พบผลลัพธ์ทั้งหมด 148 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการพิสูจน์การบอกกล่าว การแจ้งให้ผู้เช่าออกจากอาคาร
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเพียงเท่านั้น มิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อนจึงเลิกสัญญาเช่าไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้ใน มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566 ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไปจากตึกพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า: ผลของการบอกกล่าวเลิกสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายและการปฏิเสธการรับหนังสือ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเท่านั้นมิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อน จึงเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าว เลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไป จากตึกพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2050/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตโบราณสถานไม่ใช่ที่สาธารณสมบัติ การครอบครองแทน และการบอกกล่าวเปลี่ยนแปลงการครอบครอง
ปัญหาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเนื่องจากที่ดินนั้นอยู่ในเขตโบราณสถานที่ทางราชการขึ้นทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัติโบราณสถานฯนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ให้เป็นประเด็นข้อพิพาท ศาลฎีการับวินิจฉัยให้.
ที่ดินบริเวณใดที่ทางราชการขึ้นทะเบียนเป็นเขตโบราณสถานแล้วไม่มีผลทำให้ที่ดินบริเวณนั้นเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินทั้งหมด. เพียงแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองถูกจำกัดสิทธิบางอย่างในที่ดินของตนตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติโบราณสถานฯเท่านั้น. ที่ดินนั้นจึงไม่ใช่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอันจะมีผลให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ให้ ล. ครอบครองแทนจำเลยสืบสิทธิจาก ล. จึงอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองแทนเช่นเดียวกัน. หากจำเลยจะแย่งการครอบครองหรือเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือครอบครอง ก็ต้องบอกกล่าวให้โจทก์ทราบก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 เมื่อจำเลยไม่ได้บอกกล่าวเปลี่ยนแปลงการยึดถือครอบครอง จึงไม่ใช่เรื่องที่ดินพิพาทถูกแย่งการครอบครองซึ่งโจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาคืนภายใน 1 ปี
ที่ดินบริเวณใดที่ทางราชการขึ้นทะเบียนเป็นเขตโบราณสถานแล้วไม่มีผลทำให้ที่ดินบริเวณนั้นเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินทั้งหมด. เพียงแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองถูกจำกัดสิทธิบางอย่างในที่ดินของตนตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติโบราณสถานฯเท่านั้น. ที่ดินนั้นจึงไม่ใช่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอันจะมีผลให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ให้ ล. ครอบครองแทนจำเลยสืบสิทธิจาก ล. จึงอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองแทนเช่นเดียวกัน. หากจำเลยจะแย่งการครอบครองหรือเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือครอบครอง ก็ต้องบอกกล่าวให้โจทก์ทราบก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 เมื่อจำเลยไม่ได้บอกกล่าวเปลี่ยนแปลงการยึดถือครอบครอง จึงไม่ใช่เรื่องที่ดินพิพาทถูกแย่งการครอบครองซึ่งโจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาคืนภายใน 1 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2069/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองหลังการโอนการครอบครองที่ดิน ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวผู้รับโอนก่อน
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้ต่อโจทก์ ต่อมาจำเลยขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องโดย ส่งมอบการครอบครองซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ผู้ร้องย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้รับโอนที่พิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนองตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่ผู้ร้องตามบทบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่พิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้อันเป็นการบังคับจำนองเอากับที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2069/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองต่อทรัพย์สินที่โอนการครอบครอง ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวผู้รับโอนก่อน
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้ต่อโจทก์ ต่อมาจำเลยขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องโดย ส่งมอบการครอบครองซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ผู้ร้อง ย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้รับโอนที่พิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนอง ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่ผู้ร้องตามบทบัญญัติ ดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่พิพาทออกขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้อันเป็นการบังคับจำนองเอากับที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยต้องบอกกล่าวและจ่ายค่าชดเชย แม้มีข้ออ้างเรื่องไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์พิมพ์หนังสือตอบรับ (สมาชิก) เข้าร่วมโครงการไม่เสร็จ และโจทก์ไม่เต็มใจต้อนรับบุคคลที่จะสมัครเป็นสมาชิกในโครงการการ์ดเพื่อความประหยัดสำหรับวัยรุ่นของจำเลยนั้น เป็นการขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่ แต่หากโจทก์ได้กระทำการดังกล่าวจริง ก็หาเป็นการขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยอันเป็นกรณีร้ายแรงไม่ เพราะเมื่อโจทก์ไม่ยอมทำ จำเลยก็มิได้ถือว่าเป็นความผิด แต่กลับอ้อนวอนให้โจทก์ช่วยทำเป็นหลายครั้ง เมื่อการกระทำของโจทก์ไม่เป็นการขัดคำสั่งกรณีที่ร้ายแรงอันต้อง ด้วย ข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47(3) เสียแล้ว การที่โจทก์เลิกจ้างจำเลย จึงต้องบอกกล่าวและต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้มีคำสั่งแต่ไม่ร้ายแรงต้องบอกกล่าวและจ่ายค่าชดเชย
ศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์พิมพ์หนังสือตอบรับ (สมาชิก) เข้าร่วมโครงการไม่เสร็จ และโจทก์ไม่เต็มใจต้อนรับบุคคลที่จะสมัครเป็นสมาชิกในโครงการการ์ดเพื่อความประหยัดสำหรับวัยรุ่นของจำเลยนั้น เป็นการขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่แต่หากโจทก์ได้กระทำการดังกล่าวจริง ก็หาเป็นการขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยอันเป็นกรณีร้ายแรงไม่ เพราะเมื่อโจทก์ไม่ยอมทำ จำเลยก็มิได้ถือว่าเป็นความผิด แต่กลับอ้อนวอนให้โจทก์ช่วยทำเป็นหลายครั้ง เมื่อการกระทำของโจทก์ไม่เป็นการขัดคำสั่งกรณีที่ร้ายแรงอันต้อง ด้วย ข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 47(3) เสียแล้ว การที่โจทก์เลิกจ้างจำเลย จึงต้องบอกกล่าวและต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างร่วมรับผิดในละเมิดของลูกจ้าง: ไม่ต้องบอกกล่าวค่าเสียหายก่อนฟ้อง
จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างจะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 จึงอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1หนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ย่อมได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่จำเลยที่ 1 ทำละเมิดดังนั้นโจทก์จึงไม่จำต้องบอกกล่าวและแจ้งถึงค่าเสียหายให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ก่อนฟ้องคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3590/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนองร่วมกัน แม้จำเลยบางรายไม่ได้รับแจ้งโดยตรง ก็ถือว่าทราบได้หากจำเลยอื่นทราบ
โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนองทางหนังสือพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียวแต่ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยทุกคนตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในสัญญาจำนองด้วย การจำนองของจำเลยเป็นการจำนองร่วมกัน ดังนั้น แม้จำเลยบางคนอาจไม่ได้รับคำบอกกล่าว แต่เมื่อจำเลยอื่นได้รับทราบคำบอกกล่าวบังคับจำนองจากโจทก์แล้ว ก็มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยทุกคนย่อมต้องทราบเช่นกัน การบอกกล่าวบังคับจำนองจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ต้องบอกกล่าวให้โอกาสชำระหนี้ก่อน หากเจตนาไม่ได้ถือกำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ
แม้สัญญาเช่าซื้อจะกำหนดว่าจำเลยต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างเป็นรายเดือนภายในวันที่ 1 ของทุก ๆ เดือน แต่ตามที่ปฏิบัติจำเลยมิได้ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ในวันที่ 1 ของเดือนเป็นส่วนมาก เห็นได้ว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะถือเอากำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ ดังนั้นในงวดต่อมาแม้จำเลยจะไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามวันที่กำหนดไว้ในสัญญา โจทก์ก็จะบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้ ต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้อที่ติดค้างอยู่ก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387
จำเลยให้การว่าจำเลยชำระค่าเช่าซื้อทุกงวดให้โจทก์ตลอดมาโดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้ง จำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อดังนั้น การที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญ ก็เป็นการวินิจฉัยว่าจำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อดังที่จำเลยให้การนั่นเองจึงหาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่
จำเลยให้การว่าจำเลยชำระค่าเช่าซื้อทุกงวดให้โจทก์ตลอดมาโดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้ง จำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อดังนั้น การที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญ ก็เป็นการวินิจฉัยว่าจำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อดังที่จำเลยให้การนั่นเองจึงหาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่