พบผลลัพธ์ทั้งหมด 124 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุสถานที่เกิดเหตุในฟ้องคดีอาญา และการพิพากษาคดีเช็ค โดยการโต้แย้งข้อเท็จจริงเป็นฎีกาที่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การระบุถึงสถานที่ที่เกิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่จำต้องระบุตำบลที่เกิดเหตุเสมอไป โดยเพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีก็เป็นการเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป ฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า ส. และจำเลยมิได้มีหนี้สินต่อกัน เช็ครายพิพาทไม่มีมูลหนี้ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้มีส่วนร่วมในการยักยอกเงินของโจทก์ การกระทำของจำเลยขาดเจตนาในการออกเช็คอันจะเป็นเหตุให้ได้รับโทษทางอาญา เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากฎีกาโจทก์ไม่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และฟ้องจำเลยที่ 3 ไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ข้อหาร่วมกันกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 และข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารราชการโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเฉพาะข้อหามาตรา 161 แต่พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดทั้งสองมาตรา ลงโทษตามมาตรา 161 ซึ่งเป็นบทหนักชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยข้อหามาตรา 162 จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดสำหรับข้อหานี้โจทก์ฎีกาโดยบรรยายเพียงว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดข้อหามาตรา 162 จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 เพียงว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิดโดยมิได้บรรยายให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 กระทำอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 เพียงว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิดโดยมิได้บรรยายให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 กระทำอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัย กรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาลดค่าปรับในคดีสัญญาประกัน
โจทก์ทั้งสองในฐานะพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว พ. กับ จ. ผู้ต้องหาไว้ จำเลยได้ทำสัญญาประกันตัว พ. กับ จ. จำเลยผิดสัญญาประกันคนละฉบับฉบับละ 50,000 บาททุนทรัพย์สำหรับคดีนี้จึงแยกออกตามสัญญาประกันแต่ละฉบับเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลดค่าปรับลงจากสัญญาละ 35,000 บาทเป็นสัญญาละ 10,000 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาดุลพินิจในการลดค่าปรับ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่สละแล้ว และข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นสู่การพิจารณา
ชั้นชี้สองสถาน คู่ความต่างแถลงสละข้ออ้างข้อต่อสู้อื่น ขอให้ศาลวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลยในราคา 4,000 บาท หรือไม่ และเรื่องอายุความศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อที่พิพาทจากจำเลย แต่อยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยจำเลย พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต่อมาโจทก์ฎีกาโต้เถียงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยจำเลยยกให้โจทก์และภรรยา ซึ่งโจทก์และภรรยาได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมากับฎีกาว่าที่โจทก์ให้เงินจำเลย 4,000 บาทนั้น ไม่ใช่เรื่องซื้อขาย ดังนี้ ฎีกาข้อแรกเป็นการฎีกาในประเด็นที่สละแล้ว และฎีกาข้อหลังเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้น ว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299-302/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากจำเลยฎีกาคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่ได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
การที่จำเลยกล่าวในฎีกาว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อกฎหมายหลายประการ จึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น และตอนท้ายฎีกาขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยาน และพิพากษาใหม่ ดังนี้ เป็นการคัดค้านโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยฎีกาคัดค้านโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เลย จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 247 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นเช่าซื้อเรือ เพราะไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่างและไม่เป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การโดยอ้างว่าอีกฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายเรือ หาได้ฟ้องหรือให้การต่อสู้ว่าเป็นเรื่องเช่าซื้อเรือกันแต่อย่างใดไม่ และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยว่าเป็นเรื่องซื้อขายเรือ ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อเรือ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากจำเลยมิได้ยกเหตุต่อสู้ตามที่กล่าวอ้างในฎีกา แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว
คำให้การจำเลยที่ 1 มีเพียงว่า ไม่ได้จ้างโจทก์ตามสัญญาท้ายฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยที่ 2 ทำไปโดยไม่มีสิทธิจะทำได้แต่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ทำงานไม่ครบกำหนดตามสัญญา จำเลยจ่ายค่าแรงงานให้คนงานไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างงวดแรก จำเลยจ่ายเงินทดรองให้โจทก์ไปแล้ว เครื่องมือโจทก์ไม่นำกลับคืนไปเองและโจทก์ไม่ควรได้กำไร ซึ่งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนโฉนดที่ดินกับการพิสูจน์การชำระหนี้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ในศาลชั้นต้นจำเลยต่อสู้ว่าการเวนคืนโฉนดที่จำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้นั้นเท่ากับเป็นการเวนคืนเอกสารหลักฐานแห่งการกู้ยืมประเด็นข้อนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่ให้จำเลยนำสืบ เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งนี้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 226 จำเลยจะขอให้ศาลฎีการวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนโฉนดมิใช่การชำระหนี้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งตัดพยานทำให้ฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ในศาลชั้นต้นจำเลยต่อสู้ว่าการเวนคืนโฉนดที่จำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้นั้นเท่ากับเป็นการเวนคืนเอกสารหลักฐานแห่งการกู้ยืมประเด็นข้อนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่ให้จำเลยนำสืบเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งนี้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226จำเลยจะขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่และข้อเท็จจริงที่ไม่เคยยกขึ้นสู่การพิจารณาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยเป็นรายกะทง ๆ ละไม่เกิน 5 ปี จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้, ปัญหาข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นกล่าวในชั้นศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย,