พบผลลัพธ์ทั้งหมด 110 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับหนี้ตามเช็คและการห้ามจ่ายโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยคืนรถและมีข้อพิพาทเรื่องค่าสึกหรอ
โจทก์ขายรถแทรกเตอร์ให้แก่จำเลย โดยจำเลยออกเช็คล่วงหน้าชำระหนี้ค่ารถให้โจทก์ไว้ 4 ฉบับ โจทก์นำเช็คสองฉบับแรกไปขึ้นเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากจำเลยมีคำสั่งให้ระงับการจ่าย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในวันที่ 11 พฤษภาคม2524 โจทก์มีหนังสือผ่อนผันแก่จำเลยอีก 4 วัน ในวันเดียวกันนั้นจำเลยได้นำรถแทรกเตอร์มาคืนโจทก์แล้วสั่งธนาคารให้ระงับการจ่ายเงินตามเช็ค เนื่องจากโจทก์ซ่อมและนำรถแทรกเตอร์ให้ไม่ได้ดังที่สัญญาไว้และจำเลยคืนรถแทรกเตอร์ให้โจทก์ไปแล้ว โจทก์ได้นำเช็คไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่13 เดือนเดียวกันเช่นนี้ หนี้ที่จำเลยจะต้องชำระราคาค่ารถแทรกเตอร์ ตามที่ระบุจำนวนไว้ในเช็คจึงระงับไปแล้วมูลหนี้ตามเช็คย่อมไม่มี การที่จำเลยห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คจึงมิใช่เป็นการห้าม โดยเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คและการผิดนัดชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ผลของการทำเช็คหายต่อการระงับหนี้
บทบัญญัติมาตรา 321 วรรคท้ายมิได้จำกัดว่า ต้องเป็นกรณีผู้ทรงได้นำตั๋วเงินไปยื่นเพื่อให้ใช้เงินแล้ว แต่ผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินหนี้เดิมจึงจะไม่ระงับ แม้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เป็นผู้ทำเช็คที่จำเลยโอนชำระหนี้หายไป จึงมิได้นำเช็คไปยื่นเพื่อให้ใช้เงิน และไม่มีการใช้เงินตามเช็คนั้นก็อยู่ในบังคับของมาตรานี้ อันมีผลว่าหนี้เดิมยังไม่ระงับไปเช่นเดียวกัน การที่โจทก์เพิ่งแจ้งเหตุขัดข้องในการเรียกเก็บเงินตามเช็คดังกล่าวให้จำเลยทราบ จำเลยจะได้รับความเสียหายอย่างไรหรือไม่ ย่อมเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากมูลหนี้เดิม เมื่อมูลหนี้ดังกล่าวยังมีอยู่ไม่ระงับไป จำเลยย่อมมีหน้าที่ต้องชำระหนี้นั้นให้แก่โจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยเป็นผู้ออกข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยมอบเช็คซึ่งมี อ. เป็นผู้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันเดียวกันกับที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน เช็คนั้นถึงกำหนดใช้เงินก่อนตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงิน อ. มีฐานะการเงินเป็นที่เชื่อถือในวงการค้า เชื่อได้ว่าหากโจทก์นำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินโจทก์ก็จะได้รับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จึงตกเป็นผู้ผิดนัด ซึ่งตามมาตรา 221 มิให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างนั้น จำเลยจึงไม่ต้องชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงิน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยเป็นผู้ออกข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยมอบเช็คซึ่งมี อ. เป็นผู้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันเดียวกันกับที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน เช็คนั้นถึงกำหนดใช้เงินก่อนตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงิน อ. มีฐานะการเงินเป็นที่เชื่อถือในวงการค้า เชื่อได้ว่าหากโจทก์นำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินโจทก์ก็จะได้รับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จึงตกเป็นผู้ผิดนัด ซึ่งตามมาตรา 221 มิให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างนั้น จำเลยจึงไม่ต้องชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยการโอนตั๋วเงินและการระงับหนี้เฉพาะส่วนเมื่อตั๋วเงินไม่ใช้เงิน
การที่จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ให้แก่โจทก์ด้วยเช็ค ซึ่ง ช.เป็นผู้สั่งจ่ายนั้น ย่อมเป็นการชำระหนี้ด้วยการโอนตั๋วเงินให้ หนี้นี้จะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อตั๋วเงินนั้นได้ใช้เงินแล้ว ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้ตามเช็คจาก ช.แล้วบางส่วน หนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงระงับไปเพียงเท่าจำนวนนั้น ที่เหลือนั้นจำเลยยังต้องรับผิดต่อโจทก์อยู่ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น หาได้มีสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช. ในอันที่จะแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากจำเลยเป็น ช.ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากการยอมรับเช็คจากบุคคลที่สาม ทำให้หนี้เดิมระงับ
จำเลยออกเช็คพิพาทชำระราคาสินค้าที่ตกลงซื้อจากโจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นต่อมาฝ่ายจำเลยติดต่อขายสินค้านั้นต่อให้กับ พ. และโจทก์ยอมรับเช็คจาก พ. ไว้เป็นการชำระราคาสินค้าที่ส่งขายให้แก่จำเลยไว้เดิมเช่นนี้แสดงว่าโจทก์ยอมรับเอา พ. เข้าเป็นลูกหนี้แทนที่จำเลยลูกหนี้เดิมแล้ว ย่อมเป็นการแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 350 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์อีก เพราะไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องกันได้ต่อไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2325/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันยังคงมีผล แม้มีการลดหนี้และทำสัญญาประนีประนอม เพราะหนี้เดิมยังไม่ระงับ
แม้สัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ ซึ่งตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 ห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งแต่จำเลยได้ให้การและนำสืบรับเข้ามาว่าได้ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันดังกล่าวจริง ศาลจึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาคดี
จำเลยค้ำประกัน ธ.ที่ทำงานกับโจทก์100,000บาทธ. ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์จำเลยยอมความกัน โจทก์ลดจำนวนเงินลงเหลือ 380,000 บาท ธ.ยอมใช้เงินโดยชำระในวันนั้นส่วนหนึ่งที่เหลือมีน.น้องธ. และภริยาธ. ออกเช็คลงวันล่วงหน้าให้กับทำสัญญาค้ำประกันให้ด้วย โจทก์ถอนคำร้องทุกข์ ศาลจำหน่ายคดีที่ ธ.ถูกฟ้องเรื่องยักยอกเช็คของน.และธ. รับเงินไม่ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันได้ การที่โจทก์ลดหนี้ให้ธ.และธ.ยังไม่ได้ใช้หนี้หนี้เดิมยังไม่ระงับและธ.ไม่ได้สละสิทธิหรือได้สิทธิอะไรจากโจทก์ ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้เดิมยังอยู่ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันเดิมให้จำเลยรับผิด 100,000 บาทได้
จำเลยค้ำประกัน ธ.ที่ทำงานกับโจทก์100,000บาทธ. ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์จำเลยยอมความกัน โจทก์ลดจำนวนเงินลงเหลือ 380,000 บาท ธ.ยอมใช้เงินโดยชำระในวันนั้นส่วนหนึ่งที่เหลือมีน.น้องธ. และภริยาธ. ออกเช็คลงวันล่วงหน้าให้กับทำสัญญาค้ำประกันให้ด้วย โจทก์ถอนคำร้องทุกข์ ศาลจำหน่ายคดีที่ ธ.ถูกฟ้องเรื่องยักยอกเช็คของน.และธ. รับเงินไม่ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันได้ การที่โจทก์ลดหนี้ให้ธ.และธ.ยังไม่ได้ใช้หนี้หนี้เดิมยังไม่ระงับและธ.ไม่ได้สละสิทธิหรือได้สิทธิอะไรจากโจทก์ ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้เดิมยังอยู่ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันเดิมให้จำเลยรับผิด 100,000 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีไม่มีทุนทรัพย์: การฟ้องขอคืนเช็คเพื่อระงับหนี้ ไม่ใช่การฟ้องเพื่อเอาทรัพย์สิน
ตามฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องอ้างว่าหนี้ระงับแล้ว ขอให้บังคับจำเลยส่งคืนเช็คสองฉบับให้โจทก์ตามสัญญา มิใช่เป็นการฟ้องเรียกร้องกระดาษเช็คในฐานะที่เป็นทรัพย์สินที่มีราคามาเป็นของโจทก์ เพราะโจทก์หาได้ประสงค์จะถือเอาประโยชน์จากเช็คอันมีมูลค่าฉบับละ 25 สตางค์นั้นไม่ และหาใช่หนี้ตามเช็คระงับต่อเมื่อโจทก์ได้รับเช็คพิพาทคืนมาไม่แต่เป็นคำฟ้องที่อ้างว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้แล้ว ดังนี้ เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ อยู่ในอำนาจศาลจังหวัดพิจารณาพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยการสละการครอบครองที่ดิน: ราคาตลาดและผลของการระงับหนี้
กู้เงินแล้วผู้กู้ทำหนังสือสละการครอบครองที่ดินมือเปล่าให้เป็นการชำระหนี้เมื่อถึงกำหนดใช้เงินแล้ว ผู้ให้กู้ตกลงยอมรับ ผู้ให้กู้เข้าครอบครองได้ทันที ถือเป็นการชำระหนี้ คิดราคาท้องตลาดเท่ากับจำนวนหนี้ตามมาตรา 656 หนี้ระงับตามมาตรา 321
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จำนองระงับด้วยสัญญาประนีประนอม สิทธิบังคับคดีตามสัญญาใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระหนี้จำนอง แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมชำระหนี้จำนอง ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ ถือว่าเป็นเพียงฟ้องในมูลหนี้สามัญ และมีผลทำให้หนี้เดิมระงับ เกิดหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นๆ ของจำเลยรวมทั้งทรัพย์ที่จำนองได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1683/2498,127/2506 และ 989/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จัดการงานนอกสั่งและการระงับหนี้ค่าซ่อมรถยนต์จากประกันภัยค้ำจุน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยตามกรมธรรม์ประกันภัยมีว่า โจทก์จะใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกรายหนึ่ง ๆ ไม่เกิน 10,000 บาท รถยนต์ของจำเลยคันนั้นได้ชนกับรถยนต์คันอื่น ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดชอบโจทก์ได้ซ่อมรถคันที่ถูกชนนั้นสิ้นเงินไป 25,000 บาท ขอให้จำเลยใช้เงิน 15,000 บาท ที่โจทก์จ่ายเกินไปให้โจทก์ดังนี้ บุคคลภายนอกผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับเงินค่าซ่อมรถจากโจทก์เป็นจำนวนเท่าที่โจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์ส่วนจำนวนที่ยังขาดอยู่นั้นชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ให้ โจทก์ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะจ่ายเงินค่าซ่อมรถให้ผู้ต้องเสียหายเกินกว่าความรับผิดของตนซึ่งจำกัดไว้เพียง 10,000 บาท แต่เมื่อได้จ่ายไปแล้วแม้จำเลยจะไม่ได้มอบหมายให้จัดการแทนก็ตาม ก็ย่อมเป็นผลทำให้หนี้ค่าซ่อมรถที่ยังขาดอยู่นั้นระงับไป และจำเลยหลุดพ้นความรับผิดต่อผู้ต้องเสียหายจึงอาจสมประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นตัวการและต้องตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการหรือความประสงค์ตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ กรณีตามฟ้องเป็นเรื่องจัดการงานนอกสั่งที่อาจจะก่อให้เกิดหนี้ที่ผูกพันจำเลยให้ต้องชดใช้เงินที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการได้ออกทดรองจัดการงานให้จำเลยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 401 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยศาลชอบที่จะรับฟ้องไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีเจตนาคืนเช็ค การผ่อนชำระหนี้ตามเช็คไม่ใช่การระงับหนี้
บันทึกของพนักงานสอบสวนมีความว่า 'ต่อมาในวันนี้ ได้เรียกนายฮั่งตังแซ่อึ้ง (คือจำเลยที่ 1) พร้อมกับนายไพบูลย์แสงเจริญตระกูล (คือโจทก์) ทั้งสองฝ่ายมา สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง 1 ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วทางฝ่ายนายฮั่งตังแซ่อึ้ง ได้รับว่าตนได้ขอยืมเงินสด จำนวน 50,000 บาท จากนายไพบูลย์แสงเจริญตระกูล ไปจริงและได้ออกเช็คของธนาคารไทยพัฒนาทั้งสองฉบับ ไว้เป็นหลักค้ำประกันเงินที่ขอยืมไปจริง ในวันนี้ได้ทำการตกลงกันได้ความว่า ทางฝ่ายนายฮั่งตัง แซ่อึ้ง ยินยอมผ่อนชำระให้เป็นรายเดือน เดือนละ2,000 บาท โดยจะนำเงินมาชำระให้ในวันที่ 15 ของทุก ๆ เดือน จนกว่าจะหมดจำนวนเงินที่ค้างอยู่ เห็นว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ จึงได้จัดทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน' ดังนี้ หาเข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ เพราะมิได้กล่าวถึงการคืนเช็คหรือยกเลิกเพิกถอนเช็ค เป็นเพียงความตกลงในการผ่อนชำระหนี้ตามเช็คเท่านั้น สิทธิและความรับผิดชอบระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ตามเช็คนั้นยังคงมีอยู่หาได้ระงับสิ้นไปไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินตามเช็คทั้งสองฉบับได้