คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญายอมความรื้ออาคารไม่ผูกพันผู้เช่าที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การที่เจ้าของที่ดินและอาคารได้รับคำสั่งจากเทศบาลให้รื้อและเลิกใช้อาคาร และอัยการได้ฟ้องเจ้าของที่ดินเป็นคดีให้รื้อและเลิกใช้อาคาร เจ้าของที่ดินทำยอมไว้ต่อศาลว่า ตนและบุคคลที่ได้รับสิทธิจากตนยอมรื้อและยอมเลิกใช้อาคาร ดังนี้สัญญายอมความนี้ไม่ผูกพันผู้เช่าอาคารอยู่อาศัย ผู้เช่าอาคารอยู่อาศัยยังคงได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ เป็นปกติ แต่ถ้าอาคารหมดอายุจะเป็นภัย เจ้าหน้าที่ก็ยังมีอำนาจตามพ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยต้องพิสูจน์สถานะการเช่าเพื่ออยู่อาศัย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเช่าอาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุม ค่าเช่า ฯลฯ
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัวจำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ. 2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาทของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ตเตล็ด
ต่าง ๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท.
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คมวบคุมค่าเช่าฯ อันเป็นกฎ หมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.นั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับ กันดังกล่าว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยต้องพิสูจน์ว่าเข้าข่ายได้รับการคุ้มครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าอยู่อาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัว จำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ.2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาท ของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯอันเป็นกฎหมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าว ยังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเพื่อประกอบการค้า แต่มีวัตถุประสงค์หลักเป็นการอยู่อาศัย ยังคงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้สัญญาเช่าจะมีข้อความว่า ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์ที่เช่า เพื่อประโยชน์เฉพาะแต่เป็นที่ประกอบการค้าเท่านั้น ก็ดี ถ้าหากเป็นที่เห็นได้ว่า วัตถุประสงค์แห่งการเช่านั้นเพื่ออยู่อาศัยแล้ว ข้อสัญญาเช่นว่านี้ก็หาเป็นประโยชน์แก่ผู้ให้เช่าไม่ ผู้เช่าคงได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ อยู่นั่นเอง
เช่าตึกเป็นที่อยู่อาศัย แม้จะได้ประกอบธุรกิจในตึกที่เช่าด้วย ก็ไม่ทำให้การเช่านี้อยู่นอกความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าห้องเพื่อประกอบการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และสิทธิการบอกเลิกสัญญาเช่าช่วง
เช่าห้องชั้นล่างของตึก 7 ชั้นตรงมุมถนนทรงวาดกับถนนพาดสายตัดกัน ทำเป็นร้านขายกาแฟและสุรา แม้จะอยู่อาศัยด้วย ก็ถือว่าเช่าเพื่อประกอบการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ผู้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วง แม้ขณะนั้นสัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าเดิมจะหมดอายุแล้ว ผู้เช่าก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นคู่สัญญาฐานเป็นผู้เช่าจากตนได้ ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิได้เถียงอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบสิทธิได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และการพิจารณาว่าห้องเช่าเป็นเคหะหรือไม่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าโดยอ้างว่าจำเลยเช่าเพื่อการค้า และได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยรับว่าได้เช่าจากโจทก์ และโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมออก อ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ดังนี้ จำเลยต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความว่าตนมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตาม ก.ม.พิเศษนั้น หาใช่เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบก่อนไม่
ห้องเช่าตั้งอยู่ในย่านการค้าริมถนนใหญ่ ตรงกันข้ามกับตลาดสด ผู้เช่าใช้ที่เช่าเป็นร้านค้าเครื่องเขียน ตั้งชื่อร้านว่า "สมุทรการค้า" และห้องใกล้เคียงก็เป็นร้านค้าทั้งนั้น ผู้เช่าได้อยู่อาศัยในห้องเช่าเพื่อประกอบการค้า ดังนี้ ย่อมไม่เป็นเคหะตามความหมาย แห่งพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่ออยู่อาศัย แม้มีการค้าประกอบ ก็ยังอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เมื่อผู้เช่าใช้สถานที่เช่าเพื่อประโยชน์ในทางอยู่อาศัยแล้ว แม้หากจะมีการค้าด้วยสถานทีเช่าเช่นนี้ ก็คงเป็นเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624-628/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นเชิงพาณิชย์ ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าห้องที่ตั้งอยู่ในทำเลการค้า แม้ในชั้นแรกเช่าโดยใช้เป็นที่อยู่อาศัยก็ดี แต่การเช่ามิได้ทำสัญญากันเป็นหนังสือ และมิได้กำหนดระยะเวลาการเช่าไว้เป็นที่แน่นอน คงมีแต่การเก็บและชำระค่าเช่ากันเป็นรายเดือนตลอดมาเป็นเวลาช้านาน ฟ้องเช่าบางห้องเปลี่ยนมือจากเจ้าของกันถึง 3 เจ้าของก็มี ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่าอาจเปลี่ยนแปลงไปเพื่อประกอบธุระกิจหรือการค้าก็ได้ ฉะนั้นในชั้นหลังนี้ เมื่อผู้เช่าใช้ห้องเช่าเป็นที่ประกอบธุระกิจหรือประกอบการค้า แล้ว ผู้เช่าก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิเช่าหลังผู้เช่าเสียชีวิต และผลกระทบต่อการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ผู้เช่าเคหะอยู่อาศัยถึงแก่กรรมแล้ว ภรรยาผู้ตายซึ่งอยู่อาศัยในเคหะนั้นต่อมามิได้แสดงความจำนงเป็นหนังสือของเช่าบ้านรายนั้นต่อผู้ให้ผู้เช่าต่อไป
ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่สามีตายนั้น จะอ้างความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าไม่ได้ เว้นแต่ผู้ให้เช่าและภรรยาผู้ตายเช่าบ้านนั้นต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบการค้า ไม่เข้าข่ายเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าตึกแถว ซึ่งตั้งอยู่(ที่ถนนสำเพ็ง อำเภอสัมพันธ์วงศ์ จังหวัดพระนคร) ในทำเลการค้า ทำการค้าขายผ้าต่างประเทศและในประเทศและผ้าแพร แถวนั้นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยอย่างเดียวไม่มีเลย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า เป็นเรื่องเช่าเพื่อประกอบการค้า ส่วนการที่ผู้เช่าและครอบครัวอยู่อาศัยในสาถนที่เช่าด้วยก็เพียงอยู่เพื่อประกอบการค้าเท่านั้น สถานที่เช่านี้จึงไม่เป็นเคหะตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
of 16