คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ขับขี่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 182 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5548/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในฐานะเจ้าของรถและผู้ขับขี่ประมาท การขาดประโยชน์จากการใช้รถ และประเด็นฎีกานอกประเด็น
เมื่อรถยนต์ของโจทก์ถูกชนได้รับความเสียหายต้องเข้าซ่อมช่วงเวลาที่เสียไประหว่างซ่อมถือได้ว่าโจทก์ขาดประโยชน์แล้วตั้งแต่บัดนั้น ส่วนที่โจทก์เช่ารถยนต์ของบุคคลอื่นมาวิ่งรับส่งคนโดยสารแทนรถยนต์ของโจทก์และต้องเสียค่าเช่านั้น เป็นเพียงเพื่อบรรเทาค่าขาดประโยชน์ที่ต้องสูญเสียไปลงบ้างเท่านั้น จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดประเด็นว่า บ. เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ในขณะเกิดเหตุหรือไม่ แต่กำหนดประเด็นว่า ส. เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของ บ. หรือไม่เท่านั้น ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า บ. ต้องร่วมรับผิดในฐานะเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ในขณะเกิดเหตุจึงเป็นฎีกานอกประเด็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3951/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมของเจ้าของรถและผู้ขับขี่ในกรณีละเมิดจากการเดินรถโดยสารประจำทาง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของบริษัท ธ. และขับรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ธ. ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 3 ในกิจการเดิน รถยนต์โดยสารประจำทางดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนในการขับรถยนต์โดยสารคันดังกล่าวในกิจการเดินรถร่วมบริการของจำเลยที่ 3ด้วย แม้โจทก์ได้กล่าวในฟ้องให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในฐานะมีผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 3 ก็เข้าใจข้อหาดี เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุชนโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส เป็นการละเมิดต้องถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ดังนี้ จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ถูกกระทำละเมิดต้องได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 21 วัน ยังไม่หาย ต้องทนทุกขเวทนา ขาข้างขวาใช้การได้ไม่ปกติดังเดิม โจทก์ต้องเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 446.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาประเด็นจุดชนที่ไม่ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ และประเมินความประมาทของผู้ขับขี่
ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ไม่ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยในเรื่องจุดชนว่าอยู่ในทางเดินรถของจำเลยที่ 2การที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าจุดชนอยู่ในทางเดินรถของจำเลยที่ 2จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2534 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประกันภัยรถยนต์: ผู้ขับขี่มีใบอนุญาตถูกต้อง แม้กรมธรรม์ระบุเงื่อนไขเพิ่มเติม
ห้างซึ่งโจทก์เป็นผู้ช่วยผู้จัดการได้มอบรถยนต์ให้โจทก์ใช้โดยให้โจทก์มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบตลอดจนทำการซ่อมแซมด้วย หากรถยนต์คันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหายโจทก์ก็มีหน้าที่ต้องซ่อมแซม โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ดังกล่าวที่จะเอาประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวกับจำเลยได้
เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งยกเว้นความรับผิดของจำเลยข้อหนึ่งมีว่าการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ใด ๆ หรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกินกว่า180 วัน หรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในการขับรถยนต์ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นเมื่อผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ทุกประเภทจากกรมการขนส่งทางบกจึงมิใช่บุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้จำเลยได้รับยกเว้นความรับผิดไม่จำเลยไม่อาจปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างเหตุที่มิได้ระบุเป็นเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยว่ารถยนต์คันเกิดเหตุจดทะเบียนไว้ต่อกรมตำรวจ ผู้ขับขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของกรมตำรวจจึงจะได้รับความคุ้มครองหาได้ไม่
จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ยังไม่แน่นอนและเกินกว่าความเป็นจริง หาได้อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอเพราะเหตุโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยจ่ายเงินค่าซ่อมแก่โจทก์ดังที่จำเลยอ้างในชั้นฎีกาไม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แม้ปัญหานี้จะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาก็ไม่เห็นสมควรที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในอุบัติเหตุทางถนน: การชนข้ามเกาะกลางถนน และการพิสูจน์ความประมาทของผู้ขับขี่
วันเกิดเหตุ ส. ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อใกล้ถึงที่เกิดเหตุ รถยนต์คันที่จำเลยที่ 2รับประกันภัยไว้ได้แล่นข้ามเกาะกลางถนนเข้าชนรถยนต์คันที่ ส.ขับทันทีโดยส. ไม่ทันได้ใช้ห้ามล้อและแม้จำเลยที่ 2 จะให้การต่อสู้คดีว่า เหตุที่รถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2 เกิดชนกับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์เป็นเพราะรถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2 ถูกรถยนต์บรรทุกน้ำมันพุ่งเข้าชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2เสียหลักและเสียการทรงตัวหมุนข้างเกาะกลางถนนเข้าไปชนกับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ปรากฏ จึงต้องฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นเพราะความประมาทของรถยนต์ฝ่ายจำเลยที่ 2และมิใช่ความประมาทของ ส. เพราะเป็น เหตุการณ์กะทันหันไม่อาจใช้ห้ามล้อได้ทัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งผู้ขับขี่และคนข้ามถนน ศาลตัดสินความรับผิด 2 ใน 3 ส่วน
จำเลยขับรถโดยประมาทชนโจทก์เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสแต่โจทก์เดินข้ามถนนมาหยุดที่เกาะกลางถนนข้างป้ายโฆษณา แล้วก้าวลงจากเกาะกลางถนนเพื่อข้ามถนนขณะเดียวกับรถที่จำเลยขับอยู่ห่างเพียง3-4 เมตร เห็นได้ว่าโจทก์ข้ามถนนโดยไม่ได้ระมัดระวังรถที่แล่นอยู่ในทางเดินรถให้ดีตามสมควร นับได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วยแต่เมื่อเทียบกับความประมาทของจำเลยซึ่งต้องระมัดระวังคนข้ามถนนแล้ว จำเลยเป็นผู้ประมาทมากกว่า ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยรับผิดค่าสินไหมทดแทนเพียง 2 ใน 3 ส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่ถึงก่อนผ่านก่อน หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ. ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่มาถึงก่อนผ่านก่อน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.71(1) หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ.ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3760/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยรถยนต์ต่อบุคคลภายนอกเมื่อผู้ขับขี่ได้รับความยินยอม และขอบเขตความรับผิดของทายาท
จำเลยที่ 5 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุเรื่องการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกไว้ว่า การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ซึ่งหมายความว่าจำเลยที่ 5 ในฐานะผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้ใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามผู้ขับขี่เสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ขับขี่เอง เมื่อ ป. ขับขี่รถคันเกิดเหตุโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามนัยแห่งกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว
แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุมา และได้ให้ ป. ขับก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถยนต์ ดังนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
ทายาทผู้รับมรดกของผู้ตายต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำละเมิดของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3760/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประกันภัยของผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอม และความรับผิดของทายาท
สัญญารับประกันภัยรถยนต์ระบุการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกว่า การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ฯลฯ หมายความว่าจำเลยที่ 5 ในฐานะผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้ใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามผู้ขับขี่เสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ขับขี่เอง เมื่อ ป.ขับขี่รถคันเกิดเหตุโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยจำเลยที่ 5 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้จำเลยที่ 1 จะได้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุและได้ให้ป.ขับก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถคันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าวนั้น การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าซื้อรถคันดังกล่าว ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้เป็นเพียงเจ้าของหรือผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมื่อมีผู้ขับรถไปเกิดเหตุเว้นแต่ผู้ขับจะเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของเจ้าของหรือผู้เช่าซื้อเท่านั้น
of 19