พบผลลัพธ์ทั้งหมด 141 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับว่าที่ดินเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วน ย่อมมีผลผูกพันในการชำระบัญชี
จำเลยทั้งสามให้การร่วมกันว่า ที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินให้จำเลยที่ 2,3 ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับของห้างหุ้นส่วน เพราะจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ถอนเอาที่ดินคืนออกจากห้างหุ้นส่วนเลย โจทก์ก็ทราบแล้วและไม่คัดค้าน ดังนี้ ตามคำให้การของจำเลยทั้ง 3 เป็นการยอมรับว่าที่ดินนั้นยังคงเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่ แม้จะมีชื่อจำเลยที่ 2,3 ถือกรรมสิทธิ์จำเลยก็หาได้โต้แย้งไม่ว่าที่ดินนั้นเป็นของจำเลยไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนจำเลยจะมาโต้เถียงภายหลังว่าที่ดินไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนย่อมไม่ได้
ที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วน เมื่อเลิกห้างหุ้นส่วนและมีการชำระบัญชีกันผู้ชำระบัญชีก็มีอำนาจที่จะขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนเอาเงินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้
จำเลยให้การรับว่า ที่ดินยังเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่เมื่อคู่ความตกลงกันให้ตั้งผู้ชำระบัญชี และให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันดังนี้ แสดงว่าจำเลยตกลงยอมให้ขายที่ดินซึ่งเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วย จำเลยจะมาอ้างภายหลังว่าขณะนั้นยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีจะเอาที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วยหรือไม่ ย่อมฟังไม่ขึ้นและเมื่อจำเลยตกลงยอมให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดแล้วก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิที่จะถอนหุ้นเอาที่ดินของตนคืน
ที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วน เมื่อเลิกห้างหุ้นส่วนและมีการชำระบัญชีกันผู้ชำระบัญชีก็มีอำนาจที่จะขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนเอาเงินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้
จำเลยให้การรับว่า ที่ดินยังเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่เมื่อคู่ความตกลงกันให้ตั้งผู้ชำระบัญชี และให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันดังนี้ แสดงว่าจำเลยตกลงยอมให้ขายที่ดินซึ่งเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วย จำเลยจะมาอ้างภายหลังว่าขณะนั้นยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีจะเอาที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วยหรือไม่ ย่อมฟังไม่ขึ้นและเมื่อจำเลยตกลงยอมให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดแล้วก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิที่จะถอนหุ้นเอาที่ดินของตนคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกหนี้หลังชำระบัญชีเลิกบริษัท และอำนาจทนายความในการดำเนินคดี
แม้การชำระบัญชีสิ้นสุดไปแล้ว กฎหมายยังให้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกหนี้สินที่บริษัทหรือผู้ถือหุ้นเป็นหนี้อยู่ได้ กรณีเรื่องนี้ว่ากล่าวกันให้บริษัทผู้ร้องต้องรับผิดเป็นเงินวางศาลเมื่อบริษัทผู้ร้องรับไม้ของกลางไปและได้ว่ากล่าวกันก่อนเลิกบริษัท ฉะนั้น ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ประกอบมาตรา 1272 คู่กรณีจึงคงว่ากล่าวคดีกันต่อมาได้และทนายของบริษัทผู้ร้องคงมีอำนาจดำเนินดคีต่อมาตามที่ได้รับแต่งตั้งไว้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทผู้ร้องนำเงินราคาไม้ของกลางที่ยังขาด 1,398,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วัน บริษัทผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ไม่ต้องห้าม ไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บริษัทผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง 4 เท่าของอัตราค่าภาคหลวง ราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้น การตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ คือ ลูกบาศก์เมตรละ 2,050 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทผู้ร้องนำเงินราคาไม้ของกลางที่ยังขาด 1,398,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วัน บริษัทผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ไม่ต้องห้าม ไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บริษัทผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง 4 เท่าของอัตราค่าภาคหลวง ราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้น การตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ คือ ลูกบาศก์เมตรละ 2,050 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญและการชำระบัญชีหลังบอกเลิกสัญญา
โจทก์จำเลยได้เข้าหุ้นส่วนกันซื้อโคกระบือส่งไปขายเพื่อเอากำไรแบ่งกันตามส่วนของเงินที่ลงทุน แม้ในสัญญาตกลงเข้าหุ้น จำเลยบอกโจทก์ด้วยว่าถ้ากิจการขาดทุนจะแบ่งเงินเป็นกำไรให้โจทก์ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2,000 บาท ก็เป็นแต่เพียงคำรับรองของจำเลยต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่ว่ากรณีจะไม่เข้าบทบัญญัติมาตรา 1025 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันโจทก์จะไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับหนี้ของห้างหุ้นส่วนต่อบุคคลภายนอกหามิได้
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้หนึ่งบอกเลิกห้างหุ้นส่วนแล้ว ห้างหุ้นส่วนย่อมเลิกกันและตั้งผู้ชำระบัญชี แต่คำขอของโจทก์ที่ขอให้ให้จำเลยคืนเงินลงทุนของโจทก์ 62,500 บาทนั้น เนื่องจากจะต้องมีการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสียก่อน จึงเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งคืนให้โจทก์ยังไม่ได้
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้หนึ่งบอกเลิกห้างหุ้นส่วนแล้ว ห้างหุ้นส่วนย่อมเลิกกันและตั้งผู้ชำระบัญชี แต่คำขอของโจทก์ที่ขอให้ให้จำเลยคืนเงินลงทุนของโจทก์ 62,500 บาทนั้น เนื่องจากจะต้องมีการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสียก่อน จึงเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งคืนให้โจทก์ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญและการชำระบัญชีทรัพย์สินหลังการบอกเลิก
โจทก์จำเลยได้เข้าหุ้นส่วนกันซื้อโคกระบือส่งไปขายเพื่อเอากำไรแบ่งกันตามส่วนของเงินที่ลงทุน แม้ในสัญญาลงเข้าหุ้น จำเลยบอกโจทก์ด้วยว่าถ้ากิจการขาดทุนจะแบ่งเงินเป็นกำไรให้โจทก์ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2,000 บาท ก็เป็นแต่เพียงคำรับรองของจำเลยต่อโจทก์เท่านั้นมิใช่ว่ากรณีจะไม่เข้าบทบัญญัติมาตรา 1025 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันโจทก์จะไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับหนี้ของห้างหุ้นส่วนต่อบุคคลภายนอกหามิได้
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้หนึ่งบอกเลิกห้างหุ้นส่วนแล้ว ห้างหุ้นส่วนย่อมเลิกกันและตั้งผู้ชำระบัญชี แต่คำขอของโจทก์ที่ขอให้ให้จำเลยคืนเงินลงทุนของโจทก์ 62,500 บาทนั้น เนื่องจากจะต้องมีการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสียก่อน จึงเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งคืนให้โจทก์ยังไม่ได้
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้หนึ่งบอกเลิกห้างหุ้นส่วนแล้ว ห้างหุ้นส่วนย่อมเลิกกันและตั้งผู้ชำระบัญชี แต่คำขอของโจทก์ที่ขอให้ให้จำเลยคืนเงินลงทุนของโจทก์ 62,500 บาทนั้น เนื่องจากจะต้องมีการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสียก่อน จึงเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งคืนให้โจทก์ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการชำระบัญชีเพื่อให้สภาพนิติบุคคลสิ้นสุดตามกฎหมาย
(1) สภาพของนิติบุคคลจำพวกห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนแล้ว จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการจดทะเบียนและจำสิ้นสภาพก็ด้วยการจดทะเบียน และกฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ชำระบัญชีเป็นผู้จดทะเบียนเพื่อให้นิติบุคคลสิ้นสภาพไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการในมาตรา 1254,1270
(2) การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการชำระบัญชี
(3) ความในมาตรา 1061 นั้น ใช้บังคับได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนสามัญเท่านั้น จะใช้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ เพราะมีหมวด 5 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว.
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2507).
(2) การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการชำระบัญชี
(3) ความในมาตรา 1061 นั้น ใช้บังคับได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนสามัญเท่านั้น จะใช้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ เพราะมีหมวด 5 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว.
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2507).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการชำระบัญชีเพื่อสิ้นสภาพนิติบุคคลตามกฎหมาย
(1) สภาพของนิติบุคคลจำพวกห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนแล้วจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการจดทะเบียน และจะสิ้นสภาพก็ด้วยการจดทะเบียนและกฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ชำระบัญชีเป็นผู้จดทะเบียนเพื่อให้นิติบุคคลสิ้นสภาพไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการในมาตรา 1254,1270
(2) การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีการชำระบัญชี
(3) ความในมาตรา 1061 นั้นใช้บังคับได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนสามัญเท่านั้น จะใช้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ เพราะมีหมวด 5 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2507)
(2) การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีการชำระบัญชี
(3) ความในมาตรา 1061 นั้นใช้บังคับได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนสามัญเท่านั้น จะใช้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ เพราะมีหมวด 5 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความหลังเลิกบริษัท: ทนายความยังคงมีอำนาจดำเนินคดีได้จนกว่าผู้ชำระบัญชีจะถอนอำนาจ
ป.พ.พ. มาตรา 1249 มีความหมายว่าแม้บริษัทได้เลิกแล้ว แต่กฎหมายก็ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ระหว่างเวลาที่จำเป็นแก่การชำระบัญชี ฉะนั้น ทนายความที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทก็ยังคงถือว่าเป็นทนายของบริษัทอยู่ในขณะชำระบัญชี และยังคงมีสิทธิดำเนินคดีได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 (1) เป็นบทให้อำนาจแก่ผู้ชำระบัญชีที่จะว่าต่างแก้ต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท มิใช่เป็นบทระงับสิทธิของทนายความที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทนายที่แต่งตั้งไว้จะหมดอำนาจดำเนินคดีก็ต่อเมื่อผู้ชำระบัญชีถอนการมอบอำนาจ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 (1) เป็นบทให้อำนาจแก่ผู้ชำระบัญชีที่จะว่าต่างแก้ต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท มิใช่เป็นบทระงับสิทธิของทนายความที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทนายที่แต่งตั้งไว้จะหมดอำนาจดำเนินคดีก็ต่อเมื่อผู้ชำระบัญชีถอนการมอบอำนาจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยไม่ชำระบัญชีและการสิ้นสภาพนิติบุคคลเมื่อไม่มีหนี้สิน
หุ้นส่วนขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยไม่ชำระบัญชี โดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนไม่มีหนี้สินและทรัพย์สินใด ๆ กันแล้ว นายทะเบียนได้จดทะเบียนเลิกห้างให้ ห้างหุ้นส่วนนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลนับตั้งแต่วันจดทะเบียน แม้ภายหลังปรากฎว่าห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ได้ชำระบัญชี และยังมีหนี้สินอยู่ ก็ไม่ทำให้ห้างนั้นคงมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยไม่ชำระบัญชีและการสิ้นสภาพนิติบุคคล
หุ้นส่วนขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่ชำระภาษีโดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนไม่มีหนี้สินและทรัพย์สินใดๆแล้ว นายทะเบียนได้จดทะเบียนเลิกห้างให้ ห้างหุ้นส่วนนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลนับตั้งแต่วันจดทะเบียน แม้ภายหลังปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ได้ชำระบัญชี และยังมีหนี้สินอยู่ ก็ไม่ทำให้ห้างนั้นคงมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน: สิทธิฟ้องร้องก่อนปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย
ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นจำเลยว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนแต่ยังมิได้จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชี โจทก์เตือนให้ไปจัดการ จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้บังคับ จำเลยให้การแต่เพียงว่าผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงกันแบ่งทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนกันเอง หนี้สินของห้างหุ้นส่วนก็ไม่มี เป็นการเลิกและชำระบัญชีกันเองเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นที่จะขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีตามฟ้องแล้ว ดังนี้ ในชั้นฎีกาจำเลยจะยกปัญหาเรื่องคำฟ้องของโจทก์ขึ้นฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061, 1251 หาใช่ห้างหุ้นส่วนเป็นผู้จัดการชำระบัญชีไม่ คำฟ้องของโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าจำเลยไม่จัดการชำระบัญชี ต้องถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายใน 2 มาตรานั้นก่อน จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชี แต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำานจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชี แต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำานจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้