คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ต้องห้าม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 298 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6072/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่หลังขายช่วงสิทธิ – ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้อาศัยออกจากอาคารพิพาทซึ่งโจทก์เช่าซื้อมาจากการเคหะแห่งชาติในราคา 63,000 บาท หากโจทก์นำอาคารพิพาทไปให้บุคคลอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท จำเลยให้การว่าโจทก์ได้ขายช่วงสิทธิการเช่าซื้ออาคารพิพาทให้จำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้อาศัยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224วรรคสอง ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ขายช่วงสิทธิการเช่าซื้ออาคารพิพาทให้แก่จำเลยไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้มีหลักฐานการขายช่วงสิทธิอาคารพิพาท กับหลักฐานการรับเงินเป็นพยาน และโจทก์ไม่ได้หลอกลวงเอาใบเสร็จรับเงินจากจำเลยข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ขายช่วงสิทธิการเช่าอาคารพิพาทแก่จำเลยแล้วเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์มานั้น จึงเป็นการไม่ชอบ และถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ทั้งฎีกาโจทก์ล้วนเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4774/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 กรณีคดีขับไล่และบังคับคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกับขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์อันเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆออกจากอสังหาริมทรัพย์แม้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเดิมเดือนละหนึ่งหมื่นบาทก็ตามแต่ตามคำฟ้องได้ความว่าที่ดินพิพาทตั้งอยู่ในชนบทมีเนื้อที่เพียง300ตารางวาใช้ปลูกเรือนอยู่อาศัยและปลูกพืชผักมิใช่อยู่ในทำเลการค้าอันจะทำให้ได้ค่าเช่าที่ดินสูงเป็นพิเศษแต่อย่างใดตามลักษณะและสภาพแห่งที่ดินดังกล่าวถือได้ว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาทคู่ความในคดีฟ้องขับไล่เดิมนั้นจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสองเมื่อคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยผู้ถูกฟ้องขับไล่และศาลอุทธรณ์ภาค2พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ว่าศาลจะฟังว่าผู้ร้องสามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้หรือไม่ก็ตามคดีก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสามที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินพิพาทมิใช่บริวารของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3062/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขรก.ผู้มีหน้าที่จัดการขายทอดตลาด เข้าสู้ราคาเอง เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 511
แม้จำเลยที่1ซึ่งสังกัดจำเลยที่2มิใช่กรรมการจัดการขายทอดตลาดที่ดินของโจทก์ที่จำเลยที่2ยึดมาเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระภาษีเงินได้ที่โจทก์ค้างชำระจำเลยที่1ก็ มีหน้าที่โดยตรงในการดำเนินการ ขายทอดตลาด เมื่อได้เสนอจำเลยที่3แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการขายทอดตลาดโดยล้วนแต่เป็น ข้าราชการในบังคับบัญชาของจำเลยที่1ถือว่าจำเลยที่1ได้ทำในนามของจำเลยที่2ต้องถือว่าจำเลยที่1เป็น ผู้ทอดตลาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา511จึงต้องห้าม เข้าสู้ราคาซื้อที่ดินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละประเด็นข้อพิพาทในศาลชั้นต้น ทำให้ฎีกาเรื่องประเด็นที่มิได้ว่ากล่าวกันในศาลล่างต้องห้าม
ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงประเด็นเดียวเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องจำเลยได้สิทธิครอบครอง และโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบ และไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นดังกล่าว จึงถือว่าจำเลยพอใจในประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพียงประเด็นเดียว แม้จำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้จริงดังที่จำเลยฎีกา ก็ถือว่าจำเลยสละประเด็นเรื่องจำเลยได้สิทธิครอบครองและโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบแล้วเท่ากับว่าประเด็นนี้ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น ฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่ไม่ชัดเจน ทำให้ฎีกาข้อใหม่ต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงประเด็นเดียวเท่านั้นไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องจำเลยได้สิทธิครอบครองและโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบและไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นดังกล่าวจึงถือว่าจำเลยพอใจในประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพียงประเด็นเดียวแม้จำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้จริงดังที่จำเลยฎีกาก็ถือว่าจำเลยสละประเด็นเรื่องจำเลยได้สิทธิครอบครองและโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบแล้วเท่ากับว่าประเด็นนี้ไม่ได้ว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้นฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาโดยชอบในศาลล่างทั้งสองต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นทางสาธารณะและภารจำยอม: การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วถือว่าเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้ารื้อถอนเสาคอนกรีตกับรั้วลวดหนามและสิ่งที่รุกล้ำออกไปจากทางพิพาทซึ่งเป็นทางสาธารณะและทางภารจำยอมเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเสาและรั้วลวดหนามออกไปจากทางพิพาทคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกโจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมประเด็นเรื่องทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่จึงยุติแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าทางพิพาทมิใช่ทางภารจำยอมก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ฎีกาของโจทก์ที่ว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เนื่องจากทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท
การที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยทั้งสองชำระค่าสินค้าตามฟ้องครบถ้วนแล้วเป็นการโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองยังไม่ได้ชำระค่าสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันชำระค่าสินค้าและดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ดังนั้นฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์133,061บาทจึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248ที่แก้ไขแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับฟ้องแย้งนั้นเป็นการฟ้องแย้งขอให้โจทก์ส่งมอบใบสำคัญรับบิลอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ของโจทก์จำนวน123,119บาทถือได้ว่าเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามจำนวนหนี้ในใบสำคัญรับบิลดังกล่าวจึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์123,119บาทจึงเป็นคดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามบทบัญญัติดังกล่าวเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 248 วรรคแรก กรณีราคาทรัพย์สินไม่เกินสองแสนบาท และการไม่อนุญาตระบุพยานเพิ่มเติม
ฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบเป็นประโยชน์ของตน และพยานหลักฐานบางอย่างก็มิเคยทราบว่ามีอยู่ ทั้งนี้เพราะทนายความคนเดิมมิได้ระบุอ้างไว้ เมื่อทนายความคนใหม่เข้ารับหน้าที่ จำเลยเพิ่งทราบว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญที่เป็นความจำเป็นนั้น ซึ่งเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสี่ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 248 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริงเนื่องจากทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท คดีบังคับตามสัญญาหลังหย่า
โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่า จำเลยให้การโต้เถียงว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามบันทึกข้อตกลงแก่โจทก์ จึงเป็นคดีที่โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ไม่ใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว การที่จำเลยฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่อุทธรณ์/ฎีกาข้อเท็จจริงเดิม – การโต้เถียงข้อเท็จจริงเดิมต้องห้ามอุทธรณ์/ฎีกา
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งหกได้ใช้รถไถและรถแทรกเตอร์ไถดินบนทางพิพาทอันเป็นทางสาธารณะซึ่งมีความกว้าง 10 เมตร ทางใต้ของที่ดินโจทก์ รอยไถมีความกว้าง6 เมตร ต้นไม้ที่ถูกไถล้มลงก็อยู่ในทางพิพาท พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งหกได้กระทำความผิด โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันไถคันดินและโค่นต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันนำเครื่องจักรไถทางและต้นไม้ริมทางเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหก เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
of 30