พบผลลัพธ์ทั้งหมด 254 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการพิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก่อนคำสั่งรับอุทธรณ์: ศาลต้องพิจารณาคำร้องก่อน
จำเลยยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ศาลต้องมีคำสั่งคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก่อนมีคำสั่งคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสาม การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยก่อน จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5919/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายหลังคู่ความถึงแก่กรรม: ระยะเวลาและขอบเขตการดำเนินคดีแทน
การที่คู่ความแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน เป็นการแต่งตั้งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 15 ว่าด้วยตัวแทนแม้สัญญาตัวแทนจะระงับไปเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม ทนายโจทก์ก็ยังมีอำนาจหน้าที่จัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักกรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ต่อไป จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของโจทก์จะเข้ามาปกปักรักษาผลประโยชน์ของโจทก์โดยการเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ
โจทก์ถึงแก่กรรมขณะที่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์แต่ไม่มีการร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถึงแก่กรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 จนกระทั่งได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์ฟัง ถือได้ว่าเป็นการล่วงพ้นสระยะเวลาที่ตัวแทนหรือทนายโจทก์จะจัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 824 แล้ว และไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ต่อไป ทนายโจทก์ยื่นฎีกาหลังจากที่ทนายโจทก์หมดอำนาจแล้ว ฏีกาโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ถึงแก่กรรมขณะที่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์แต่ไม่มีการร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถึงแก่กรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 จนกระทั่งได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์ฟัง ถือได้ว่าเป็นการล่วงพ้นสระยะเวลาที่ตัวแทนหรือทนายโจทก์จะจัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 824 แล้ว และไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ต่อไป ทนายโจทก์ยื่นฎีกาหลังจากที่ทนายโจทก์หมดอำนาจแล้ว ฏีกาโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5315/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกต้องจัดการร่วมกัน เมื่อมีผู้จัดการมรดกเสียชีวิต อีกฝ่ายไม่มีอำนาจดำเนินคดีต่อ
ศาลตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก โจทก์ทั้งสองจะต้องจัดการมรดกร่วมกันการดำเนินคดีในฐานะผู้จัดการมรดกเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดก เมื่อโจทก์ที่ 1 ตาย โจทก์ที่ 2ผู้เดียวจะอุทธรณ์และฎีกาในฐานะผู้จัดการมรดกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการดำเนินคดีแทนโจทก์ร่วมผู้ตาย และการรอการลงโทษหลังชดใช้ค่าเสียหาย
พี่ชายของโจทก์ร่วมผู้ตายเกิดจากบิดามารดาเดียวกันและเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ร่วมผู้ตาย มิใช่บุคคลตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ที่จะขอเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตายได้ จึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือมีคำขออื่นใดแทนโจทก์ร่วมผู้ตายได้
เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.
เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบในการดำเนินคดี: จำเลยมีหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการดำเนินคดีของตนเอง
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ อ้างว่า จำเลยที่ 1ไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1เข้าใจผิดว่า จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวของจำเลยที่ 2 ดำเนินคดีโดยยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนจำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 2 ก็เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้ทนายความของจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาเอง แม้เหตุผลตามคำร้องจะเป็นความจริงก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1 เอง จำเลยที่ 1 จะอ้างความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบในการดำเนินคดีและการขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ อ้างว่า จำเลยที่ 1ไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1เข้าใจผิดว่า จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวของจำเลยที่ 2 ดำเนินคดีโดยยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนจำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 2 ก็เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้ทนายความของจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาเอง แม้เหตุผลตามคำร้องจะเป็นความจริงก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1 เอง จำเลยที่ 1 จะอ้างความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยไม่ยื่นคำให้การ ศาลมีดุลพินิจให้ดำเนินกระบวนการต่อไปได้หากโจทก์แสดงเจตนาดำเนินคดี
การที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสองกำหนดว่าถ้าโจทก์ไม่ยื่นคำขอต่อศาลภายในสิบห้าวันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การสิ้นสุดลงเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้นมีวัตถุประสงค์มิให้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่กำหนด แต่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อโจทก์ได้มาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป แม้ศาลจะได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวไปบ้างแล้วโดยโจทก์มิได้มีคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การก่อน โจทก์ก็อาจมีคำขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การในภายหลังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและผลกระทบต่อการดำเนินคดี: ศาลมีดุลพินิจในการจำหน่ายคดี
การที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 198 วรรคสอง ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์มิให้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่กำหนด แต่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่อยู่ในดุลพินิจ เมื่อโจทก์ยื่นคำขอและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว มาตรา 198วรรคสาม ให้ศาลกำหนดวันสืบพยานส่งให้จำเลยทราบ ศาลได้ประกาศวันนัดให้จำเลยยื่นคำให้การและวันนัดสืบพยานโจทก์ทางหนังสือพิมพ์แล้ว และโจทก์ได้มาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป เมื่อศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวนัดหนึ่งแล้วโจทก์ก็อาจมีคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาของโจทก์และการดำเนินการสืบพยานจำเลยโดยชอบตามกฎหมาย
ในคดีที่ศาลกำหนดหน้าที่นำสืบให้จำเลยนำพยานเข้าสืบก่อนทุกประเด็น การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาสืบพยานจำเลยนัดแรกโดยโจทก์ได้ทราบวันนัดโดยชอบแล้ว และมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบแต่ประการใด เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและดำเนินการสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนไปในวันเดียวกันนั้น ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้แจ้งให้ศาลทราบโดยปริยายว่าจำเลยได้ขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว จึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๐๑ แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จทำให้ผู้อื่นถูกดำเนินคดี ถือเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ แม้ฟ้องไม่แนบเอกสารก็ไม่เคลือบคลุม
จำเลยนำบ้านของผู้อื่นมาขายให้โจทก์ โดยอ้างว่าเป็นของจำเลย โจทก์จึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนมีสาระสำคัญว่าสัญญาซื้อขายบ้านดังกล่าวล้มเลิก และจำเลยจะคืนเงินค่าซื้อบ้านให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์แจ้งความเท็จกล่าวหาว่าจำเลยฉ้อโกงโจทก์ ซึ่งข้อสาระสำคัญไม่ตรงกับข้อความที่โจทก์แจ้งไว้เป็นเหตุให้โจทก์ถูกจับกุมดำเนินคดี ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
คำฟ้องบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำความผิดไว้พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแม้ไม่แนบรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของเจ้าพนักงานตำรวจมาด้วย ก็ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5).(ที่มา-ส่งเสริม)
คำฟ้องบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำความผิดไว้พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแม้ไม่แนบรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของเจ้าพนักงานตำรวจมาด้วย ก็ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5).(ที่มา-ส่งเสริม)