พบผลลัพธ์ทั้งหมด 96 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 990/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาให้โอนทรัพย์สิน แม้เป็นคดีก่อนล้มละลาย
เดิมผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยกับพวกขอให้โอนที่ดิน 1 แปลงให้ผู้ร้อง คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้ผู้ร้อง และให้ผู้ร้องจ่ายเงินให้จำเลยจำนวนหนึ่ง ต่อมาจำเลยถูกโจทก์ฟ้องและศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ร้องจึงร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติตามคำพิพากษาแทนผู้ล้มละลาย ดังนี้ ถ้าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะปฏิเสธ ต้องปฏิเสธภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่ทราบตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 122 ถ้าปฏิเสธเกินกำหนดหรือไม่ปฏิเสธเลย ก็ต้องผูกพันตามภาระนั้น และโดยที่มาตรา 22(1) ให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะจัดการจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทำการตามที่จำเป็นเพื่อให้กิจการที่ค้างอยู่เสร็จไป ดังนั้น ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติตามคำบังคับในคดีที่ผู้ร้องชนะความนั้นได้
การขอรับชำระหนี้เป็นเรื่องขอรับเงิน และผู้ขอจะได้รับชำระหนี้เงินตามส่วนเฉลี่ยจำนวนหนี้ของเจ้าหนี้ ฉะนั้น จะนำมาใช้แก่กรณีในเรื่องโอนที่ดินตามคำพิพากษามิได้
การขอรับชำระหนี้เป็นเรื่องขอรับเงิน และผู้ขอจะได้รับชำระหนี้เงินตามส่วนเฉลี่ยจำนวนหนี้ของเจ้าหนี้ ฉะนั้น จะนำมาใช้แก่กรณีในเรื่องโอนที่ดินตามคำพิพากษามิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเลี่ยงคำพิพากษา: การปิดเหมืองใหม่หลังเปิดตามคำบังคับศาล ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยเปิดเหมืองตรงที่ปิดไว้ให้เป็นไปตามสภาพเดิม การที่จำเลยเปิดเหมืองตามคำบังคับของศาลแล้วต่อมาเพียงเดือนเดียวกับปิดเสียใหม่ ในที่ห่างกันเพียงแขนเดียว ทำให้น้ำกลับท่วมเต็มดังเช่นเดิมอีก การกระทำของจำเลยเช่นนี้ย่อมส่งให้เห็นเจตนาว่าทำไปเพื่อเลี่ยงในการที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลนั้นเอง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังไม่ได้ หากยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรกได้โดยโจทก์ไม่ยินยอม
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ หรือมิฉะนั้นให้จำเลยใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย (คือราคาทรัพย์พิพาท) แก่โจทก์ เช่นนี้ จำเลยจะเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังในเมื่อจำเลยยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรก โดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยนั้น ไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 1486/2493 และ 1346/2494)
(อ้างฎีกาที่ 1486/2493 และ 1346/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจรัฐมนตรีเพิกถอนใบอนุญาตภาพยนตร์: จำเลยมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง ร.ม.ต. แม้สภาพิจารณาอนุมัติ
จำเลยซึ่งมีหน้าที่พิจารณาออกใบอนุญาตทำการฉายภาพยนตร์ไม่อนุญาตให้โจทก์ทำการฉายภาพยนตร์แม้โจทก์อุทธรณ์ต่อสภาพิจารณาภาพยนตร์ ๆ มีคำสั่งอนุมัติให้ฉายได้ ก็ตาม เมื่อรัฐมนตรีมหาดไทยมีคำสั่งไม่อนุมัติ จำเลยย่อมไม่ออกใบอนุญาตให้โจทก์ได้ เพราะรัฐมนตรีมหาดไทยมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์ พ.ศ.2473 ได้ตามแต่จะเห็นสมควร
เมื่อรัฐมนตรีสั่งไม่อนุมัติแล้ว หากจำเลยจะขืนออกใบอนุญาตให้โจทก์ก็จะเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหรือไร้ผลเพราะรัฐมนตรีย่อมเพิกถอนเสียได้
เมื่อรัฐมนตรีสั่งไม่อนุมัติแล้ว หากจำเลยจะขืนออกใบอนุญาตให้โจทก์ก็จะเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหรือไร้ผลเพราะรัฐมนตรีย่อมเพิกถอนเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าหลังมีคำพิพากษา: จำเลยยังต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาเดิม
ระหว่างอุทธรณ์โจทก์ซึ่งชนะคดีจำเลยในเรื่องฟ้องให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล้ำเข้าไปในที่โจทก์ ซึ่งโจทก์เช่ามา พร้อมด้วยเรียกค่าเสียหาย โจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าที่ไปยังบุคคลอื่น จำเลยจะถือว่าโจทก์มีสิทธิบังคับตามคำพิพากษาเพียงวันโอนไม่ได้ เพราะการโอนเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับผู้รับโอน ส่วนจำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาให้รื้อถอนสิ่งรุกล้ำ แม้มีผู้เช่าอยู่จำเลยก็ต้องปฏิบัติตาม
ในคดีแพ่งศาลมีคำพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อชายคาห้องจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับโดยอ้างว่าขัดข้องมีคนเช่าห้องอยู่ศาลก็อาจจับขังจำเลยบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
หนี้อันเกิดจากสัญญาที่ว่าจำเลยจะยอมรื้อชายคานั้น ศาลอาจบังคับให้จำเลยรื้อชายคาได้จำเลยจะอ้างว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับ ขอให้ศาลสั่งให้บุคคลภายนอกทำการรื้อชายคาโดยจำเลยจะเสียค่าใช้จ่ายให้ไม่ได้
หนี้อันเกิดจากสัญญาที่ว่าจำเลยจะยอมรื้อชายคานั้น ศาลอาจบังคับให้จำเลยรื้อชายคาได้จำเลยจะอ้างว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับ ขอให้ศาลสั่งให้บุคคลภายนอกทำการรื้อชายคาโดยจำเลยจะเสียค่าใช้จ่ายให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายต่อเนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา: แม้จะชำระบางส่วน ก็ต้องรับผิดค่าเสียหายต่อเนื่องจนกว่าจะปฏิบัติตามทั้งหมด
คำพิพากษาที่ให้จำเลยรับไม้ 3 กอง ไปจากโจทก์ โดยให้จำเลยใช้ค่าเสียหายวันละ 30 บาท แก่โจทก์นับจากวันฟ้องจนกว่า จะเอาไม้ไปเสร็จนั้น แม้ค่าเสียหายวันละ 30 บาทตามคำพิพากษาจะมุ่งหมายถึงไม้ 3 กอง แต่ก็ไม่ได้แยกเป็นรายกองไว้ ฉะนั้นแม้จำเลยจะขนไป 2 กองแล้ว คงเหลืออีกกองเดียว จำเลยก็ต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 30 บาท เต็มตามคำพิพากษาต่อไปจนกว่าจะขนไม้เสร็ข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนกรรมสิทธิที่ดินตามมาตรา 1382 ป.พ.พ. และการปฏิบัติตามกฎกระทรวงออกโฉนดที่ดิน
การขอจดทะเบียนกรรมสิทธิที่ดิน ซึ่งได้มาตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1382 นั้นจะต้องผ่านศาลทุกเรื่องและเมื่อศาลมีคำสั่งให้ได้กรรมสิทธิที่ดินนั้นแล้ว ก็มีกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน(ฉะบับที่ 7) พ.ศ. 2486 วางวิธีปฏิบัติไว้ในอันที่จะให้เกิดผลตามคำสั่งนั้นโดยรอบคอบ
ศาลมีคำสั่งให้หอทะเบียนออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วแก้ทะเบียนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกนาโฉนดนั้นถ้าผู้ร้องไม่ได้นำหนังสือสำหรับที่ดินไปแสดง ก็จำต้องปฎิบัติตามหมวดข้อ 1 (2) คือจะต้องทำการรังวัดใหม่ แล้วออกโฉนดให้ใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลบังคับเจ้าพนักงานที่ดินที่ออกใบแทนโฉนดไปทีเดียวไม่ได้ และการที่เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ก็หาเป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งศาลที่จะให้ผู้ร้องได้รับกรรมสิทธิในนาแปลงนั้นแต่ประใดไม่ ศาลจึงไม่ควรบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบตามกฎกระทรวง
ศาลมีคำสั่งให้หอทะเบียนออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วแก้ทะเบียนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกนาโฉนดนั้นถ้าผู้ร้องไม่ได้นำหนังสือสำหรับที่ดินไปแสดง ก็จำต้องปฎิบัติตามหมวดข้อ 1 (2) คือจะต้องทำการรังวัดใหม่ แล้วออกโฉนดให้ใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลบังคับเจ้าพนักงานที่ดินที่ออกใบแทนโฉนดไปทีเดียวไม่ได้ และการที่เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ก็หาเป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งศาลที่จะให้ผู้ร้องได้รับกรรมสิทธิในนาแปลงนั้นแต่ประใดไม่ ศาลจึงไม่ควรบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบตามกฎกระทรวง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความและการปฏิบัติตามสัญญาเช่า
คู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่าจำเลยยอมให้โจทก์เช่าศาลาท่าน้ำและชานศาลาเป็นท่าขึ้นลงสำหรับที่เรือจ้างรับส่งคนโดยสาร เมื่อศาลพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญายอมความนั้นแล้วผลก็ย่อมผูกพันจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญายอมความนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรกจำเลยจะอ้างว่า ต้องทำสัญญาเช่ากันใหม่ เพราะเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ถ้าโจทก์ไม่ยอมเซ็นสัญญาเช่าใหม่แล้วจำเลยก็ยังไม่ยอมให้โจทก์เช่า ดังนี้ ไม่ได้ เพราะการเช่าย่อมเกิดขึ้นแล้วตามสัญญายอมความ และตามสัญญายอมความก็ไม่มีข้อความว่าจะต้องไปทำสัญญาเช่ากันใหม่ไม่ ฉะนั้นถ้าจำเลยขัดขืนโจทก์ก็ขอให้ศาลออกคำบังคับจำเลยได้ทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาล: ศาลอุทธรณ์มิอาจยกฟ้องหากมิได้เรียกเก็บเอง ผู้ร้องปฏิบัติตามคำสั่งได้
ในกรณีที่คู่ความดำเนินคดีในชั้นศาลชั้นต้น มาโดยเสียค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้เป็นเพราะศาลชั้นต้นไม่เรียกเก็บเสียให้ถูกเอง มิใช่ว่าเรียกแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นไม่ยอมปฏิบัติตามครั้นเมื่อมีการอุทธรณ์ ก็มิได้เสียค่าฤชาธรรมเนียมมาให้ถูกต้องอีก ดังนี้ ศาลอุทธรณ์จะยกเอาเหตุที่มิได้เสียค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องตาม ก.ม.มาเป็นเหตุให้ยกคำฟ้อง หรือคำร้องนั้นเสียไม่ได้ เมื่อเห็นว่าผู้อุทธรณ์ควรจะเสียเพิ่มขึ้นประการใดก็ชอบที่จะสั่งให้ผู้อุทธรณ์เสียให้ถูกต้อง เมื่อผู้อุทธรณ์ปฏิบัติตามแล้ว ก็ควรจะได้วินิจฉัยปัญหาในท้องสำนวนต่อไป