คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รถจักรยานยนต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการกระทำผิด แต่ไม่ได้ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง
จำเลยขี่รถจักรยานยนต์พา ข. นั่งซ้อนท้ายไปยิงผู้เสียหายโดย ข. เป็นผู้ยิง แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย ดังนี้รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ของที่ใช้ร่วมในการกระทำผิดแต่เป็นเพียงพาหนะที่ใช้ในการไปมาเท่านั้น จึงไม่ใช่ของกลาง ที่จะพึงริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจร: การรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายเพื่อเรียกค่าไถ่รถจักรยานยนต์
จำเลยที่ 2 จดหมายเลขเครื่องรถจักรยานยนต์ที่ถูกชิงไปให้ผู้เสียหายดู ถ้าใช่ของผู้เสียหายก็ให้เอาเงินมาไถ่และบอกให้ตำรวจผู้จับไปเอารถของกลางคืนมาจากจำเลยที่ 1 ได้เป็นการรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายเรียกเงินค่าไถ่รถ ช่วยจำหน่ายตาม มาตรา357

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ และใช้เอกสารราชการปลอม ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยเขียนหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นลงไว้ที่แผ่นเหล็กท้ายรถจักรยานยนต์คันของกลาง แม้จำเลยจะเขียนหมายเลขดังกล่าวด้วยตนเองโดยมีลักษณะขนาดตัวหนังสือและตัวเลขไม่เหมือนกับป้ายหมายเลขทะเบียนที่แท้จริง ซึ่งทางราชการกรมตำรวจจัดทำขึ้นก็ตาม แต่เมื่อจำเลยกระทำด้วยเจตนาทำเทียมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และโดยลักษณะที่อาจจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และเมื่อจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางที่ดินป้ายหมายเลขทะเบียนปลอมที่จำเลยทำขึ้นดังกล่าวขับขี่ไปจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงยุติว่าจำเลยกับพวกวิ่งราวเครื่องรับวิทยุพร้อมเครื่องบันทึกเสียงของนายเฮ้าตงไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมเช่นนี้ รถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยกับพวกใช้ในการกระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336ทวิ ศาลมีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อการสูญหายของรถจักรยานยนต์ที่ไม่ใช่ของมีค่า
คำว่า "ของมีค่า" ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรค 2 นั้น หมายถึงทรัพย์สินที่มีคุณค่าอันมีลักษณะพิเศษทำนองเดียวกันเงินทองตรา ธนบัตร ตั๋วเงิน ฯลฯ แต่รถจักรยานยนต์เป็นเพียงทรัพย์สินตามธรรมดาทั่ว ๆ ไป จึงถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าตามบทบัญญัติดังกล่าว ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้ฝากรถจักรยานยนต์ไว้กับพนักงานโรงแรมของจำเลย แล้วรถจักรยานยนต์ดังกล่าวหายไป จำเลยเป็นเจ้าของสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดตามมาตรา 674, 675 วรรคหนึ่ง จะรับผิดเพียง 500 บาท ตามมาตรา 675 วรรค 2 ไม่ได้
ศาลชั้นต้นฟังว่า รถจักรยานยนต์หายไปโดยมิใช่ความผิดของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยใช้ราคารถจักรยานยนต์ 12,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่า โจทก์นำรถจักรยานยนต์เข้าเก็บในโรงแรมโดยไม่ใส่กุญแจรถเป็นความผิดของโจทก์ ดังนี้เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของลูกค้า: รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ 'ของมีค่า' ตามกฎหมาย
คำว่า 'ของมีค่า' ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง นั้นหมายถึงทรัพย์สินที่มีคุณค่าอันมีลักษณะพิเศษทำนองเดียวกับเงินทองตรา ธนบัตร ตั๋วเงิน ฯลฯ แต่รถจักรยานยนต์เป็นเพียงทรัพย์สินตามธรรมดาทั่วๆ ไป จึงถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าตามบทบัญญัติดังกล่าว ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้ฝากรถจักรยานยนต์ไว้กับพนักงานโรงแรมของจำเลย แล้วรถจักรยานยนต์ดังกล่าวหายไป จำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดตามมาตรา 674,675 วรรคหนึ่ง จะรับผิดเพียง 500 บาทตามมาตรา 675 วรรคสองไม่ได้
ศาลชั้นต้นฟังว่า รถจักรยานยนต์หายไปโดยมิใช่ความผิดของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยใช้ราคารถจักรยานยนต์ 12,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่าโจทก์นำรถจักรยานยนต์เข้าเก็บในโรงแรมโดยไม่ใส่กุญแจรถเป็นความผิดของโจทก์ดังนี้เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรถที่ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของ: กรณีผู้ใช้รถโดยปกติ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์โดยละเมิด แต่ได้ความว่ารถจักรยานยนต์เป็นของน้องชายโจทก์โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถ และการที่เกิดเหตุชนกันก็เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ของโจทก์โดยปกติธรรมดา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยใช้ค่าซ่อมรถและค่าเสื่อมราคา ซึ่งเป็นค่าเสียหายที่เกี่ยวกับรถโดยตรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธปืน ร่วมกับพวกรถจักรยานยนต์
จำเลยกับพวกรวม 3 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่ขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มือจับแขนผู้เสียหายซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วจำเลยดึงคอเสื้อ จนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเซ และกระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไป ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอนสิทธิจากการซื้อขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมย และอายุความของคดีรอนสิทธิ
โจทก์ซื้อรถจักรยานยนต์จากร้านจำเลยร่วม ต่อมาความปรากฏว่ารถคันนั้นเป็นของ ค.ที่หายไป ตำรวจจับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการร้านจำเลยร่วมเป็นผู้ต้องหาฐานรับของโจทก์และยึดรถคันดังกล่าวไว้ ดังนี้แม้โจทก์จะได้รถจักรยานยนต์จากการซื้อขายในท้องตลาดและมีสิทธิที่จะติดตามเอารถคืนได้ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏชัดแจ้งแล้วว่ารถเป็นของ ค.ที่หายไป ซึ่งโจทก์จะต้องคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริงและพนักงานสอบสวนคดีที่จำเลยต้องหาว่ารับของโจรนั้นก็ว่า ถึงโจทก์จะไปขอรับรถจักรยานยนต์นั้นคืนก็ไม่คืนให้ จำเลยในฐานะผู้ขายจึงยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์ เพราะทรัพย์สินที่ซื้อขายหลุดไปจากโจทก์ เพราะเหตุแห่งการรอนสิทธิตามมาตรา 479 และแม้โจทก์จะมีสิทธิเรียกร้องเอารถคืนหรือขอให้ชดใช้ราคาจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าของรถโดยตรงตามมาตรา 1332 ก็มิได้หมายความว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยในเหตุรอนสิทธิไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้ามไว้
ความรับผิดในการรอนสิทธิของจำเลยมีมูลมาจากสัญญาซื้อขาย การที่โจทก์ไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์และต้องว่าจ้างรถคันอื่นไปใช้งาน จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดสัญญาโจทก์ย่อมมีสิทธิให้จำเลยใช้ราคารถและค่าเสียหายนั้นได้
การยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้อง ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 481 บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องคดีในข้อความรับผิดเพื่อการรอนสิทธิเมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนั้น ต้องเป็นการยอมโดยสมัครใจ การที่ตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ไปจากโจทก์ด้วยอำนาจของกฎหมายซึ่งโจทก์จำต้องยอมให้ยึด มิฉะนั้นโจทก์อาจจะต้องมีความผิดในทางอาญานั้น ความรับผิดของจำเลยผู้ขายไม่อยู่ในบังคับอายุความตามมาตรา 481 แต่ต้องอยู่ในบังคับอายุความตามมาตรา 165 ซึ่งมีอายุความ 10 ปี
(วรรค 3 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอนสิทธิจากการซื้อขายรถจักรยานยนต์คันที่ถูกขโมยมา ผู้ขายต้องรับผิดชอบต่อผู้ซื้อ
โจทก์ซื้อรถจักรยานยนต์จากร้านจำเลยร่วม ต่อมาความปรากฏว่ารถคันนั้นเป็นของ ค. ที่หายไป ตำรวจจับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการร้านจำเลยร่วมเป็นผู้ต้องหาฐานรับของโจรและยึดรถคันดังกล่าวไว้ ดังนี้แม้โจทก์จะได้รถจักรยานยนต์จากการซื้อขายในท้องตลาดและมีสิทธิที่จะติดตามเอารถคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏชัดแจ้งแล้วว่ารถเป็นของ ค. ที่หายไป ซึ่งโจทก์จะต้องคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริงและพนักงานสอบสวนคดีที่จำเลยต้องหาว่ารับของโจรนั้นก็ว่าถึงโจทก์จะไปขอรับรถจักรยานยนต์นั้นคืนก็ไม่คืนให้จำเลยในฐานะผู้ขายจึงยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์ เพราะทรัพย์สินที่ซื้อขายหลุดไปจากโจทก์ เพราะเหตุแห่งการรอนสิทธิตามมาตรา 479และแม้โจทก์จะมีสิทธิเรียกร้องเอารถคืนหรือขอให้ชดใช้ราคาจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าของรถโดยตรงตามมาตรา 1372 ก็มิได้หมายความว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยในเหตุรอนสิทธิไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้ามไว้
ความรับผิดในการรอนสิทธิของจำเลยมีมูลมาจากสัญญาซื้อขาย การที่โจทก์ไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์และต้องว่าจ้างรถคนอื่นไปใช้งาน จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดสัญญาโจทก์ย่อมมีสิทธิให้จำเลยใช้ราคารถและค่าเสียหายนั้นได้
การยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้อง ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องคดีในข้อความรับผิดเพื่อการรอนสิทธิเมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนั้น ต้องเป็นการยอมโดยสมัครใจ การที่ตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ไปจากโจทก์ด้วยอำนาจของกฎหมายซึ่งโจทก์จำต้องยอมให้ยึด มิฉะนั้นโจทก์อาจจะต้องมีความผิดในทางอาญานั้น ความรับผิดของจำเลยผู้ขายไม่อยู่ในบังคับอายุความตามมาตรา 481 แต่ต้องอยู่ในบังคับอายุความตามมาตรา 165ซึ่งมีอายุความ 10 ปี (วรรคสามวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)
of 11