พบผลลัพธ์ทั้งหมด 157 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ส่งออกแร่ต้องรับผิดค่าภาคหลวงแม้ซื้อมาจากผู้ขายที่ยังมิได้ชำระค่าภาคหลวง
ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 104 เกี่ยวแก่กำหนดขั้นตอนของการเสียและผู้มีหน้าที่ต้องเสียค่าภาคหลวงแร่ในกรณีที่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องไว้เป็นหลักเกณฑ์ทั่วไป แต่มิได้มีความหมายบังคับไว้เด็ดขาดว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไปในกรณีที่ปฏิบัติโดยไม่ถูกต้อง เช่น จำเลยส่งออกแร่ซึ่งยังมิได้เสียค่าภาคหลวงแร่ไปยังต่างประเทศ จำเลยก็ย่อมต้องรับผิดเสียค่าภาคหลวงแร่ จะปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างบทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเลิกสัญญาและการเรียกค่าปรับ กรณีผู้รับจ้าง/ผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยทำพัสดุ สัญญาข้อ 19 มีว่า ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญา แต่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปรับผู้รับจ้างเป็นรายวันและเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากงานล่าช้าในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 20 ด้วย สัญญาข้อ 20 มีว่า ถ้าผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างริบหลักประกันสัญญาและอื่น ๆเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยมิได้ส่งมอบงานและสิ่งของตามสัญญาจึงบอกเลิกสัญญา เช่นนี้เป็นเรื่องใช้สิทธิเลิกสัญญาตามข้อ 20จึงมีสิทธิตามที่ระบุไว้ในข้อ 20 โดยไม่มีสิทธิปรับจำเลยตามข้อ 19 ได้อีก
สัญญาซื้อขายข้อ 7 มีว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบของที่ตกลงขายหรือส่งมอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกัน และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นภายในกำหนด 3 เดือนนับจากวันเลิกสัญญา ผู้ขายยอมชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย สัญญาข้อ 9 มีว่าผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายส่งมอบของครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกให้ใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปรับก็ได้ ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์เลยและโจทก์ก็ใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันตามข้อ 8 แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาค่าปรับเป็นรายวันตามข้อ 9.(ที่มา-เนติ)
สัญญาซื้อขายข้อ 7 มีว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบของที่ตกลงขายหรือส่งมอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกัน และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นภายในกำหนด 3 เดือนนับจากวันเลิกสัญญา ผู้ขายยอมชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย สัญญาข้อ 9 มีว่าผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายส่งมอบของครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกให้ใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปรับก็ได้ ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์เลยและโจทก์ก็ใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันตามข้อ 8 แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาค่าปรับเป็นรายวันตามข้อ 9.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5618/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขายเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของรถยนต์ ต้องเป็นความชำรุดที่มีอยู่ก่อนหรือขณะส่งมอบ
ความชำรุดบกพร่องของทรัพย์สินที่ขายอันผู้ขายจะต้องรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา472 นั้นต้องเป็นความชำรุดบกพร่อง ที่มีอยู่ก่อนแล้ว หรือมีอยู่ในขณะทำสัญญาซื้อขายหรือในเวลาส่งมอบ ส่วนความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นภายหลังผู้ขายหาต้องรับผิดไม่ โจทก์ซื้อรถยนต์จากจำเลย ขณะที่โจทก์รับรถคันพิพาทไปจากจำเลย รถมีสภาพเรียบร้อยดี ภายหลังโจทก์จึงอ้างว่ารถมีกลิ่นเหม็นดังนี้ จำเลยหาต้องรับผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์ในตลาดกลาง ผู้ซื้อโดยสุจริตไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเดิม หากผู้ขายไม่มีสิทธิ
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 3 อ้างเหตุว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 ซึ่งมีหลักฐานทางทะเบียนถูกต้องและเป็นผู้ครอบครองรถในขณะที่นำมาขายในตลาดนัดซื้อขายแลกเปลี่ยนและ มีการซื้อขายมาหลายทอด จำเลยที่ 3 รับซื้อมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต เป็นการซื้อในท้องตลาดจากพ่อค้าผู้ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1332 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 3 ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 3 หรือไม่ ย่อมเป็นการไม่ชอบ.
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 3 ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 3 หรือไม่ ย่อมเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อสินค้าชำรุดจากการขายไปต่างประเทศ ผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยส่งสินค้าที่มีคุณภาพชำรุดบกพร่องทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศปฏิเสธไม่ยอมรับซื้อสินค้า เป็นเหตุให้โจทก์ขายสินค้านั้นไม่ได้ จำเลยต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องดังกล่าว โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 215, 387, 391 และ 472
ค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 คือ คืนเงินราคาสินค้าที่จำเลยรับไปจากโจทก์ ค่าที่โจทก์ได้ชำระค่าขนส่งสินค้า ค่าวัสดุสำหรับบรรจุหีบห่อสินค้าที่โจทก์จัดซื้อแล้วส่งให้จำเลยและค่าโกดังเก็บสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นค่าเสียหายพิเศษที่จำเลยควรจะคาดคิดล่วงหน้าได้
ค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 คือ คืนเงินราคาสินค้าที่จำเลยรับไปจากโจทก์ ค่าที่โจทก์ได้ชำระค่าขนส่งสินค้า ค่าวัสดุสำหรับบรรจุหีบห่อสินค้าที่โจทก์จัดซื้อแล้วส่งให้จำเลยและค่าโกดังเก็บสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นค่าเสียหายพิเศษที่จำเลยควรจะคาดคิดล่วงหน้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดิน: เจตนาซื้อขายยังไม่สมบูรณ์ สิทธิยังเป็นของผู้ขาย
จำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขายที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ ส. บุตรผู้ร้อง โดยจำเลยมอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ยื่นคำร้อง แสดงว่ามีเจตนาที่จะซื้อขายหรือโอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทโดยทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 4 ทวิหาได้มีเจตนาที่จะโอนหรือสละการครอบครองให้ ส. ทันทีไม่ ส. มอบที่ดินให้ผู้ร้องจัดให้ผู้อื่นเช่า เมื่อ ส. ถึงแก่กรรม จำเลยก็มายื่นขอถอน คำขอขายที่ดิน ซึ่งเจ้าพนักงานก็อนุญาตให้ถอนได้ แสดงว่าสิทธิ ครอบครองที่พิพาทยังคงเป็นของจำเลยอยู่ แม้ในระหว่างดำเนินการนี้ ส. หรือผู้ร้องจะเป็นผู้ยึดถือที่พิพาท ก็ต้องถือว่าเป็นการยึดถือแทน จำเลยผู้จะขายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: ผู้ขายไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของขณะทำสัญญา หากสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้
ผู้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในขณะทำสัญญาก็ได้ เพราะสารสำคัญที่เป็นวัตถุประสงค์ของการซื้อขายก็คือให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ไปโดยชำระราคาตามที่ตกลง หากผู้ขายสามารถจัดการให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์โดยชำระราคาตามที่ตกลงไว้สัญญาจะซื้อขายนั้นก็ใช้ได้แล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1214/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายตามคำพรรณนาต้องมีรายละเอียดชัดเจน ผู้ซื้อเชื่อถือคำบรรยาย ผู้ขายไม่ต้องรับผิดชอบความชำรุดหลังส่งมอบ
การซื้อขายที่จะเป็นการซื้อขายตามคำพรรณนา ก็ต่อเมื่อเป็นการซื้อขายโดยผู้ซื้อเชื่อคำบรรยายถึงลักษณะรูปพรรณสัณฐานและคุณภาพของสินค้า การที่โจทก์เสนอขายพินยี่ห้อหนึ่งซึ่งผลิตโดยบริษัทเดียวกับผู้ผลิตพินยี่ห้อที่จำเลยเคยใช้ โดยแจ้งว่ามีคุณภาพมาตรฐานใกล้เคียงกันนั้นเป็นแต่เพียงอวดอ้างคุณสมบัติของสินค้า อันเป็นการโฆษณาสินค้าของโจทก์ผู้ขายเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดแห่งคำรับรองเป็นกิจจะลักษณะถึงขนาดที่จะเป็นการขายตามคำพรรณนา
ผู้ขายไม่ต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องในทรัพย์สินซึ่งขายที่มีขึ้นภายหลังการส่งมอบ ดังนั้นผู้ซื้อจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงราคาที่ยังไม่ได้ชำระ
ผู้ขายไม่ต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องในทรัพย์สินซึ่งขายที่มีขึ้นภายหลังการส่งมอบ ดังนั้นผู้ซื้อจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงราคาที่ยังไม่ได้ชำระ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยและการขยายเวลาส่งมอบสินค้า: การสูญหายระหว่างขนส่งต่างประเทศทำให้ผู้ขายไม่ต้องรับผิดชอบ
โจทก์ตกลงขายอะไหล่ให้จำเลยโดยจะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ การที่โจทก์ไม่สามารถส่งมอบของให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาเพราะของสูญหายในระหว่างทางขนส่งมายังประเทศไทย เป็นเรื่องพ้นวิสัยที่โจทก์จะป้องกันได้ ถือว่าเป็นพฤติการณ์อันโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ โจทก์ยังไม่ได้ชื่อว่าผิดนัด จำเลยจะต้องให้เวลาโจทก์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาเป็นเวลาพอสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยกับการส่งมอบสินค้าล่าช้า ผู้ขายไม่ต้องรับผิดชอบหากสินค้าสูญหายระหว่างขนส่งจากต่างประเทศ แต่ต้องรับผิดชอบหากล่าช้าหลังขยายเวลา
โจทก์ตกลงขายอะไหล่ให้จำเลยโดยจะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศการที่โจทก์ไม่สามารถส่งมอบของให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาเพราะของสูญหายในระหว่างทางขนส่งมายังประเทศไทย เป็นเรื่องพ้นวิสัยที่โจทก์จะป้องกันได้ ถือว่าเป็นพฤติการณ์อันโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ โจทก์ยังไม่ได้ชื่อว่าผิดนัด จำเลยจะต้องให้เวลาโจทก์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาเป็นเวลาพอสมควร