พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3754/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้เช่าบ้านและเปิดเป็นร้านให้เช่าวีดีโอ คดีโจทก์ไม่มีมูล เป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 และ 310 จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา193 ทวิ โจทก์อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานโจทก์ชั้นไต่สวนมูลฟ้องมีน้ำหนักน่าเชื่อว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของร้าน เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าวความผิดในข้อหาทั้งสามนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,162 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 จับกุมโจทก์เนื่องจากเชื่อคำของพยานและของโจทก์ในขณะตรวจค้นให้จับกุมตามที่ปรากฏในบันทึกการตรวจค้นจับกุมและรายงานประจำวันถือได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ไม่มีพฤติการณ์พิเศษให้เห็นว่ากระทำไม่ชอบประการใด และโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบว่า โจทก์ได้แจ้งต่อฝ่ายจำเลยว่าโจทก์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าวเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาว่าข้อความตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมไม่เป็นความจริง การที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าบันทึกการตรวจค้นจับกุมดังกล่าวถูกต้อง เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่นนี้ ฎีกาของโจทก์ที่อ้างมาเป็นข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนก็เพียงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างที่ว่าข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปตามบันทึกการตรวจค้นจับกุม เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3059/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัย: ปัญหาข้อเท็จจริงเรื่องการพนันสลากกินรวบ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์ ตามพระราชบัญญัติการพนันฯและองค์ประกอบความผิดจะต้องมีผู้เข้าเล่น เล่นในฐานะใดกับผู้ใดมีสินพนัน พนันกันอย่างไร มีส่วนได้เสียอย่างไร และโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าโพยสลากกินรวบคืออะไร มีการเล่นกันอย่างไรมีความเป็นมาอย่างไร ฎีกาของจำเลยดังกล่าวล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนคดีอาญา: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าต้องใช้บทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเฉพาะ แม้จะมีความเกี่ยวข้องกัน
โจทก์ฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานีขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้รวมการพิจารณาคดีที่โจทก์ฟ้องเข้ากับคดีที่โจทก์อีกคนหนึ่งฟ้องจำเลยที่ศาลแขวงพระนครเหนือ โดยขอให้โอนคดีไปพิจารณาพิพากษาที่ศาลแขวงพระนครเหนือ แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต เช่นนี้จำเลยหาอาจยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6,8ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ได้ไม่เพราะคดีอาญานั้นมีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 23,26บัญญัติเรื่องการโอนคดีไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตราดังกล่าวมาปรับแก่กรณีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายลายมือชื่อโจทก์ ทำให้ศาลต้องยกฟ้อง
ฟ้องที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา ย่อมล่วงเลยเวลาที่จะให้แก้ไขเสียแล้ว ศาลฎีกาจึงพิพากษา ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากฎีกาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เงินที่โจทก์ฝากไว้กับจำเลยย่อมตกเป็นของจำเลยการที่จำเลยโอนเงินที่รับฝากไว้ไปให้บุคคลอื่นจึงเป็นเรื่องที่โจทก์จะเรียกร้องเอาจากจำเลยในทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ อันเป็นการยกฟ้องโจทก์อาศัยข้อกฎหมายดังนี้ โจทก์จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อฎีกาของโจทก์คงโต้เถียงเฉพาะปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่เท่านั้น มิได้คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4485/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาไม่สมบูรณ์เมื่อไม่ระบุวันเวลาการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
ฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับวันกระทำผิดศาลจะเอาข้อเท็จจริงในฟ้องแต่ละวรรคซึ่งเป็นข้อเท็จจริงคนละตอนมาประกอบกันเพื่อจะให้เข้าใจเอาเองว่าเกิดเหตุระหว่างวันเวลาใดหาได้ไม่ ฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3101/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยของศาลอุทธรณ์ทำให้ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ข้อหาความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน กับให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกคำขอที่ให้นับโทษต่อ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ส่วนข้อหาความผิดฐานฉ้อโกง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ให้จำคุก 2 ปีกับให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งสี่ และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยให้ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายบางคนกับให้ยกคำขอที่ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นส่วนบทมาตราที่จำเลยกระทำผิดและอัตราโทษจำคุกศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษเท่ากับศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษจำเลยเกินกว่าที่ฟ้อง สิ้นสุดที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ประมาทโดยการขับรถยนต์ด้วยความเร็วไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายของตน เป็นเหตุให้ชนรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับสวนทางมาด้วยความประมาทเช่นกัน แล้วจึงไปชนกับรถยนต์คันอื่นอีก ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายมือของตนสภาพรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับถูกชนตรงกลางรถ มีลักษณะถูกรถยนต์ที่ ย. ขับชนมากกว่า จำเลยที่ 2 จึงไม่ประมาทในส่วนนี้แต่ที่ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 2 ประมาท โดยหลังจากที่รถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับถูกรถยนต์ที่ ย. ขับชนเสียหลักตกลงไปไหล่ถนนทางด้านขวามือแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่หยุดรถกลับแล่นขึ้นมาบนถนนทางด้านขวามือ เพื่อจะข้ามไปยังช่องทางด้านซ้ายมือ โดยไม่ดูให้ดีก่อนว่าขณะนั้นมีรถยนต์ของบริษัทขนส่ง จำกัด แล่นสวนทางมาในระยะกระชั้นชิด ซึ่งไม่สามารถหยุดหรือหลบได้ทันจึงเกิดชนกับรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับ เป็นความประมาทของจำเลยที่ 2 และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่จำเลยที่ 2 ขับรถขึ้นมาบนถนนทางด้านขวามือเป็นการขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร และเป็นการขับรถในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดาซึ่งอาจไม่เห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลังได้พอแก่ความปลอดภัยโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นจนเกิดชนกับรถยนต์ของบริษัทขนส่ง จำกัด ซึ่งแล่นสวนทางมา ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยไม่ใช้ความระมัดระวัง จึงเป็นการขับรถโดยประมาท พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นนั้นเป็นการพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ในข้อที่โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก ซึ่งปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบมาตรา 225.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานนอกเหนือจากฟ้องเดิม: หลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อที่จำเลยจะได้หลบหนีและปกปิดความผิดที่จำเลยใช้อาวุธปืนฆ่าบุคคลอื่นอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7)ศาลจะลงโทษจำเลยฐานฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่อันเป็นความผิดตามมาตรา 289(2) มิได้ เพราะเป็นการนอกเหนือไปจากที่โจทก์ฟ้องและไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีขับรถประมาท – ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและชิดท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับนำอยู่ทางด้านขวา ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อใกล้ทางร่วมทางแยก ศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงเรื่องทางร่วมทางแยกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก