คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 131 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายทอดตลาด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ยกเลิกคำสั่งอายัดในคดีที่ไม่เกี่ยวข้อง
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเป็นผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีหมายเลขแดงที่15111/2522 การที่เจ้าพนักงานที่ดินจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันไปในคดีที่ผู้ร้องซื้อทรัพย์มาจากการขายทอดตลาด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามทำนิติกรรมชั่วคราวเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวในคดีนี้ ซึ่งผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีขัดทรัพย์: ผู้ร้องอ้างทรัพย์เป็นของตนต้องพิสูจน์ให้ได้
คำร้องขอในการร้องขัดทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 เป็นเสมือนคำฟ้องที่โจทก์เสนอข้อหาต่อศาลตาม มาตรา 1(3) ผู้ร้องจึงมีฐานะเสมือนเป็นโจทก์ ส่วนโจทก์มีฐานะเสมือนเป็นจำเลย เมื่อผู้ร้องกล่าวอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของตน แต่โจทก์ยืนยันว่าเป็นของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อไม่มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายอันเป็นคุณแก่ผู้ร้องแล้ว ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่ผู้ร้องที่จะต้องนำสืบให้สมข้อกล่าวอ้างของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3810/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอมและการบังคับคดี ผู้ร้องไม่มีสิทธิเพิกถอนการบังคับคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความ เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้อง (ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดี) จะร้องขอให้ยกหรือแก้ไขหมายนั้น หากการกระทำของจำเลยกระทบถึงสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องชอบที่จะใช้สิทธิดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3077/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง: ข้อกล่าวหาต้องชัดเจนและมีรายละเอียด ผู้ร้องต้องระบุข้อเท็จจริงที่ผู้คัดค้านสามารถต่อสู้ได้
กระบวนพิจารณาคดีการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นได้มีพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้เป็นพิเศษในมาตรา 78 และ 79 ว่า ให้ผู้เลือกตั้งหรือพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลจังหวัดที่เขตเลือกตั้งนั้นตั้งอยู่หรือต่อศาลแพ่งสำหรับกรุงเทพมหานคร เมื่อได้รับคำร้องคัดค้านแล้ว ให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งดำเนินการพิจารณาโดยไม่ชักช้า และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ทำความเห็นและส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยและให้ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านเสียแล้วแต่กรณี จากบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นที่เห็นได้ว่ากฎหมายมุ่งประสงค์ให้ศาลฎีกาเท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนการที่กฎหมายให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งมีหน้าที่ดำเนินการพิจารณาในเบื้องต้นแล้วทำความเห็นส่งสำนวนไปยังศาลฎีกานั้นก็มีเหตุผลในเรื่องการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีส่วนได้เสียในทำนองเดียวกันและยังมุ่งหมายจะลดภาระของศาลฎีกาในอันที่จะต้องออกนั่งพิจารณาคดีเองอีกประการหนึ่งด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่กฎหมายให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งกระทำการแทนศาลฎีกา ส่วนความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวที่ได้ส่งมายังศาลฎีกาพร้อมสำนวนนั้นก็เป็นเพียงข้อเสนอแนะต่อศาลฎีกาโดยตรง ไม่มีลักษณะเป็นคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่คู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียจะโต้แย้งคัดค้านได้ และในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีศาลฎีกาก็มิได้ถูกผูกมัดโดยความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ในกรณีที่เห็นสมควรศาลฎีกาอาจจะมีคำวินิจฉัยคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปได้โดยไม่จำต้องรอฟังความเห็นของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งก็ได้.
คำร้องบรรยายว่า การเลือกตั้งทุกหน่วยในอำเภอเมืองสระบุรี อำเภอหนองแค อำเภอแก่งคอยและอำเภอวิหารแดง เจ้าหน้าที่กรรมการเลือกตั้งประจำหน่วยจงใจปล่อยปละละเลยให้มีการหมุนเวียนไปลงคะแนนซ้ำบุคคลกัน ด้วยการไปลงคะแนนแทนบุคคลที่ไม่ใช้สิทธิ ซึ่งบางคนบวชเป็นภิกษุ บางคนถึงแก่กรรมไปแล้ว และบางคนก็ไปทำงานชั่วคราวในต่างประเทศ ซึ่งหลักฐานการลงคะแนนส่วนมากไม่มีการลงชื่อผู้ใช้สิทธิหรือหมายเหตุเลขที่บัตรประจำตัวไว้ในช่องผู้ใช้สิทธิแล้ว ผู้ร้องมิได้บรรยายให้เห็นเลยว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนใดบ้างที่ไปลงคะแนนให้ผู้ถูกคัดค้านซ้ำอีก การลงคะแนนซ้ำเป็นการลงคะแนนแทนผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด เป็นการยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 คำร้องข้อนี้จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 127/2489)
คำร้องบรรยายว่า คณะกรรมการตรวจนับบัตรวินิจฉัยและขานคะแนนบัตรด้วยการเข้าข้างผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ด้วยการอ่านบัตรเสียว่าเป็นบัตรดีอันมีอยู่ทุกหน่วยในเขต และบัตรดีซึ่งเป็นของผู้ร้อง กรรมการตรวจนับบัตรกลับวินิจฉัยว่าเป็นบัตรเสีย ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 บัตร ในทุกหน่วยเขตเลือกตั้งในเขตอำเภอเมืองสระบุรี อำเภอหนองแค อำเภอแก่งคอยและอำเภอวิหารแดง ผู้ร้องมิได้บรรยายให้เห็นเลยว่าบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรเสีย แต่คณะกรรมการตรวจนับบัตรถือว่าเป็นบัตรดี และบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรดีแต่คณะกรรมการตรวจนับบัตรถือว่าเป็นบัตรเสีย ทั้งนี้เพราะบัตรเลือกตั้งนั้นได้กำหนดลักษณะเอาไว้แล้วตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ข้อ 9 ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 53 และมาตรา 73 ก็บัญญัติถึงบัตรเสียไว้รวม 6 ชนิดด้วยกัน คำร้องข้อนี้ จึงไม่ชัดแจ้งพอที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 623/2514)
คำร้องบรรยายว่า ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ได้ละเมิดกฎหมายด้วยการนำดนตรีไปแสดงให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งในทุกเขตของจังหวัดสระบุรี อันเป็นการโฆษณาหาเสียง ด้วยการจัดให้มีมหรสพและการรื่นเริงต่าง ๆ และในการเลือกตั้งดังกล่าวผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยังได้จ่ายเงินในการหาเสียงเลือกตั้งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้มากอันเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้นสำหรับข้อกล่าวอ้างที่ว่าผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ทำการหาเสียงเลือกตั้งด้วยการจัดให้มีมหรสพและการรื่นเริงต่าง ๆ นั้นถึงหากจะทำการพิจารณาต่อไปและฟังได้ว่าเป็นความจริงการกระทำดังกล่าวก็เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35(3) และมีโทษตามมาตรา 84 เท่านั้นหาเป็นกรณีที่ผู้ร้องจะร้องคัดค้านเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ตามมาตรา 78 ไม่ ประเด็นข้อนี้จึงไม่จำต้องยกขึ้นวินิจฉัย ส่วนข้อที่กล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้ใช้จ่ายเงินในการหาเสียงเลือกตั้งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้มาก อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 32 วรรคแรก ที่บัญญัติว่า เมื่อได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งใด ผู้สมัครแต่ละคนจะใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมดเกินสามแสนห้าหมื่นบาทไม่ได้ ทั้งนี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการสมัคร คำร้องของผู้ร้องเฉพาะส่วนนี้นอกจากผู้ร้องจะมิได้กล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้ใช้จ่ายไปในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งหมดเกินจำนวน 350,000 บาท ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ผู้ร้องก็ยังมิได้กล่าวข้อเท็จจริงโดยแจ้งชัดว่าผู้คัดค้านทั้งสามได้ใช้จ่ายเงินไปในกิจการใดบ้าง อันพอสมควรที่ผู้คัดค้านทั้งสามจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้องคำร้องของผู้ร้องส่วนนี้จึงเคลือบคลุมเช่นเดียวกัน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2964/2522)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3156/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส: ผู้ร้องไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ที่จำเลยก่อขึ้น
หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นในระหว่างสมรสที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(ก่อนตรวจชำระใหม่) นั้น หมายความว่าต้องเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย หนี้เงินกู้ที่จำเลยก่อขึ้นระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องอยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งผู้ร้องมิได้ร่วมในการกู้ด้วย จึงมิใช่หนี้ร่วมอันผู้ร้องจะต้องร่วมรับผิด ผู้ร้องชอบที่จะขอกันส่วนของตนครึ่งหนึ่งจากการขายทอดตลาดที่ดินที่ผู้ร้องกับจำเลยเป็นเจ้าของรวมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์: ภาระการพิสูจน์ตกแก่ผู้ขัดทรัพย์เมื่อฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธ
การร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา288 ผู้ร้องขัดทรัพย์มีฐานะเสมือนเป็นโจทก์ ส่วนโจทก์มีฐานะเสมือนเป็นจำเลย เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดทั้งหมดเป็นของตน แต่โจทก์ให้การยืนยันว่าเป็นของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อไม่มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายอันเป็นคุณแก่ผู้ร้องขัดทรัพย์แล้วภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่ผู้ร้องขัดทรัพย์ที่จะต้องนำสืบให้สมข้อกล่าวอ้างนั้น เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยานผู้ร้องขัดทรัพย์จึงไม่อาจชนะคดีโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบพิสูจน์ความไม่รู้เห็นเป็นใจในคดีอาญา ผู้ร้องต้องรับผิดชอบในการนำสืบเอง
ศาลพิพากษาริบเรือและของกลางอื่นแล้ว ผู้ร้องอ้างว่ามิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด เป็นหน้าที่ผู้ร้องต้องนำสืบให้ศาลเชื่อเช่นนั้น มิใช่หน้าที่โจทก์ต้องสืบหักล้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในเครื่องจักรตามสัญญาทรัสต์รีซีท แม้ยังมิได้จดทะเบียนจำนอง ย่อมเป็นของผู้ร้อง
สัญญาทรัสต์รีซีทที่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศทำไว้กับธนาคารผู้ร้อง โดยระบุว่า จำเลยที่ 1 ยอมยกกรรมสิทธิ์ในเครื่องจักรให้ผู้ร้องเพื่อตอบแทนที่ผู้ร้องมอบเอกสารขนส่งสินค้าให้จำเลยที่ 1เพื่อจำเลยที่ 1 จะได้นำเครื่องจักรออกจำหน่ายนำเงินมาชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงินแก่ผู้ร้อง เครื่องจักรเป็นสังหาริมทรัพย์และอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องแล้ว จึงโอนกรรมสิทธิ์ได้ด้วยการแสดงเจตนา กรรมสิทธิ์ในเครื่องจักรย่อมเป็นของผู้ร้องโดยสมบูรณ์ แม้จะมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะต้องจดทะเบียนจำนองเครื่องจักรไว้กับผู้ร้องก่อน จึงจะ นำไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ เมื่อยังไม่มีการ จดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ.2514 กรรมสิทธิ์ ในเครื่องจักรก็ยังคงเป็นของผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธินำ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องจักรพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเช่าที่ดินหลังสัญญาประนีประนอม: สิทธิใหม่ของผู้ร้องไม่ผูกพันกับสัญญาเดิม
ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยรื้อถอนสิ่งก่อสร้างและออกไปจากที่พิพาทแล้วต่อมาโจทก์ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกระทรวงการคลังเจ้าของที่พิพาทกระทรวงการคลังจึงได้ยกเลิกสิทธิการเช่าของโจทก์ และอนุญาตให้จำเลยมีสิทธิแทนโจทก์แต่จำเลยตายเสียก่อน ผู้ร้องจึงได้รับอนุญาตให้เป็นผู้มีสิทธิเช่าแทนจำเลยดังนี้ผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกมีสิทธิขึ้นใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์จำเลย ผู้ร้องจึงมิใช่บริวารของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ร้องต้องดำเนินการภายในกำหนดเวลา
ผู้ร้องขัดทรัพย์ต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้โจทก์ยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัด ถ้าผู้ร้องไม่ยื่นคำขอต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นออกเสียจากสารบบความผู้ร้องจะอ้างว่ามิได้มีเจตนาทิ้งคำร้อง เพราะผู้ร้องได้รับหมายนัดสืบพยานผู้ร้อง จึงเข้าใจว่าโจทก์ยื่นคำให้การแล้วนั้นไม่ได้ เพราะการที่ศาลมีคำสั่งไม่รับคำให้การและให้นัดสืบพยานผู้ร้องไป หามีผลลบล้างให้ผู้ร้องไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 198 ไม่
of 14