พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อำนาจยิงเพื่อป้องกันตัวและการเกินกว่าเหตุ การยิงผู้ต้องสงสัยจากด้านหลังเป็นเจตนาฆ่า
ผู้ตายยิงปืนมาทางเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 1 เพียงนัดเดียวไม่ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด จำเลยที่ 1ยิงปืนโต้ตอบไปผู้ตายถูกกระสุนปืนด้านหลัง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังวิ่งหนีแต่เมื่อผู้ตายยิงปืนมาทางจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันหลังกลับมายิงจำเลยที่ 1 กับพวกซ้ำอีกหรือไม่ ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไปทีเดียว และจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะจับผู้ตายซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจยิงผู้ตายได้หากพอสมควรแก่เหตุเช่นยิงที่ขา แต่การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย 1 นัด ทางด้านหลังถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตายทันที เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายที่ไม่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้ตาย และเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส แม้มีโอกาสยิงซ้ำแต่ไม่ทำ ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
จำเลยได้ยิงปืนออกไป 3 นัด ติดๆกัน ในขณะที่ชุลมุนแย่งปืนกับผู้เสียหายกระสุนปืนนัดหนึ่งถูกที่แก้มขวาบริเวณขากรรไกรของผู้เสียหาย นัดหนึ่งถูกฝาระเบียงด้านในอีกนัดหนึ่งทะลุพื้นกระดาน ดังนี้ เห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกยิงผู้เสียหายให้ถูกที่อวัยวะสำคัญได้ เมื่อผู้เสียหายฟุบลงกันพื้นแล้ว จำเลยยังมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงปืนอีก 2 นัด จำเลยย่อมมีโอกาสยิงซ้ำได้ จำเลยก็หาได้ฉวยโอกาสนั้นเลือกยิงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ: การยิงเพื่อป้องกันชีวิตและร่างกาย
ผู้ตายทั้งสองขึ้นไปลักทรัพย์บนเรือในเวลากลางคืนโดยมีพวกหลายคน จำเลยซึ่งเป็นยามเฝ้าเรือร้องถาม ผู้ตายคนหนึ่งชักมีดโถมเข้าจะแทง จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปทางผู้ตายหลายนัดในช่วงเวลาอันกระชั้นชิดนั้น ถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งส่วนตัวและการเตรียมการ
จำเลยเคยเป็นลูกจ้างผู้เสียหาย (โจทก์ร่วม) ก่อนเกิดเหตุจำเลยมาสมัครเป็นคนขับรถบรรทุกแต่ผู้เสียหายไม่รับ จำเลยขอเบิกเงินค่าจ้างให้กับคนขับรถบรรทุกของผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายให้ จำเลยก็กล่าวคำอาฆาตว่าวันนี้เป็นวันของมึง วันข้างหน้าเป็นวันของกู ก่อนเกิดเหตุวันหนึ่งจำเลยก็มาที่บ้านผู้เสียหายแต่ไม่ได้พบผู้เสียหาย ในวันเกิดเหตุจำเลยเตรียมซองจดหมายจ่าหน้าซองถึงผู้เสียหายเพื่อจะได้พบกับผู้เสียหาย เมื่อได้พบแล้วจำเลยก็ส่งซองจดหมายให้ผู้เสียหายรับไปแล้วยิงผู้เสียหาย ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยเจตนายิงผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากการยิงใส่เรือหาปลา ผู้กระทำเล็งเห็นผลถึงแก่ความตาย
จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงไปยังเรือหาปลาของผู้ตายกับพวกเป็นชุด ๆ จำนวนหลายสิบนัด ซึ่งจำเลยทั้งสี่รู้ดีว่าในเรือหาปลาดังกล่าวมีคนอยู่ จำเลยทั้งสี่ย่อมเล็งเห็นผลว่า กระสุนปืนอาจถูกคนในเรือถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิงด้วยอาวุธร้ายแรง ศาลพิพากษาว่ามีเจตนาฆ่าจริง
จำเลยใช้ไม้รวกตีที่ไหล่โจทก์ร่วม 1 ที โจทก์ร่วมวิ่งหนี จำเลยชักปืนสั้นจ้องไปทางโจทก์ร่วมในระยะห่างกันเพียง 2 วา น. ตบมือจำเลยเพื่อไม่ให้ยิงโจทก์ร่วมปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด น.แย่งปืนจากจำเลย จำเลยจึงยิงไปที่โจทก์ร่วมอีก 1 นัด ขณะอยู่ห่างกันประมาณ 3 เมตร กระสุนปืนถูกโคนขาอ่อนโจทก์ร่วมทะลุ ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง จำเลยยิงโจทก์ร่วมในระยะดังกล่าว หากกระสุนปืนถูกอวัยวะสำคัญก็ทำให้ถึงแก่ความตายได้ เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ไม่ใช่เพียงทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงต่อเนื่องทำให้ผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าหลายกรรม
จำเลยยิง พ. 2 นัด แล้วเจตนายิง ส. และก.ซึ่งเดินตามพ. มาด้วยอีก กระสุนปืนถูก พ. ตาย ส. ถูกยิง 2 นัด เป็นอันตรายสาหัสกระสุน 1 นัดเฉียด ก. ไปดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนกรรมหนึ่งกับฐานพยายามฆ่าผู้อื่นอีก 2 กรรม ชั้นอุทธรณ์โจทก์ไม่อุทธรณ์ศาลฎีกาแก้บทให้ถูกต้องเป็น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และ288,80แต่ไม่แก้โทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินเหตุ: การยิงเพื่อป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้ายด้วยจอบ
ค. ใช้จอบจะฟันจำเลยซึ่งมาเปิดน้ำเข้านาโดยพลการ จำเลยยิง ค. 3 นัด ค. หนี จำเลยตามยิงอีก 2 นัด ตายทันทีเป็นการป้องกันเกินแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่าเหตุ: จำเลยยิงผู้ทำร้ายด้วยไม้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบด้วยเหตุผล
ส. ใช้ไม้เหลี่ยมยาว 1 ศอก ตีจำเลย จำเลยใช้ปืนยิง2 นัด ส. ตายเป็นป้องกันเกินกว่าเหตุ แม้จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงหน้าที่โจทก์นำสืบตามฟ้อง เมื่อได้ความว่าจำเลยยิงป้องกัน แต่เกินกว่าเหตุศาลลงโทษและลดโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าจากการยิงด้วยอาวุธปืน แม้เป็นการป้องกัน แต่เกินกว่าเหตุ
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายในระยะ 4 - 5 เมตร ถูกผู้เสียหายที่ตะโพกซ้าย แสดงว่าจำเลยเจตนายิงไปที่ลำตัวของผู้เสียหายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย เหตุที่กระสุนปืนถูกที่ตะโพกซ้าย เชื่อได้ว่าเพราะจำเลยยิงไม่แม่นยำ การยิงของจำเลยอยู่ในลักษณะที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับพวกกำลังกลุ้มรุมทำร้ายน. การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน น.ให้พ้นภยันตรายจากการถูกทำร้าย แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไร การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับพวกกำลังกลุ้มรุมทำร้ายน. การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน น.ให้พ้นภยันตรายจากการถูกทำร้าย แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไร การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ