คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยายามฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 869 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าด้วยเจตนาพยาบาทและเพื่อปกปิดความผิด ศาลพิพากษายืนโทษฐานพยายามฆ่า
จำเลยเป็นหญิงชาวพม่า ทำหน้าที่แม่บ้าน ใช้มีดแทง ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้าง 1 ครั้ง บริเวณหน้าอก ผู้เสียหายจับมือจำเลยไว้ จำเลยบอกว่าจะไม่ทำร้ายผู้เสียหายอีก ผู้เสียหายหมดสติไป แต่จำเลยตบหน้าผู้เสียหายจนรู้สึกตัว และใช้มีดแทงผู้เสียหายที่ลิ่นปี่ อีก 2 ครั้ง ผู้เสียหาย แย่งมีดกับจำเลย และนอนหงายทับมีดไว้ จำเลยจิกผมดึงผู้เสียหาย ให้ยกขึ้น และใช้มีดแทงผู้เสียหายอีก 2 ครั้ง ผู้เสียหาย ล้มฟุบ จำเลยจะเดินขึ้นไปชั้นบน เห็นผู้เสียหายผงกศีรษะขึ้น จำเลยจึงเดินกลับมาใช้มีดแทงหลังผู้เสียหายอีก 2 ครั้งผู้เสียหายแกล้งเป็นตาย จำเลยจึงขึ้นไปชั้นบน ส่วนผู้เสียหาย คลานออกจากบ้าน มีคนช่วยพาผู้เสียหายขึ้นรถยนต์กระบะ ไม่มีหลังคาไปส่งโรงพยาบาล จำเลยตามออกมาบอกคนที่มุงดูว่า ผู้เสียหายเป็นน้องสาวจำเลยถูกคนอื่นทำร้าย มีชาวบ้าน จะช่วยผู้เสียหาย แต่จำเลยบอกว่าไม่ต้องช่วย จำเลยดูแลได้ ระหว่างทางจำเลยได้บีบคอผู้เสียหายอย่างแรง 2 ครั้ง ผู้เสียหายร้องเสียงดังให้คนช่วย คนขับรถมองกระจกหลังแต่จำเลยโบกมือทำท่าว่าไม่มีอะไร และเคาะกระจกด้านหลังบอกให้ คนขับรถรีบขับไปโรงพยาบาล การที่จำเลยแทงผู้เสียหายเป็นระยะ อย่างผู้มีจิตใจพยาบาท และขอนั่งไปกับผู้เสียหายเพียงลำพัง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งทำร้ายผู้เสียหายมา ส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนา ที่จะกระทำต่อผู้เสียหายอีก แม้จะไม่มีร่องรอยของการบีบคอ ผู้เสียหายก็ตาม เชื่อได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า ผู้เสียหายครั้งหลังเพื่อปกป้องความผิดของตน ส่วนการกระทำ ผิดครั้งแรก แม้จำเลยอ้างว่าเกิดจากผู้เสียหายใช้จำเลย ทำงานและว่ากล่าวจำเลย ถือเป็นเหตุการณ์ตามปกติระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้าง ไม่เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงไม่เป็นบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานบ่งชี้เจตนาฆ่า เข้าข่ายความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ไม้ท่อนคนละท่อนซึ่งมีขนาดยาวประมาณ1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ตีทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองในขณะที่ผู้เสียหายที่ 2 กำลังขับรถจักยานยนต์โดยมีผู้เสียหายที่ 1 และ ย.นั่งซ้อนท้าย จนรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายที่ 2 ขับล้มลง ผู้เสียหายที่ 1 หลบหนีไปได้ ส่วนผู้เสียหายที่ 2 ถูกรุมตีอีกหลายทีที่บริเวณศีรษะ ใบหน้า ลำตัว และหัวไหล่ขวา จนหมดสติ และกระดูกแขนข้างขวาหัก บาดแผลและกระดูกแขนขวาของผู้เสียหายที่ 2 ต้องใช้เวลารักษาประมาณ 60วัน หากผู้เสียหายที่ 2 ไม่ได้รับการรักษาให้ทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันตีผู้เสียหายที่ 2 อย่างแรง ประกอบกับขณะที่ตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 2จำเลยทั้งสองพูดว่าตีให้ตาย พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำไปแสดงว่าจำเลยที่ 2มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 2 เมื่อผู้เสียหายที่ 2 ไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากการรุมทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย จนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส
จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ไม้ท่อนคนละท่อนซึ่งมีขนาดยาวประมาณ 1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ตีทำร้ายผู้เสียหาย ทั้งสองในขณะที่ผู้เสียหายที่ 2 กำลังขับรถจักรยานยนต์โดยมี ผู้เสียหายที่ 1 และย.นั่งซ้อนท้าย จนรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายที่ 2 ขับล้มลง ผู้เสียหายที่ 1 หลบหนีไปได้ ส่วนผู้เสียหายที่ 2 ถูกรุมตีอีกหลายทีที่บริเวณศีรษะ ใบหน้า ลำตัว และหัวไหล่ขวา จนหมดสติ และกระดูกแขนข้างขวาหัก บาดแผลและกระดูกแขนขวาของผู้เสียหายที่ 2 ต้องใช้เวลารักษา ประมาณ 60 วัน หากผู้เสียหายที่ 2 ไม่ได้รับการรักษา ให้ทันท่วงทีอาจถึง แก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันตีผู้เสียหายที่ 2 อย่างแรง ประกอบกับขณะที่ตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 จำเลยทั้งสองพูดว่าตีให้ตาย พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำไปแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่า ผู้เสียหายที่ 2 เมื่อผู้เสียหายที่ 2 ไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธจนถึงแก่บาดเจ็บสาหัส
จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ไม้ท่อนคนละท่อนซึ่งมีขนาดยาวประมาณ1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ตีทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองในขณะที่ผู้เสียหายที่ 2 กำลังขับรถจักยานยนต์โดยมีผู้เสียหายที่ 1 และ ย.นั่งซ้อนท้าย จนรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายที่ 2 ขับล้มลง ผู้เสียหายที่ 1 หลบหนีไปได้ ส่วนผู้เสียหายที่ 2 ถูกรุมตีอีกหลายทีที่บริเวณศีรษะ ใบหน้า ลำตัว และหัวไหล่ขวา จนหมดสติและกระดูกแขนข้างขวาหัก บาดแผลและกระดูกแขนขวาของผู้เสียหายที่ 2 ต้องใช้เวลารักษาประมาณ 60 วันหากผู้เสียหายที่ 2 ไม่ได้รับการรักษาให้ทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันตีผู้เสียหายที่ 2 อย่างแรง ประกอบกับขณะที่ตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 จำเลยทั้งสองพูดว่าตีให้ตาย พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำไปแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 2 เมื่อผู้เสียหายที่ 2 ไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าและอาวุธปืน: หลักฐานขัดแย้งฟังได้ว่าปืนลั่นระหว่างแย่งกัน ไม่ใช่จำเลยยิง
ผู้เสียหายเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่ากระสุนปืนลั่นระหว่างที่ผู้เสียหายกับจำเลยแย่งอาวุธปืนกันและเหตุที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายก็เพราะเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ คำเบิกความของจำเลยที่ว่าอาวุธปืนเป็นของผู้เสียหายและระหว่าง ที่จำเลยเข้าแย่งปืนจากผู้เสียหายลั่นขึ้น 1 นัดปรากฏว่า อาวุธปืนของกลางไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงาน ประทับไว้ หากอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายก็มีเหตุที่จะต้องกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีดังที่เบิกความคำเบิกความของ จำเลยจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า กระสุนปืน ลั่นระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายแย่งอาวุธปืนกัน ไม่ใช่กระสุนปืนลั่น เนื่องจากจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย จึงลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายไม่ได้ การที่จำเลยเอาอาวุธปืนของผู้เสียหายที่นำมาให้ จำเลยดูมาพกไว้ที่เอวเป็นเพียงการพกเล่น ไม่ได้มีเจตนา ครอบครองอาวุธปืนดังกล่าว จึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ความผิดทั้งสองข้อหาจะต้องห้ามฎีกา เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษา ยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185,215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาปริมาณสารพิษและแรงจูงใจของผู้กระทำ
จำเลยที่ 2 ได้นำยาฆ่าแมลงซึ่งมีสารพิษชนิดมีโธมิลผสมน้ำใส่ในขวดยาลดไข้พาราเซตามอลชนิดน้ำ แล้วใช้ให้จำเลยที่ 1 นำไปให้ผู้เสียหายดื่มเมื่อผู้เสียหายดื่มยาลดไข้ผสมสารพิษชนิดมีโธมิลแล้วก็เกิดอาเจียน และจำเลยที่ 1ใช้นิ้วล้วงคอให้ผู้เสียหายอาเจียน จนกระทั่ง ส.นำน้ำมาให้ดื่ม ผู้เสียหายก็อาเจียนอีกและไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายมาก่อน ประกอบกับสารพิษมีโธมิลต้องกินเข้าไปในปริมาณมากพอจึงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 2มีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายให้เจ็บป่วยเท่านั้น และศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 2ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: ปริมาณสารพิษและแรงจูงใจ
แม้จำเลยที่ 2 จะนำยาฆ่าแมลงซึ่งมีสารพิษชนิดมีโธมิล ซึ่งเป็นสารพิษที่มนุษย์หรือสัตว์กินแล้วอาจเป็นอันตราย ถึงชีวิตได้ผสมอยู่ในขวดยาลดไข้แล้วใช้ให้จำเลยที่ 1 นำไปให้ผู้เสียหายดื่มก็ตาม แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบ ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้นำเอาสารพิษมีโธมิล ผสมใส่ในขวดยาลดไข้ให้ผู้เสียหายดื่มในปริมาณมากจนอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายหรือไม่ กลับปรากฏเพียงว่า เมื่อผู้เสียหายดื่มยาลดไข้ผสมสารพิษแล้วก็เกิดอาเจียน จำเลยที่ 1ใช้นิ้วล้วงคอให้อาเจียน จนกระทั่ง ส. นำน้ำมาให้ดื่มก็อาเจียนอีกแสดงว่า จำเลยที่ 2 ผสมสารมีโธมิล ในขวดยาลดไข้ ให้ผู้เสียหายดื่มเข้าไปในปริมาณไม่มากทั้งไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 เคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายมาก่อน ประกอบกับสารพิษมีโธมิล ต้องกินเข้าไปในปริมาณมากพอ จึงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การที่จำเลยที่ 2 เทสารพิษ มีปริมาณไม่มากที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย ให้เจ็บป่วยเพื่อให้ ร. ภริยาจำเลยที่ 2 ซึ่งหนีไปกลับมาหาจำเลยที่ 2 เท่านั้น แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีเจตนาเพียง ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาปริมาณสารพิษและแรงจูงใจของผู้กระทำ
จำเลยที่ 2 ได้นำยาฆ่าแมลงซึ่งมีสารพิษชนิดมีโธมิลผสมน้ำใส่ในขวดยาลดไข้พาราเซตามอล ชนิดน้ำแล้วใช้ให้จำเลยที่ 1 นำไปให้ผู้เสียหายดื่มเมื่อผู้เสียหายดื่มยาลดไข้ผสมสารพิษชนิดมีโธมิลแล้วก็เกิดอาเจียนและจำเลยที่ 1 ใช้นิ้วล้วงคอให้ผู้เสียหายอาเจียน จนกระทั่งส. นำน้ำมาให้ดื่ม ผู้เสียหายก็อาเจียนอีกและไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายมาก่อน ประกอบกับสารพิษมีโธมิลต้องกินเข้าไปในปริมาณมากพอ จึงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 2 มีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายให้เจ็บป่วยเท่านั้น และศาลย่อม ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5697/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิพากษาความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเมื่อไม่มีเจตนาฆ่า
แม้ก่อนที่จำเลยจะใช้มีดพร้าไล่ฟันผู้เสียหาย จำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะโต้เถียงกันเรื่องที่จำเลยกล่าวหาว่าผู้เสียหายลักเศษยางพาราของจำเลยไปแต่การโต้เถียงดังกล่าวเมื่อไม่ทำให้จำเลยเกิดโทสะถึงขนาดกับต้องการเอาชีวิตผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายด้วยอารมณ์โกรธชั่วแล่นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายหลบทัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายก็ตาม แต่การกระทำความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเป็นการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5697/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเมื่อไม่มีเจตนาฆ่า
แม้ก่อนที่จำเลยจะใช้มีดพร้าไล่ฟันผู้เสียหายจำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะโต้เถียงกันเรื่องที่จำเลยกล่าวหาว่าผู้เสียหายลักเศษยางพาราของจำเลยไปแต่การโต้เถียงดังกล่าวเมื่อไม่ทำให้จำเลยเกิดโทสะถึงขนาดกับต้องการเอาชีวิตผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้มีดพร้า ฟันผู้เสียหายด้วยอารมณ์โกรธชั่วแล่นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายหลบทัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นแม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายก็ตาม แต่การกระทำความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเป็นการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
of 87