพังแต่เพียงที่คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตได้มาอยู่ในที่พักชั่วคราวหลังบ้านจำเลยและรับจ้างปลูกบ้านของจำเลยนั้นไม่อาจฟังว่าจำเลยได้กระทำเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5802/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายจับและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: จำเลยไม่รู้ตัวว่าผู้จับกุมเป็นเจ้าพนักงาน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 ห้ามมิให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับเว้นแต่กรณีต้องด้วยข้อยกเว้นตามบทมาตราดังกล่าว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าวันที่ไปจับกุมจำเลยทั้งสอง ผู้เสียหายในคดีที่ถูกทำร้ายร่างกายร่วมไปกับจ่าสิบตำรวจส.และพลตำรวจท.ด้วย และเป็นผู้ชี้แจ้งให้เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสองกรณีจึงต้องด้วยข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(4) เจ้าพนักงานตำรวจที่ไปจับกุมจำเลยที่ 1 ไม่มีผู้ใดแต่งเครื่องแบบตำรวจหรือแสดงหลักฐานให้เห็นได้ว่าตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำการตามหน้าที่การที่เจ้าพนักงานตำรวจสวมกางเกงสีกากีเสื้อคอกลม บางคนก็สวมกางเกงยีนจะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจเอาเองว่าบุคคลที่เข้ามาจับกุมนั้นเป็นเจ้าพนักงานตำรวจย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่พลตำรวจ ท. เบิกความว่าขณะวิ่งไล่ตามจำเลยที่ 1ได้ร้องบอกว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจขอจับกุม แต่ลักษณะการเข้าจับกุมจำเลยที่ 1 มีพวกญาติของผู้เสียหายหลายคนวิ่งกรูเข้าไปร่วมจับกุมด้วย จึงอาจทำให้จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าจะเข้ามาทำร้ายเมื่อจำเลยทั้งสองไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้าจ่าสิบตำรวจ ส.และพลตำรวจ ท. กับพวกมาก่อน แม้จะได้ต่อสู้ขัดขวางไม่ให้จับกุม จำเลยทั้งสองก็หามีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานตำรวจเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาหลังตรวจค้นจับกุม มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยที่ 1 รับราชการเป็นข้าราชการตำรวจประจำอยู่ที่กองกำกับการตำรวจน้ำ ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ทำการตรวจค้นและจับกุม ฮ.กับห. ในข้อร่วมกันมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไว้ในครอบครองและร่วมกันมีและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้วจำเลยที่ 2ได้พูดว่าถ้าไม่อยากติดคุกและไม่อยากถูกประหารชีวิตให้เอาเงินมาจ่าย 1,000,000 บาท หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองให้ ศ. ขับรถตระเวนพา ฮ.กับห. ไปที่ต่าง ๆ แล้วให้ขับรถไปที่สถานีตำรวจนครบาลสมเด็จเจ้าพระยา หากจำเลยทั้งสองต้องการตรวจค้นและจับกุมจริง เมื่อจำเลยทั้งสองค้นพบสิ่งผิดกฎหมายแล้ว ก็ชอบที่จะจับกุมและนำผู้ต้องหาไปมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจในท้องที่ที่พบการกระทำผิดเพื่อดำเนินการต่อไปในทันที ไม่ใช่พาตระเวนไปถึงสถานีตำรวจนครบาลสมเด็จเจ้าพระยา เมื่อจำเลยที่ 1รับราชการเป็นตำรวจโดยได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายจำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าพนักงานแม้จะรับราชการประจำอยู่ที่กองกำกับการตำรวจน้ำ ทำหน้าที่ช่างเครื่องซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ของเรือที่ใช้ในราชการตำรวจน้ำก็เป็นเพียงหน้าที่เฉพาะตามคำสั่งแต่งตั้งของทางราชการแต่โดยทั่วไปจำเลยที่ 1 ยังมีอำนาจสืบสวนคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 17 การที่จำเลยที่ 1ทำการตรวจค้นและจับกุม ฮ.กับห. จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3086/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจรเป็นความผิดต่างกรรมกัน แม้ถูกจับพร้อมกัน เหตุเกิดต่างเวลากัน
โจทก์ฟ้องคดีทั้งสามสำนวนข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยบรรยายว่าระหว่างเวลาที่ทรัพย์ถูกลักไปซึ่งแตกต่างกัน จนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับจำเลยได้วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยรับของโจรจึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน เพราะว่าเวลาที่จำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานรับของโจรแตกต่างกัน แม้จำเลยทั้งสองจะถูกจับพร้อมรถจักรยานยนต์ทั้งสามคันในขณะเดียวกัน ก็หาทำให้การกระทำดังที่โจทก์บรรยายฟ้อง กลายเป็นความผิดกระทงเดียวและกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2914/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมในที่รโหฐานต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการกระทำที่เกินอำนาจ
โรงค้าไม้มีรั้วรอบขอบชิดและนอกจากใช้เป็นสถานประกอบการค้าแล้ว ยังใช้เป็นที่พักอาศัยด้วย ในยามที่โรงค้าไม้หยุดดำเนินกิจการภายในบริเวณโรงค้าไม้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังย่อมไม่ใช่สาธารณสถาน แต่กลับเป็นที่รโหฐานตาม ป.วิ.อ.มาตรา 2 (13) แม้โจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจะมีอำนาจจับกุมจำเลยในกรณีที่มีผู้ขอให้จับโดยแจ้งว่าจำเลยได้กระทำความผิดและแจ้งด้วยว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้วตาม ป.วิ.อ.มาตรา 78 (4) ก็ตาม แต่กรณีดังกล่าวก็ต้องมิใช่เป็นการจับกุมในที่รโหฐาน เพราะตามมาตรา 81 บัญญัติว่าจะมีหมายจับหรือไม่ก็ตาม ห้ามมิให้จับในที่รโหฐาน เว้นแต่จะได้ทำตามบทบัญญัติอันว่าด้วยการค้นในที่รโหฐาน ซึ่งพฤติการณ์ของโจทก์ร่วมซึ่งกระทำไปไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าว การที่โจทก์ร่วมกับพวกทำการจับกุมจำเลยในที่รโหฐานจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบทั้งปราศจากอำนาจที่จะทำได้ตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยจะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมและทำร้ายโจทก์ร่วมการกระทำของจำเลยก็เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2914/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายจับและไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของผู้ถูกจับเป็นการป้องกันโดยชอบ
โรงค้าไม้มีรั้วรอบของชิดและนอกจากใช้เป็นสถานประกอบการค้าแล้ว ยังใช้เป็นที่พักอาศัยด้วย ในยามที่โรงค้าไม้หยุดดำเนินกิจการภายในบริเวณโรงค้าไม้ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังย่อมไม่ใช่สาธารณสถานแต่กลับเป็นที่รโหฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(13) แม้โจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจะมีอำนาจจับกุมจำเลยในกรณีที่มีผู้ขอให้จับโดยแจ้งว่าจำเลยได้กระทำความผิดและแจ้งด้วยว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78(4) ก็ตาม แต่กรณีดังกล่าวก็ต้องมิใช่เป็นการจับกุมในที่รโหฐาน เพราะตามมาตรา 81 บัญญัติว่าจะมีหมายจับหรือไม่ก็ตาม ห้ามมิให้จับในที่รโหฐาน เว้นแต่จะได้ทำตามบทบัญญัติอันว่าด้วยการค้นในที่รโหฐานซึ่งพฤติการณ์ของโจทก์ร่วมซึ่งกระทำไปไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าว การที่โจทก์ร่วมกับพวกทำการจับกุมจำเลยในที่รโหฐานจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบทั้งปราศจากอำนาจที่จะทำได้ตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่แม้จำเลยจะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมและทำร้ายโจทก์ร่วมการกระทำของจำเลยก็เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2914/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมในที่รโหฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการป้องกันโดยชอบธรรม
โรงค้าไม้ที่ใช้เป็นที่พักอาศัยยาม ที่โรงค้าไม้หยุดดำเนินกิจการ ภายในบริเวณโรงค้าไม้ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังย่อมไม่ใช่สาธารณสถาน แต่เป็นที่รโหฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2(13)แม้โจทก์ร่วมจะมีอำนาจจับกุมจำเลยเพราะเป็นกรณีที่มีผู้ขอให้จับโดยแจ้งว่าจำเลยได้กระทำความผิดและแจ้งด้วยว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78(4) แต่การจับกุมตามกรณีดังกล่าว ก็ต้องมิใช่เป็นการจับกุมในที่รโหฐานเพราะตามมาตรา 81 บัญญัติว่า จะมีหมายจับหรือไม่ก็ตามห้ามมิให้จับในที่รโหฐาน เว้นแต่จะได้ทำตามบัญญัติว่าด้วยการค้นในที่รโหฐาน ซึ่งพฤติการณ์ของโจทก์ร่วมที่กระทำไปก็หาต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าวไม่ การที่โจทก์ร่วมกับพวกเข้าทำการจับกุมจำเลยในที่รโหฐาน จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบทั้งปราศจากอำนาจที่จะทำได้ตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยจะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมและทำร้ายโจทก์ร่วมจริง การกระทำของจำเลยก็เป็นการป้องกันชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอน แม้จับกุมไม่ชอบ ก็ไม่ทำให้การสอบสวนไม่ชอบ
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกันแม้การจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3 อาจมิชอบด้วยกฎหมาย ก็หามีผลทำให้การ-สอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่า จำเลยที่ 2และที่ 3 ถูกจับกุมโดยไม่ชอบ การสอบสวนจึงไม่ชอบ ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอน การจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ทำให้การสอบสวนไม่ชอบ
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกันแม้การจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3 อาจมิชอบด้วยกฎหมาย ก็หามีผลทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกจับกุมโดยไม่ชอบ การสอบสวนจึงไม่ชอบไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมในที่รโหฐานต้องมีหมายค้น เว้นแต่เจ้าบ้านมีหมายจับ หรือจับตามอำนาจกฎหมาย การต่อสู้เพื่อป้องกันสิทธิเป็นเหตุสมควร
คำว่า "เจ้าบ้าน" ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92(5) หมายความถึงผู้เป็นหัวหน้าของบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นและรวมตลอดถึงคู่สมรสของผู้เป็นหัวหน้าเท่านั้นเพราะบุคคลดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการครอบครองบ้านและปกครองผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้น หาได้รวมถึงผู้อยู่ในบ้านทุกคนไม่ ตามทะเบียนบ้านหลังเกิดเหตุมี บ. บิดาจำเลยเป็นหัวหน้ามีชื่อจำเลยอยู่ในฐานะเป็นบุตร จำเลยจึงมิได้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าบ้านตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(5) การที่ผู้เสียหายกับพวกเข้าไปจับกุมจำเลยในบ้านดังกล่าวตามหมายจับแต่ไม่มีหมายค้น ทั้งผู้เสียหายกับพวกมิใช่เจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่จะทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น จึงเป็นการจับกุมโดยไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 81 และเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจ จำเลยจึงชอบที่จะป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการจับกุมโดยไม่ชอบเช่นนั้นได้หากจำเลยจะชกต่อยผู้เสียหายจริงก็เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ และไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่และทำร้ายร่างกาย
of 33