คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บทลงโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 233 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5398/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามข่มขืนกระทําชําเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี และการปรับบทลงโทษตามกฎหมายอาญา
จําเลยถ่างขาของโจทก์ร่วมออก ขึ้นคร่อมบนตัวโจทก์ร่วม เอาอวัยวะเพศของตนใส่เข้าไปที่อวัยวะเพศ ของโจทก์ร่วม แต่อวัยวะเพศของจําเลยมิได้ล่วงล้ําเข้าไปในช่องคลอด เพราะเยื่อพรหมจารียังปกติอยู่ แต่ บริเวณปากช่องคลอดและแคมในทั้งสองข้างแดง ผิดปกติ แสดงว่าจําเลยพยายามสอดใส่อวัยวะเพศของตน เข้าไปในช่องคลอดของโจทก์ร่วมแต่กระทําไม่สําเร็จ เพราะมีคนขึ้นมาบนบ้านเสียก่อน พฤติการณ์บ่งชี้ชัดแจ้ง ว่า จําเลยมีเจตนาข่มขืนกระทําชําเรา จําเลยจึงมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทําชําเราโจทก์ร่วม ไม่ปรากฏ ว่านอกจากพยายามข่มขืนกระทําชําเราโจทก์ร่วมแล้วจําเลยจะได้กระทําอนาจารอย่างอื่นแก่โจทก์ร่วมอีก จําเลยจึงหามีความผิดฐานกระทําอนาจารโจทก์ร่วมอีกบทหนึ่งด้วยไม่ เมื่อกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําความผิด และกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทําความผิดไม่แตกต่างกัน ก็จะต้องปรับบทลงโทษจําเลยตามกฎหมายที่ใช้ใน ขณะกระทําความผิด จะปรับบทลงโทษตามกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทําผิดไม่ได้ การที่ศาลอุทธรณ์ปรับบท กฎหมายลงโทษจําเลยไม่ถูกต้องนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ ฎีกาศาลฎีกาก็มีอํานาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4875/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพมีผลต่อการลดโทษ และอำนาจศาลฎีกาแก้ไขบทลงโทษที่ศาลล่างใช้ผิด
จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยมิได้ลดโทษให้ จำเลยมิได้อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานนี้ คงเพียงแต่อุทธรณ์ขอให้ลดโทษให้จำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 และพิพากษายืน จำเลยจะฎีกาขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานนี้อีกไม่ได้ เพราะความผิดฐานนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 245 แล้วทั้งยังขัดต่อคำรับสารภาพของจำเลย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แม้เฮโรอีนของกลางมีปริมาณมาก แต่จำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุมทำให้การพิจารณาวินิจฉัยคดีเป็นไปโดยสะดวกนับเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ถือได้ว่ามีเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นมิได้ระบุวรรคในตัวบทมาตราที่ใช้ปรับบทลงโทษและศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไขแม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4802/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษอาญาและคำสั่งชดใช้ค่าเสียหายในคดีชิงทรัพย์ ฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน
ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยไม่ถูกต้อง กับไม่ได้สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายตามที่โจทก์ฟ้องขอมาด้วยศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4802/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษอาญาที่ศาลอุทธรณ์ผิดพลาด และคำสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย
ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยไม่ถูกต้อง กับไม่ได้สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายตามที่โจทก์ฟ้องขอมาด้วยศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4760/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพรากผู้เยาว์ หน่วงเหนี่ยว กักขัง และข่มขืน ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามหลักกรรมต่างกัน
แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองใน ความผิดฐานพรากผู้เยาว์กับฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐาน พรากผู้เยาว์บทหนักนั้น ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3186/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ต้องไม่เกินคำขอของโจทก์ และการปรับบทลงโทษตามมาตรา 70
แม้ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองอาคารพิพาทแต่ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำผิดในฐานะผู้ดำเนินการตามความหมายของมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ทั้งมิได้อ้างมาตรา 69 ซึ่งเป็นบทลงโทษเฉพาะผู้ดำเนินการมาในคำขอท้ายฟ้อง ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ มาตรา 70 พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ ที่บัญญัติว่า "ถ้า การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ เป็นการกระทำอันเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม...ต้องระวางโทษ..." หมายรวมความผิดทุกอย่างที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ หากมีลักษณะต้องตามที่บัญญัติไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ลงโทษตามมาตรานี้ได้หาจำต้องเป็นความผิดที่เกี่ยวกับตัวอาคารโดยตรงไม่ เมื่อจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 44 ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 67 และอาคารที่จำเลยกระทำผิดเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรม ศาลจึงนำมาตรา 70 มาปรับบทลงโทษแก่จำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดต่อผู้เยาว์หลายกรรมต่างวาระ และการพิจารณาบทลงโทษที่ถูกต้องตามเจตนา
จำเลยใช้อุบายหลอกลวง นางสาว ป. และนางสาว จ.ผู้เยาว์อ้างว่าจะพาไปทำงานที่จังหวัดแพร่ เมื่อผู้เยาว์ทั้งสองตกลงจำเลยกลับพาผู้เยาว์ทั้งสองไปขายให้เป็นโสเภณีที่จังหวัดปัตตานี ดังนี้ เห็นได้ว่าที่จำเลยหลอกลวงผู้เยาว์ทั้งสองก็โดยเจตนาจะให้เกิดผลต่างกรรมกัน แม้จะพาไปในครั้งเดียวคราวเดียวก็เป็นการกระทำต่อผู้เยาว์แต่ละคนโดยเฉพาะการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ต้องลงโทษจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารรวม 2 กระทง จำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เกิดความผิดในฐานนี้ฐานหนึ่งแล้ว การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาก็โดยเจตนาจะให้เกิดความผิดในฐานนั้นอีกฐานหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นหลายกรรมต่างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืน จำเลยผิดตามบทลงโทษที่บรรยายฟ้องเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้ กำลังประทุษร้ายโดย ใช้ มือรัดคอผู้เสียหายแล้วใช้ อาวุธปืนขู่เข็ญจ่อจี้ บังคับผู้เสียหายว่าในทันใดนั้นจะใช้ อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหาย โดย มิได้บรรยายว่าในการปล้นทรัพย์ได้กระทำโดย ใช้ ปืนยิง ดังนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นั้นพวกจำเลยได้ ใช้ อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย จำเลยก็คงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์และการฆ่าต่อเนื่อง: ศาลแก้ไขบทลงโทษจากมาตรา 340 วรรคท้าย เป็นมาตรา 340 วรรคสอง เนื่องจากเหตุการณ์ปล้นทรัพย์และฆ่าขาดตอน
คนร้ายปล้นทรัพย์ที่บ้านแล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้ตายทั้งสามและ พ. เดินลัดทุ่งนาไปทางหลังบ้าน เมื่อห้างบ้าน 1กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงคนร้ายก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามและ พ.คนร้ายมิได้ยิงผู้ตายทั้งสามและพ. ขณะกระทำปล้นทรัพย์ เพิ่งลงมือยิงเมื่ออยู่ห่างไกลจากบ้านที่เกิดเหตุ 1 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางนานถึงครึ่งชั่วโมง การการกระทำของคนร้ายมิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้นทรัพย์การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ไม่ใช่มาตรา 340 วรรคท้าย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับแก้บทลงโทษและการฎีกาขัดแย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์: ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264265268 ลงโทษตามมาตรา 268 กระทงเดียวให้จำคุก1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 265268 และเมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 264 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีกให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสองแต่กระทงเดียว จำคุก 1 ปี ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.
of 24