คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มอบอำนาจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 648 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนและการผ่อนเวลาชำระหนี้ที่ไม่มีผลต่อความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ระบุว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ พ. กระทำการและดำเนินการแทนในกิจการดังต่อไปนี้... เป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่ง... เพื่อป้องกันรักษาผลประโยชน์หรือสิทธิต่าง ๆ รวมทั้งทรัพย์สินของโจทก์ การมอบอำนาจในลักษณะนี้แม้จะเป็นการมอบอำนาจทั่วไปตามมาตรา 801 แห่ง ป.พ.พ. แต่ก็มีการมอบอำนาจรวมถึงการฟ้องคดีแทนด้วย ทั้งการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีก็ไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นผู้ใด และแม้ว่าขณะมอบอำนาจมูลหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่เกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจดังกล่าวเสียไป พ. จึงมีอำนาจฟ้อง และมีอำนาจตั้งทนายความฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 801 (5)
การผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้อันจะทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิดนั้น จะต้องเป็นการตกลงผ่อนเวลาแน่นอน และมีผลว่าในระหว่างผ่อนเวลานั้น เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องหรือฟ้องร้องไม่ได้ เมื่อหนี้ของจำเลยที่ 1 ถึงกำหนดชำระแล้ว โจทก์ยังมิได้ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ หาใช่เป็นการยอมผ่อนเวลาให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามมาตรา 700 แห่ง ป.พ.พ. อันจะมีผลทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของนิติบุคคล: การมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ทำให้ฟ้องคดีเสีย และการแก้ไขคำฟ้องไม่สามารถใช้ได้
โจทก์ฟ้องคดีโดยมอบอำนาจให้ พ. เป็นผู้ดำเนินคดีแทน แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ธ. มีอำนาจกระทำการ แทนโจทก์ที่จะลงชื่อมอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีแทนโจทก์ได้ การที่ ธ. ลงชื่อมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์ขัดต่อข้อบังคับของโจทก์เรื่องจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันโจทก์ได้ เป็นกรณีโจทก์ในฐานะนิติบุคคลฟ้องคดี โดยผู้ไม่มีอำนาจกระทำแทนได้ ความประสงค์ของโจทก์จึงไม่เป็นการแสดงให้ปรากฏโดยผู้แทนของนิติบุคคล ตาม ป.พ.พ. มาตรา 70 วรรคสอง
ตามคำให้การจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากการมอบอำนาจไม่สมบูรณ์โดยไม่ได้ระบุว่าการมอบอำนาจไม่สมบูรณ์อย่างไร เป็นคำให้การที่ไม่ได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง คำให้การใน เรื่องนี้จึงไม่มีประเด็น แต่อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องโดยขอแก้ไขจากเดิม พ. ผู้รับมอบอำนาจเป็น ส. ผู้รับมอบอำนาจโดยที่จำเลยไม่คัดค้านและศาลชั้นต้นอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องได้นั้น เมื่อ ธ. ไม่มีอำนาจลงชื่อมอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีแทนโจทก์ พ. จึงไม่มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์มาแต่แรกฟ้อง ถึงแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้ยื่นเข้ามา ก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์ที่เสียมาแต่ต้นแล้วกลับคืนดีเป็นฟ้องที่ยื่นฟ้องและดำเนินคดีโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ขึ้นมาในภายหลังได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนิติบุคคล: การมอบอำนาจที่ไม่ถูกต้องทำให้ฟ้องเสีย มิอาจแก้ไขให้สมบูรณ์ได้
ธ. ลงชื่อมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์ขัดต่อข้อบังคับของโจทก์เรื่องจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันโจทก์ได้ เป็นกรณีโจทก์ในฐานะนิติบุคคลฟ้องคดีโดยผู้ไม่มีอำนาจกระทำแทนได้ ความประสงค์ของโจทก์จึงไม่แสดงปรากฏจากผู้แทนของนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 70 วรรคสอง
เมื่อ ธ. ไม่มีอำนาจลงชื่อมอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีแทนโจทก์ พ. จึงไม่มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์มาแต่แรกฟ้อง ถึงแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้ยื่นเข้ามาก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์ที่เสียมาแต่ต้นแล้วกลับคืนดีเป็นฟ้องที่ยื่นฟ้องและดำเนินคดีโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ขึ้นมาในภายหลังได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบการมอบอำนาจทำสัญญาจำนอง: จำเลยไม่ต่อสู้เรื่องการมอบอำนาจ ถือว่ายอมรับ
จำเลยให้การว่า สัญญาจำนองเป็นโมฆะเพราะมิได้ ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ผู้รับจำนอง จำเลยมิได้ ให้การต่อสู้ว่า การมอบอำนาจของโจทก์ในการทำสัญญาจำนอง ไม่ถูกต้อง หรือผู้รับมอบอำนาจลงลายมือชื่อในสัญญาจำนอง แทนโจทก์โดยมิได้มีการมอบอำนาจตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องจึงมีผลเท่ากับจำเลยยอมรับตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องว่า การทำสัญญาจำนองโจทก์มอบอำนาจให้ผู้มีชื่อไปจดทะเบียน ในฐานะผู้รับจำนองแทนโจทก์โดยถูกต้องแล้ว โจทก์จึงไม่ต้อง นำหนังสือมอบอำนาจมาแสดงต่อศาลและในการสืบพยานของโจทก์โจทก์ก็นำผู้รับมอบอำนาจให้ไปจดทะเบียนในฐานะผู้รับจำนอง แทนโจทก์มาเบิกความว่าได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ใน การทำสัญญาจำนองกับจำเลยด้วยแล้ว ทางนำสืบของโจทก์ จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับข้อเท็จจริงโดยการไม่ต่อสู้คดี ทำให้ไม่ต้องนำหลักฐานการมอบอำนาจมาแสดง
จำเลยให้การว่า สัญญาจำนองเป็นโมฆะเพราะมิได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ผู้รับจำนอง จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าการมอบอำนาจของโจทก์ในการทำสัญญาจำนองไม่ถูกต้องหรือผู้รับมอบอำนาจลงลายมือชื่อในสัญญาจำนองแทนโจทก์โดยมิได้มีการมอบอำนาจตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง จึงมีผลเท่ากับจำเลยยอมรับตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องว่าการทำสัญญาจำนองโจทก์มอบอำนาจให้ผู้มีชื่อไปจดทะเบียนในฐานะผู้รับจำนองแทนโจทก์โดยถูกต้องแล้ว โจทก์จึงไม่ต้องนำหนังสือมอบอำนาจมาแสดงต่อศาล และในการสืบพยานของโจทก์โจทก์ก็นำผู้รับมอบอำนาจให้ไปจดทะเบียนในฐานะผู้รับจำนองแทนโจทก์มาเบิกความว่าได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในการทำสัญญาจำนองกับจำเลยด้วยแล้ว ทางนำสืบของโจทก์จึงไม่ได้ขัด ต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ของกลาง: การรับสารภาพ, พยานหลักฐาน, และการมอบอำนาจที่ไม่สมเหตุสมผล
จำเลยรับว่าได้ถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้เป็นของกลางจริง โดยอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก อ. เจ้าของรถให้ยืมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งขัดต่อเหตุผล เนื่องจากการถอดชิ้นส่วนจาก รถจักรยานยนต์ของกลางจะทำให้รถจักรยานยนต์ของกลางใช้การไม่ได้ ทั้งยังขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ซึ่งมิได้นำสืบปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของบันทึกคำให้การดังกล่าว ทั้งตามบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและภาพถ่ายปรากฏว่าจำเลยได้นำชี้เส้นทางที่ใช้เป็นทางเข้าออกโดยเข้ามาข้างศาลาพักผู้โดยสารด้านหลังสถานีตำรวจ แล้วเข้ามาลักชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางและหลบหนีไปทางเส้นทางเดิมซึ่งจำเลยมิได้ปฏิเสธว่าบันทึกและภาพถ่ายดังกล่าวไม่ถูกต้องเช่นกัน จึงรับฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามบันทึกคำให้การผู้ต้องหาและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพโดยสมัครใจ เมื่อคำรับสารภาพดังกล่าวเจือสมกับคำเบิกความของสิบตำรวจโท จ. ที่ว่าพบรอยเท้าคนเดินที่พงหญ้าด้านหลังสถานีตำรวจ นอกจากนี้จำเลยก็มิได้นำสืบใบมอบอำนาจที่จำเลยอ้างว่า อ. เจ้าของรถมอบอำนาจให้มาถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์หรือนำเจ้าพนักงานตำรวจที่จำเลยแสดงใบมอบอำนาจ ดังกล่าวมาเบิกความสนับสนุน ทั้งรถจักรยานยนต์ของกลาง ก็ยังอยู่ในความครอบครองของเจ้าพนักงานตำรวจซึ่ง อ. จะอนุญาตให้ถอดชิ้นส่วนรถไปโดยพลการไม่ได้ ข้ออ้างของ จำเลยจึงฟังไม่ขึ้น ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ พฤติการณ์ของจำเลยจึงมีเจตนาทุจริต แม้ว่า อ. จะทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางแต่ก็เป็นเวลา ภายหลังเกิดเหตุแล้ว ไม่ทำให้จำเลยพ้นความผิดไปได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) และ (8) วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6810/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจติดตามค่าทดแทนที่ดินและการกระทำนอกเหนืออำนาจของกรรมการจำเลย
เจ้าอาวาสของวัดจำเลยที่ 1 เพียงแต่มอบอำนาจให้ อ.ไปติดต่อเรียกร้องเงินค่าผาติกรรมจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจนเสร็จเรื่องเท่านั้น โดยไม่มีข้อตกลงที่ว่าจะให้เงินเป็นค่าตอบแทนเพื่อการนั้นแก่ อ. เลย ส่วนเอกสารข้อตกลงว่าจะให้เงินค่าตอบแทนแก่ อ. นั้น เจ้าอาวาสของจำเลยที่ 1ซึ่งถือว่าเป็นผู้แทนของนิติบุคคลจำเลยที่ 1 ก็มิได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วย ตามเอกสารดังกล่าวคงมีแต่จำเลยที่ 3 และที่ 4ลงลายมือชื่อไว้ในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 แม้จะมีข้อความระบุว่าเจ้าอาวาสของจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นผู้ดำเนินการติดตาม เรื่องที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ถูกเวนคืนจนแล้วเสร็จนั้น ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเจ้าอาวาสของจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือ มอบอำนาจให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 อีกทั้งเจ้าอาวาส ของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เคยเห็นและไม่เคยทราบเรื่องข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าว และไม่เคยแจ้งให้จำเลยที่ 4 ไปดำเนินการ เรียกค่าตอบแทนดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากมีมติของ มหาเถรสมาคมซึ่งมีขึ้นตั้งแต่ปี 2507 ว่า เงินค่าผาติกรรม ไม่สามารถนำไปใช้จ่ายในการใดได้ นอกจากจะนำผลประโยชน์ ของเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายได้เท่านั้น และมติดังกล่าวปัจจุบัน ก็ยังใช้บังคับอยู่ เจ้าอาวาสของจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับรู้ หรือได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ในข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าวด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่ผูกพัน และไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว สำหรับจำเลยที่ 2 แม้มีตำแหน่งเป็นไวยาวัจกรของจำเลยที่ 1 แต่ก็มิได้ลงลายมือชื่อในบันทึกข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าว กรณีจึงไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมตกลงที่จะให้เงิน ค่าตอบแทนแก่ อ. ตามข้อตกลงดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 4 นั้น แม้ว่าจะลงลายมือชื่อไว้ในบันทึกข้อตกลง ตามเอกสารดังกล่าวแต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่า กระทำไปในฐานะ ที่เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 เท่านั้น อ. ย่อมทราบอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ใช่เจ้าอาวาสของจำเลยที่ 1 และ เจ้าอาวาสของจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับรู้หรือให้สัตยาบันแก่ การกระทำของจำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงเป็นการกระทำโดยปราศจาก อำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด ต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ย่อมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย สำหรับจำเลยที่ 5 นั้น แม้จะมีตำแหน่งเป็น ประธานกรรมการฝ่ายฆราวาสของกองจัดการรายได้ และผลประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 5 ไม่ได้ร่วมลงลายมือชื่อในบันทึกข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าวด้วย อีกทั้งจำเลยที่ 1 ก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นกัน จำเลยทั้งห้ามีคำขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นใน ปัญหาข้อกฎหมายแม้ศาลล่างทั้งสองมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวมา ศาลฎีกาก็ไม่เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6558/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์, การมอบอำนาจ, พยานหลักฐาน, และความรับผิดของผู้ขาย
ในกรณีความผิดอาญาซึ่งกระทำต่อนิติบุคคลนั้น ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคลมีอำนาจร้องทุกข์แทนนิติบุคคลได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 3 และมาตรา 5 แต่ตาม ป.วิ.อ. ไม่ได้บัญญัติการมอบอำนาจให้ผู้แทนนิติบุคคลไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องนำ ป.วิ.พ. มาใช้เท่าที่พอจะใช้บังคับได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 15 และตาม ป.วิ.พ. มาตรา 47 วรรคสาม บัญญัติเกี่ยวกับใบมอบอำนาจที่ได้ทำในต่างประเทศ ซึ่งถ้าเป็นต่างประเทศที่มีกงสุลสยามต้องให้กงสุลนั้นเป็นพยาน แต่ถ้าได้ทำในเมืองต่างประเทศที่ไม่มีกงสุลสยาม ต้องให้เจ้าพนักงานโนตารีปับลิกหรือแมยิสเตร็ดหรือบุคคลอื่น ซึ่งกฎหมายแห่งท้องถิ่นตั้งให้เป็นผู้มีอำนาจเป็นพยานในเอกสารเช่นว่านี้และต้องมีใบสำคัญของรัฐบาลต่างประเทศแสดงว่าบุคคลที่เป็นพยานนั้นเป็นผู้มีอำนาจกระทำการได้ โดยไม่ปรากฏว่าผู้รับมอบอำนาจจะต้องลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น เมื่อหนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยได้ลงนามโดยมีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล และมีพยานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ลงลายมือชื่อไว้ หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย ผู้รับมอบอำนาจจากนิติบุคคลผู้เสียหาย ย่อมมีอำนาจมอบอำนาจช่วงให้แจ้งความร้องทุกข์ได้
แม้ว่าภาพโปรแกรมไมโครซอฟท์มันนี่ ภาพโปรแกรมอโดเบ ไทป์เมเนเจอร์ โครงสร้างแฟ้มข้อมูลของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โครงสร้างแฟ้มข้อมูลเพื่อใช้ในทางติดตั้งสำเนาโปรแกรมลงบนสื่อบันทึกถาวรในเครื่องคอมพิวเตอร์ โครงสร้างแฟ้มข้อมูลของโปรแกรมคอมพิวเตอร์เมื่อติดตั้งบนสื่อบันทึกถาวรของเครื่องคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว จะเป็นเอกสารที่ผู้เสียหายจัดทำขึ้นเอง และได้ทำขึ้นภายหลังจากที่มีการจับกุมจำเลยแล้วก็ตาม แต่เอกสารดังกล่าวไม่ใช่ของกลางในคดีอาญาหากแต่เป็นเอกสารที่ผู้เสียหายได้จัดทำขึ้นจากโปรแกรมของผู้เสียหายเพื่อพิสูจน์ว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฐานะเป็นผู้สร้างสรรค์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ดังกล่าวและแผ่นซีดีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อันเป็นวัตถุพยาน ซึ่งได้กระทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายซึ่งมีอยู่แล้วเท่านั้น ดังนั้น เอกสารที่ผู้เสียหายทำขึ้นจึงใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้
ไมโครซอฟท์มันนี่ได้เริ่มจัดพิมพ์ตั้งแต่ ค.ศ.1991 แล้วพัฒนาเพิ่มเติมเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันมีไมโครซอฟท์มันนี่ 97, 98 แล้ว ซึ่งหลังจาก ค.ศ.1991 ได้มีโปรแกรมที่พัฒนาเพิ่มเติมเป็นการวางรากฐานส่วนใหญ่มาจากโปรแกรมแรก หรือแก้ไขเพิ่มเติมจากโครงสร้างโปรแกรมหลักให้แก่โปรแกรมปี 91 โปรแกรมที่จำเลยจำหน่ายเป็นโปรแกรมปี 95 แต่โปรแกรมที่โจทก์จัดพิมพ์เพื่อใช้เปรียบเทียบนั้นเป็นโปรแกรมปี 97 แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นงานสร้างสรรค์ และมีการพัฒนาจากรากฐานเดิมไปเรื่อย ๆ โดยอาศัยโครงสร้างโปรแกรมหลักอันเดิม การที่โจทก์ฟ้องว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ไมโครซอฟท์มันนี่ 95 แต่นำโปรแกรมปี 97 ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนามาจากปี 95 มาแสดงต่อศาล เมื่อศาลได้ตรวจดูวัตถุพยานแล้วก็ปรากฏภาพโปรแกรมตรงกับเอกสารที่โจทก์จัดพิมพ์เปรียบเทียบ กรณีจึงมิใช่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) บัญญัติถึงกรณีผู้ที่กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ ให้มีความหมายรวมถึงผู้ขาย มีไว้เพื่อขายเสนอขายไว้ด้วย เมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ขายแผ่นซีดีของกลางให้แก่ผู้ซื้อ การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อันจึงเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5780/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจทนายความทำสัญญาประนีประนอม: การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.แรงงาน
ศาลแรงงานมีคำสั่งคำร้องให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบของจำเลยว่า จำเลยแต่งตั้งให้ ก.เป็นทนายความ และใบแต่งทนายความดังกล่าวระบุให้ทนายจำเลยมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่ศาลพิพากษาตามยอมจึงมิใช่การพิจารณาที่ผิดระเบียบ ถือได้ว่าศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยยินยอมให้ทนายความกรอกข้อความในใบแต่งทนายความระบุให้ทนายจำเลยมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความได้ ดังนั้น ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้มอบอำนาจให้ทนายความมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และมิได้ยินยอมให้ทนายความกรอกข้อความดังกล่าวในใบแต่งทนายความ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ จึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการพิจารณาที่ผิดระเบียบ อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5780/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจทนายความทำสัญญาประนีประนอม: อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.แรงงาน
ศาลแรงงานมีคำสั่งคำร้องให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบของจำเลยว่า จำเลยแต่งตั้งให้ ก. เป็นทนายความและใบแต่งทนายความดังกล่าวระบุให้ทนายจำเลยมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่ศาลพิพากษาตามยอมจึงมิใช่การพิจารณาที่ผิดระเบียบ ถือได้ว่าศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยยินยอมให้ทนายความกรอกข้อความในใบแต่งทนายความระบุให้ทนายจำเลยมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความได้ ดังนั้นที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้มอบอำนาจให้ทนายความมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และมิได้ยินยอมให้ทนายความกรอกข้อความดังกล่าวในใบแต่งทนายความ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบจึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการพิจารณาที่ผิดระเบียบ อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 65