พบผลลัพธ์ทั้งหมด 378 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7308/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาท ไม่ใช่คดีไม่มีข้อพิพาท
การที่บุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55นั้นต้องเป็นกรณีจำเป็นที่จะต้องมาร้องขอต่อศาลเพื่อรับรองหรือคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยจะต้องมีกฎหมายระบุไว้ชัดแจ้งว่าให้กระทำได้แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา15651598/38และ1598/39ไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเพิ่มต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7228/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร: เงื่อนไขบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
บุตรที่จะมีสิทธิได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูและการให้การศึกษาจากบิดามารดาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 วรรคแรก จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่แรกหรือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายในภายหลังตาม ป.พ.พ. มาตรา 1547
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7227/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติไทยของบุตรจากมารดาคนต่างด้าว: การพิจารณาการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาและผลต่อการได้สัญชาติ
โจทก์เกิดในราชอาณาจักรไทยเมื่อปี2524โดยเป็นบุตรนาย ช.ซึ่งมีสัญชาติไทยกับนาง ล. ซึ่งเป็นคนญวนอพยพกรณีไม่ต้องด้วยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่337ลงวันที่13ธันวาคม2515ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยมีมารดาเป็นคนต่างด้าวโดยไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ต้องด้วยพระราชบัญญัติสัญชาติฯมาตรา7(1)ที่แก้ไขเพิ่มเติมโจทก์จึงมีสัญชาติไทย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4990/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตรหลังหย่า: ตั้งผู้ปกครองใหม่ไม่ได้หากบิดามารดาเดิมยังมีอำนาจอยู่
กรณีที่บิดาและมารดาตกลงกันให้อำนาจปกครองบุตรอยู่กับบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่ง กฎหมายบัญญัติให้ตกลงกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา1566(6) เมื่อเด็กหญิงว.ผู้เยาว์มีมารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองอยู่แล้ว การที่จะตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์นั้น มาตรา 1585 วรรคหนึ่งให้ตั้งได้เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้ว แต่เมื่อเด็กหญิงว. ยังมีจำเลยซึ่งเป็นมารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองอยู่โดยยังไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครองกรณีจึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้อีก ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ตั้งโจทก์เป็นผู้ปกครองร่วมกับจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1590
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากบุตรเนรคุณและไม่เลี้ยงดูบิดา
เมื่อ 16 ปีก่อน โจทก์ได้ยกที่ดินส่วนของตนให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตร ต่อมาโจทก์มีฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย จำเลยมีฐานะดีพอจะเลี้ยงดูโจทก์ได้ เมื่อโจทก์ไปขอที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยพูดว่ากูไม่ให้มึงหรอกให้มึงไปขอทานลูกคนอื่น ต่อไปภายข้างหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันและไล่ให้โจทก์ออกจากบ้าน การที่จำเลยกล่าวว่าให้มึงไปขอทานลูกคนอื่น ต่อไปภายข้างหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันไม่เพียงแต่เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพเท่านั้น แต่เป็นถ้อยคำที่รุนแรงซึ่งบุตรไม่พึงกล่าวต่อบิดา ทั้งจำเลยยังไล่โจทก์ออกจากบ้านอีกด้วยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง นอกจากนี้การที่โจทก์ไปขอปลูกบ้านอยู่ในที่ดินจำเลย จำเลยกลับว่ากูไม่ให้มึงหรอกและเลิกนับถือโจทก์เป็นบิดาจึงเป็นการบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้อีกด้วย ดังนี้ โจทก์ย่อมถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) (3) ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากบุตรประพฤติเนรคุณ หมิ่นประมาท และไม่เลี้ยงดูบิดา
เมื่อ 16 ปีก่อน โจทก์ได้ยกที่ดินส่วนของตนให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตร ต่อมาโจทก์มีฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัยจำเลยมีฐานดีพอจะเลี้ยงดูโจทก์ได้ เมื่อโจทก์ไปขอที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยพูดว่ากูไม่ให้มึงหรอกให้มึงไปขอทานลูกคนอื่น ต่อไปภายข้างหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันและไล่ให้โจทก์ออกจากบ้านการที่จำเลยกล่าวว่าให้มึงไปขอทานลูกคนอื่นต่อไปภายข้างหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันไม่เพียงแต่เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพเท่านั้น แต่เป็นถ้อยคำที่รุนแรงซึ่งบุตรไม่พึงกล่าวต่อบิดา ทั้งจำเลยยังไล่โจทก์ออกจากบ้านอีกด้วยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง นอกจากนี้การที่โจทก์ไปขอปลูกบ้านอยู่ในที่ดินจำเลย จำเลยกลับว่ากูไม่ให้มึงหรอกและเลิกนับถือโจทก์เป็นบิดาจึงเป็นการบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้อีกด้วย ดังนี้ โจทก์ย่อมถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)(3) ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้ที่ดินโดยมีเงื่อนไขอุปการะเลี้ยงดูบุตร ถือเป็นการให้มีค่าตอบแทน
แม้ในหนังสือสัญญาให้ที่ดินเฉพาะส่วน ข้อ 4 จะมีข้อความระบุว่าเป็นการให้โดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน แต่ในข้อ 6 ยังมีข้อความระบุไว้อีกต่างหากว่า จำเลยที่ 2 ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเกิดแต่จำเลยที่ 1 อีก 3 คนด้วย ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรตามสมควรในระหว่างบุตรยังเป็นผู้เยาว์ข้อความดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งว่าเป็นเงื่อนไขที่จำเลยที่ 2 จำต้องปฏิบัติตามเป็นการแลกเปลี่ยนกับการที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 จำต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู และให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ทั้ง 3 คน แทนจำเลยที่ 1 ในส่วนที่จำเลยที่ 1จะต้องรับผิดชอบด้วย อีกนัยหนึ่งก็คือจำเลยที่ 1 ใช้มูลค่าของที่ดินพิพาทส่วนของตนมอบแก่จำเลยที่ 2 ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาของบุตรผู้เยาว์ ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องกระทำ จึงถือได้ว่าการให้ดังกล่าวเป็นการให้โดยมีค่าตอบแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรและการสืบสิทธิมรดกโดยชอบธรรม
ผู้ตายได้แสดงออกกับชาวบ้านในละแวกนั้นว่า นาย ต.เป็นบุตรของผู้ตายและพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตาย และให้ใช้นามสกุลของผู้ตายด้วย เมื่อครั้นนาย ต.แต่งงานกับมารดาของผู้คัดค้านก็ได้มาอยู่กินกันที่บ้านของผู้ตายตลอดจนผู้คัดค้านเกิด ผู้ตายก็แสดงออกว่าผู้คัดค้านเป็นหลานของผู้ตาย จึงฟังได้ว่านาย ต.เป็นบุตรของผู้ตายซึ่งผู้ตายได้รับรองแล้ว จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย เมื่อนาย ต.ถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแทนที่นาย ต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบสิทธิในมรดกของบุตรที่เกิดจากภรรยาและเมียน้อย ผู้ตายรับรองสิทธิ
ผู้ตายได้แสดงออกกับชาวบ้านในละแวกนั้นว่า นาย ต. เป็นบุตรของผู้ตายและพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตาย และให้ใช้นามสกุลของผู้ตายด้วย เมื่อครั้นนาย ต. แต่งงานกับมารดาของผู้คัดค้านก็ได้มาอยู่กินกันที่บ้านของผู้ตายตลอดจนผู้คัดค้านเกิด ผู้ตายก็แสดงออกว่าผู้คัดค้านเป็นหลานของผู้ตาย จึงฟังได้ว่านาย ต.เป็นบุตรของผู้ตายซึ่งผู้ตายได้รับรองแล้ว จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย เมื่อนาย ต. ถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแทนที่นาย ต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรโดยปรากฏในสูติบัตร และผลทางกฎหมายต่อการเป็นผู้สืบสันดาน
สูติบัตรซึ่งเป็นเอกสารมหาชนได้ลงข้อเท็จจริงแสดงว่า โจทก์เป็นบุตรของ ส. จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยแท้จริงและถูกต้อง