พบผลลัพธ์ทั้งหมด 84 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำภายใน 5 ปีหลังพ้นโทษ และโทษสถานหนักจากประวัติอาชญากรรม
จำเลยเคยต้องโทษแลพ้นโทษไปแล้วไปกระทำผิดขึ้นอีกนับแต่วันที่พ้นโทษมายังไม่เกิน 5 ปี แม้ความผิดครั้งหลังนี้ทำในขณะที่ถูกจำกัดให้อยู่ในเขตต์ที่อันมีกำหนดก็เพิ่มโทษได้
โทษฐานให้อยู่ในเขตต์ที่อันมีกำหนดนั้นไม่ใช่โทษตามมาตรา 72
โทษฐานให้อยู่ในเขตต์ที่อันมีกำหนดนั้นไม่ใช่โทษตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ โดยเคยต้องโทษและพ้นโทษแล้ว แม้จะกระทำผิดระหว่างถูกส่งตัวไปต่างจังหวัด
จำเลยเคยต้องโทษแลพ้นโทษไปแล้ว ไปกระทำผิดขึ้นอีกภายในกำหนด แม้โทษครั้งหลังจะอยู่ระหว่างต้องโทษอยู่ต่างจังหวัดศาลก็เพิ่มโทษจำเลยได้ อ้างฎีกาที่ 649/2477 แลที่ 195/2479
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งตัวไปดัดสันดานซ้ำ: แม้กระทำผิดครั้งเดียวหลังพ้นโทษ ก็ส่งตัวไปดัดสันดานต่างจังหวัดได้
เคยต้องโทษ 3 ครั้ง พ้นโทษแล้วถูกส่งตัวไปดัดสันดานอยู่ต่างจังหวัดแล้วไปกระทำผิดขึ้นอีกแม้แต่เพียงครั้งเดียวก็ส่งตัวจำเลยไปอยู่ต่างจังหวัดอีกได้ อ้างฏีกาที่ 826/2476
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษทางอาญา: พิจารณาช่วงเวลาพ้นโทษครั้งแรก เพื่อประกอบการตัดสินโทษ
แก้มาก ศาลเดิมตัดสินลงโทษจำเลยตามมาตรา 2583 กับให้เพิ่มโทษจำเลยตาม ม.72 อีกด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้ให้ยกฉะเพาะข้อเพิ่มโทษจำเลยเสียดังนี้ เป็นการแก้ไขมากคู่ความมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ จำเป็นต้องมีการพ้นโทษแล้วก่อน จึงจะเพิ่มโทษได้
คำว่าไม่เข็ดหลาบตามมาตรา 76 นั้นต้องแปลความตามมาตรา 72 ตอน 1 ว่า ผู้กระทำผิดได้พ้นโทษแล้วไปทำผิดอีกอย่างไรเรียกว่าพ้นโทษ จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ปรับระวางที่จำเลยยังไม่ใช้ค่าปรับปหรือถูกจำแทนค่าปรับถือว่ายังไม่พ้นโทษทำผิดตามมาตรา 338 ข้อ 3 มาครั้ง 1 แล้วศาลตัดสินให้ปรับ จำเลยขอผัดนี้จำเลยทำผิดในฐานเดียวกันซ้ำขึ้นอีกดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 76 ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7294/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พ.ร.บ.ล้างมลทิน: ผู้ต้องโทษต้องพ้นโทษก่อนบังคับใช้กฎหมายจึงมีสิทธิได้รับประโยชน์
พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ที่ได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับเท่านั้น แม้จำเลยกระทำความผิดก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2550 แต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี จำเลยจึงยังไม่ได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ใช้บังคับ ดังนี้ จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6846/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดียาเสพติดซ้ำ หากกระทำผิดภายใน 5 ปีหลังพ้นโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลนี้ ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 300,000 บาท ข้อหามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1855/2550 พิพากษาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2550 ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จำเลยพ้นโทษเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ภายในระยะเวลาห้าปีนับแต่พ้นโทษในคดีดังกล่าว จำเลยได้กระทำความผิดคดีนี้อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ขึ้นอีก แม้ฟ้องโจทก์ดังกล่าวระบุว่าจำเลยพ้นโทษเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ก็ตาม แต่ก็เป็นที่ชัดแจ้งว่าที่โจทก์บรรยายฟ้องดังกล่าวนั้น เป็นความผิดพลาดในการพิมพ์เนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาวันที่ 25 กรกฎาคม 2550 ให้จำคุก 3 ปี และปรับ 300,000 บาท จะฟังว่าจำเลยพ้นโทษเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 หาได้ไม่ ทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ แสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้และเข้าใจมาตลอดว่าจำเลยกระทำความผิดคดีนี้ภายในห้าปีนับแต่วันพ้นโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1855/2550 ของศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดคดีนี้ภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1855/2550 ของศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และจำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีกภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ กรณีจึงต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6846/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดียาเสพติดซ้ำ โดยพิจารณาจากระยะเวลาหลังพ้นโทษคดีก่อนหน้า
จำเลยกระทำผิดวันที่ 9 พฤษภาคม 2555 โจทก์บรรยายฟ้องว่าก่อนคดีนี้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2550 จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลนี้ ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 300,000 บาท ข้อหามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยกระทำความผิดคดีนี้อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ขึ้นอีก แม้ฟ้องโจทก์ระบุว่าจำเลยพ้นโทษเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ก็ตาม แต่ก็เป็นที่ชัดแจ้งว่าเป็นความผิดพลาดในการพิมพ์ ทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ แสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้และเข้าใจมาตลอดว่าจำเลยกระทำความผิดคดีนี้ภายในห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ กรณีจึงต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18297/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกซ้ำตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ กรณีต้องโทษจำคุกภายใน 5 ปีหลังพ้นโทษ
คดีอาญาที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยนั้น ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับรถเสพเมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 91 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด เท่ากับจำเลยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ด้วย เพียงแต่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเท่านั้น เมื่อคดีที่โจทก์อ้างเป็นเหตุเพิ่มโทษจำเลยเป็นการกระทำความผิดต่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และจำเลยมากระทำความผิดคดีนี้อีกภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ กรณีจึงต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13642/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทิน หลังพ้นโทษ และการแก้ไขคำพิพากษาเพิ่มโทษ
ขณะศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 นั้น พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 มีผลใช้บังคับแล้ว จำเลยย่อมได้ประโยชน์จากมาตรา 4 แห่งระราชบัญญัติดังกล่าวที่บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีมีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ การที่ศาลชั้นต้นเพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 92 จึงเป็นการผิดหลงเล็กน้อย ศาลมีอำนาจแก้ไขได้ โดยไม่เป็นการกลับหรือแก้คำวินิจฉัยในคำพิพากษาเดิม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225