พบผลลัพธ์ทั้งหมด 324 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4807/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มิฉะนั้นศาลไม่มีอำนาจลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจรแต่ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิด เฉพาะข้อหารับของโจรฟ้องโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้ทางพิจารณาได้ความว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ก็ตาม ศาลก็ไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ การที่ศาลจะมีอำนาจลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะต้องเป็นเรื่องที่คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายมาครบถ้วนถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(1) ถึง (7) เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4367/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องต้องชัดเจนถึงเหตุรับผิด ศาลมิอาจพิพากษาเกินกว่าที่ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสี่ร่วมกับ ก.ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยสมคบร่วมกันขุดหน้าที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้โจทก์เสียหายเท่านั้น มิได้บรรยายฟ้องถึงว่า จำเลยที่ 3ผู้เป็นลูกจ้างได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2อันจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดดังกล่าว จึงเป็นการบรรยายฟ้องถึงข้ออ้างที่เป็นหลักแห่งข้อหา หรือเหตุที่จะต้องรับผิดเฉพาะการที่ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดไปในทางการที่จ้างและจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดดังกล่าวนั้น จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเบิกความเท็จในคดีแพ่ง: การบรรยายฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีแพ่ง เรื่องฟ้องหย่า ซึ่งมีข้อสำคัญในคดีว่าโจทก์จงใจละทิ้งร้างส.สามีโจทก์ไปเกินกว่า 1 ปีตามที่ส.อ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าหรือไม่โจทก์ได้บรรยายรายละเอียดข้อความที่จำเลยเบิกความ กับบรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร และคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีโดยกล่าวว่าศาลได้เชื่อคำเบิกความของจำเลยว่าโจทก์ได้จงใจละทิ้งร้าง ส. ไปเกินกว่า1 ปีจริง และพิพากษาให้หย่ากัน อันเป็นการบรรยายฟ้องให้เห็นว่า คำเบิกความเท็จของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรแล้ว ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องและการรับสารภาพของจำเลย ศาลลงโทษได้แม้ไม่ได้อ้างมาตราลงโทษ
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ในตอนต้นแล้วว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดหลายกรรม แม้โจทก์จะไม่ได้อ้างมาตราอันเป็นบทลงโทษไว้ด้วยก็เห็นเจตนาได้ว่าข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพแล้วนั้นเป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและลงโทษจำเลยไม่เกิน5 ปี จำเลยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 21
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและลงโทษจำเลยไม่เกิน5 ปี จำเลยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 21
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องแยกกระทงความผิด - การกระทำความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมถือเป็นกรรมเดียว
ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายแยกการกระทำของจำเลยแต่ละกรรมให้เห็นชัดว่า การกระทำความผิดทั้งสองข้อหาแยกออกสำเร็จเป็นความผิดแต่ละกรรมเป็นกระทงความผิดอย่างไร โจทก์คงบรรยายฟ้องรวมกันว่าจำเลยมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและจำเลยได้นำเครื่องวิทยุคมนาคมดังกล่าวไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตซึ่งไม่สามารถแยกการกระทำทั้งสองอย่างออกต่างหากจากกันได้ เพราะการกระทำความผิดฐานใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นอาจเกิดขึ้นได้ในวาระเดียวกันกับความผิดฐานมีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาฐานรับของโจร: การบรรยายฟ้องที่ครอบคลุมการกระทำที่เป็นความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวอ้างถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 357ซึ่งการกระทำทุกอย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่งย่อมเป็นความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เมื่อโจทก์นำสืบได้ข้อเท็จจริงชัดเจนหรือพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทุกอย่าง การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว ฟ้องของโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องผิดฐานความผิด ศาลไม่อาจลงโทษเกินกว่าที่ฟ้องได้ แม้จะอ้างบทมาตรานั้นในคำขอท้ายฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยได้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยการขายให้เช่าหรือเสนอขายเสนอให้เช่าหรือนำออกโฆษณาซึ่งภาพยนตร์วีดีโอเทปเพื่อการค้าโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ซึ่งมีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2521มาตรา27และ44วรรคสองซึ่งมีองค์ประกอบความผิดแตกต่างจากความผิดตามมาตรา24,25และ43วรรคสองกล่าวคือความผิดตามมาตรา27และ44วรรคสองเป็นการกระทำแก่งานที่ผู้กระทำความผิดรู้อยู่แล้วว่างานนั้นได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยขายให้เช่าให้เช่าซื้อหรือเสนอขายเสนอให้เช่าหรือเสนอให้เช่าซื้อนำออกโฆษณาแจกจ่ายนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรแต่ความผิดตามมาตรา24,25และ43วรรคสองเป็นการกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยทำซ้ำหรือดัดแปลงหรือนำออกโฆษณาโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา13เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยตามมาตรา24,25และ43วรรคสองแม้โจทก์จะอ้างบทมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้องก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดตามบทมาตราดังกล่าวได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่กล่าวในฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2045/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการบรรยายฟ้องชัดแจ้งในคดีกู้ยืมเงิน
สามีโจทก์เข้ารับดำเนินคดีแทนโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจ โดยลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อแต่งทนายโจทก์ให้ดำเนินคดี พฤติการณ์ดังกล่าวของสามีโจทก์แสดงให้เห็นว่าสามีโจทก์ยินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2524 จำเลยกู้เงินโจทก์ไปตามสำเนาหนังสือกู้เงินเอกสารท้ายฟ้อง แม้ในสำเนาสัญญากู้เงินจะมีข้อความว่ากู้เงินไป พ.ศ. 24 ก็เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร่วมกันในคดีละเมิด และการบรรยายฟ้องค่าเสียหายที่ไม่ชัดเจน
โจทก์ที่ 4 ขับรถยนต์บรรทุกของโจทก์ที่ 1 จำเลยที่ 1ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างชนรถยนต์บรรทุกที่โจทก์ที่ 4 ขับ เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกของโจทก์ที่ 1 เสียหายโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 ซึ่งนั่งอยู่ในรถที่โจทก์ที่ 4 ขับกับโจทก์ที่ 4 ได้รับบาดเจ็บ โจทก์ทั้งสี่ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดจากมูลละเมิดที่เกิดขึ้นในคราวเดียวกัน โจทก์ทั้งสี่ย่อมมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี จึงฟ้องร่วมกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 มูลหนี้เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ทั้งสี่ในคราวเดียวกัน แต่ความเสียหายที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์แต่ละคนย่อมต้องแล้วแต่ผลแห่งละเมิดที่โจทก์แต่ละคนได้รับจากมูลละเมิดนั้น ดังนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสียหายโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 จึงมิได้เป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 ต้องบรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าโจทก์แต่ละคนมีสิทธิจะได้ค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเท่าใดการที่โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 บรรยายฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดรวมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 ถือได้ว่าเป็นการบรรยายคำขอบังคับไม่แจ้งชัด คำฟ้องของโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 จึงเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจเจ้าพนักงาน ไม่จำเป็นต้องระบุการติดต่อจูงใจจริง
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยเรียกเงินจากผู้เสียหายเพื่อตอบแทนการที่จำเลยจะจูงใจพนักงานสอบสวนให้ไม่ดำเนินคดีกับ ณ.และปล่อยตัว ณ. หลุดพ้นจากข้อหาลักทรัพย์ เป็นการบรรยายฟ้องครบองค์ประกอบแห่งความผิดตาม ป.อ. มาตรา 143 แล้ว ส่วนการที่จำเลยจะได้ไปติดต่อหรือจูงใจเจ้าพนักงานหรือไม่ หาใช่องค์ประกอบแห่งความผิดอันจะต้องบรรยายมาในฟ้องด้วยไม่และที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายโดยอ้างว่ารู้จักกับพนักงานสอบสวนสามารถวิ่งเต้นให้ ณ. หลุดพ้นจากคดีอาญา เป็นเพียงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยว่าได้เอาความเท็จมากล่าวเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้จ่ายเงินเท่านั้น จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดตามป.อ. มาตรา 143 หาได้ไม่.