คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รังวัดที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 84 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นบังคับคดีเดิมเกี่ยวกับการรังวัดที่ดินและแนวเขตที่พิพาทแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า ได้นำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดิน 3 แปลงเพื่อขอรับโฉนด แต่จำเลยคัดค้านว่าเป็นที่สาธารณ ศาลให้ทำแผนที่วิวาทและพิพากษาว่าที่ดินตามแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้ใหม่ว่าโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินรายนี้ชนะคดี จำเลยคัดค้านว่าโจทก์นำวัดรุกล้ำที่สาธารณไม่รับรองเขตให้ เจ้าพนักงานจึงออกโฉนดให้โจทก์ไม่ได้จึงขอให้จำเลยรับรองแนวเขตอย่าให้ขัดขวางในการที่โจทก์จะออกโฉนด ดังนี้ เป็นกรณีที่น่าจะบังคับกันได้ในการบังคับคดีเรื่องก่อน จึงเป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาว่าจ้างรังวัดที่ดินและการบังคับตามสัญญาเมื่อคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตาม
โจทก์จำเลยทำสัญญาให้กรรมการวัดสอบเขตที่ดินตามเนื้อที่ในโฉนดของโจทก์ หากปรากฏว่าจำเลยปลูกรั้วล้ำเข้าไปในเขตของโจทก์จำเลยยอมรื้อรั้ว เมื่อเริ่มรังวัดเพียงด้านหนึ่ง ปรากฏว่ารั้วของจำเลยล้ำเข้าไปในเขตที่ของโจทก์ 1.20 เมตร จำเลยจึงไม่ยอมให้วัดต่อไป สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวนี้ย่อมเป็นสัญญาที่ใช้บังคับกันได้ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้กรรมการวัดตามสัญญาที่ตกลงกัน จำเลยก็เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ย่อมจะมาฟ้องขอให้บังคับจำเลยมิให้ขัดขวางในการที่กรรมการจะทำการตามสัญญานั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงรังวัดที่ดินเป็นผลผูกพันคู่กรณี ศาลต้องใช้ผลรังวัดตามข้อตกลงนั้น แม้ฝ่ายหนึ่งจะขอรังวัดใหม่ภายหลัง
โจทก์จำเลยตกลงกันให้รังวัดที่พิพาท ถ้าจำเลยรุกที่โจทก์ จำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่รุกโจทก์ยอมถอนฟ้อง ดังนี้ ต่อมาได้รังวัดแล้วฝ่ายใดฝ่ายเดียวจะแก้ไขข้อตกลงนั้นไม่ได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่รุกที่โจทก์ โจทก์ไม่ถอนฟ้อง ศาลก็พิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579-1580/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของเจ้าของร่วม & ผลการรังวัดที่ดินตามข้อตกลงในศาล
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อในโฉนดร่วมกับบุตรของโจทก์โจทก์โดยลำพังคนเดียวย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับการที่มีผู้ปลูกโรงเรือนล้ำเข้ามาในเขตโฉนดรายนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของร่วมคนอื่น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยเจตนาสร้างความเสียหาย และความรับผิดชอบในค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้า
โจทก์นำเจ้าพนักงานรังวัดแบ่งแยกโฉนดจำเลยซึ่งมีที่ดินติดต่อได้ ฟ้องคัดค้านและว่าจะขอรอสอบเขตเสียก่อน แต่แล้วก็ไม่จัดการอย่างไร โจทก์ร้องขอรังวัดครั้งที่สองก็ไปคัดค้านอีก จึงเป็นการกระทำซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหาย ต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์จะแบ่งที่ดินขายใช้หนี้จำนอง จำเลยคัดค้านการแบ่งแยกโฉนด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยจำนองนานขึ้น แต่โจทก์ละเลยมิได้บอกให้จำเลยรู้ถึงเสียค่าเสียหายอันผิดปกตินี้จึงนับว่าเป็นความผิดของโจทก์ประกอบอยู่ด้วย ศาลย่อมอาศัยพฤติการณ์นั้นประมาณกำหนดลดหย่อนค่าเสียหายลงได้ตามที่เห็นสมควร
บิดาไปคัดค้านการรังวัดที่ดินแทนบุตรอันเป็นการละเมิดผู้อื่น บุตรย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินโดยกำนันนอกกระบวนการตามกฎหมาย และการเรียกเก็บค่าบริการ ไม่เป็นความผิดตามก.ม.ลักษณะอาญา
กฎกระทรวงเกษตราธิการออกตามความใน พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉะบับที่ 6) พ.ศ. 2479 วางระเบียบในเรื่องการขอจับจองที่ดินไว้ว่า ให้ผู้ขอจับจองยื่นเรื่องราวขอจับจองตามแบบฟอร์ม เมื่อกรมการอำเภอได้รับคำขอแล้วให้นายอำเภอ หรือผู้แทนจะเป็นกำนันหรือเจ้าหน้าที่อื่นก็ได้ ไปทำการชัณสูตร
ยังที่ดินพร้อมด้วยผู้ขอฉะนั้นถ้าราษฎรผู้ขอจับจองได้ตรงไปให้กำนันรังวัดที่ดินและออกหนังสือรับรองเสียก่อน แล้ว จึงมายื่นคำขอจับจองต่ออำเภอในภายหลัง ทั้งหนังสือรับรองของกำนันก็มิได้เขียนลงในแบบฟอร์มตามกฎกระทรวง เช่นนี้ ต้องถือว่ากำนันทำขึ้นเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ทำตามหน้าที่ ไม่เป็นหนังสือรับรองตามกฎหมาย ฉะนั้นแม้กำนันจะ
เรียกร้องเอาเงินจากราษฎรผู้ขอ เป็นค่าช่วยการของตนคิดตามราคาเนื้อที่ดินรังวัดก็ดี กำนันนั้นก็ยังไม่มีผิด ตาม
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 137./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันรังวัดที่ดินนอกหน้าที่โดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่เป็นหนังสือรับรองตามกฎหมาย ไม่ผิดตามมาตรา 137
กฎกระทรวงเกษตราธิการออกตามความใน พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479 วางระเบียบในเรื่องการขอจับจองที่ดินไว้ว่าให้ผู้ขอจับจองยื่นเรื่องราวขอจับจองตามแบบฟอร์มเมื่อกรมการอำเภอได้รับคำขอแล้วให้นายอำเภอหรือผู้แทนจะเป็นกำนันหรือเจ้าหน้าที่อื่นก็ได้ ไปทำการชันสูตรยังที่ดินพร้อมด้วยผู้ขอฉะนั้นถ้าราษฎรผู้ขอจับจองได้ตรงไปให้กำนันรังวัดที่ดินและออกหนังสือรับรองเสียก่อนแล้วจึงมายื่นคำขอจับจองต่ออำเภอในภายหลังทั้งหนังสือรับรองของกำนันก็มิได้เขียนลงในแบบฟอร์มตามกฎกระทรวงเช่นนี้ ต้องถือว่ากำนันทำขึ้นเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ทำตามหน้าที่ ไม่เป็นหนังสือรับรองตามกฎหมายฉะนั้นแม้กำนันจะเรียกร้องเอาเงินจากราษฎรผู้ขอ เป็นค่าป่วยการของตนคิดตามราคาเนื้อที่ดินรังวัดก็ดีกำนันนั้นก็ยังไม่มีผิด ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องรังวัดเพื่อออกโฉนดให้ผู้อื่น แม้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ผู้มีกรรมสิทธิหรือมีสิทธิครอบครองที่ดิน ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ที่นำเจ้าพนักงานที่ดินมารังวัดที่นั้นเพื่อออกโฉนดให้เป็นของผู้อื่นเป็นจำเลย โดยฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิหรือสิทธิครอบครองที่นั้นและห้ามมิให้มารบกวนการครอบครองที่นั้นได้ แม้ว่าจำเลยจะกระทำไปตามหน้าที่ราชการและอาศัยสิทธิของบุคคลที่ 3 ก็ดี ก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะเรียกบุคคลที่ 3 ซึ่งจำเลยอาศัยสิทธินั้นเข้ามาในคดี,หาใช่เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องฟ้องบุคคลที่ 3 ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์นั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2484

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินโดยมิชอบและละเมิดสิทธิครอบครอง การกระทำตามหน้าที่ราชการมิอาจเป็นเหตุให้พ้นความรับผิด
นายอำเภอรังวัดที่ดินของผู้อื่นเพื่ออกโฉนดให้แก่ศาลเจ้า เจ้าของที่ดินฟ้องขอห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องได้นายอำเภอจะอ้างว่าทำการตามหน้าที่หรือตามคำสั่งเพื่อให้พ้นจากการถูกฟ้องดังกล่าวนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดรังวัดที่ดินเกินแนวเขต, ค่าเสียหาย, การชำระหนี้, ศาลแก้คำพิพากษา
ปัญหาเรื่องโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจำเลยทั้งห้าชอบที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ จึงเป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง
จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 เป็นเจ้าหน้าที่ตามความหมายของมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เมื่อการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ต่อโจทก์ทั้งสองเป็นการกระทำในการปฏิบัติหน้าที่แทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 อันเป็นหน่วยงานของรัฐโดยตรง แต่จะฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ที่ได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5
สำนวนแรกโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวก เรื่องละเมิดที่จำเลยที่ 5 ชี้และปักหลักหมุดกำหนดแนวเขตทางรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกให้การว่าการชี้แนวเขตทางของจำเลยไม่เป็นละเมิดขอให้ยกฟ้อง คดีจึงมีประเด็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองหรือไม่ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองแล้วพิพากษาว่าที่ดินยังเป็นของโจทก์ทั้งสอง มิได้ถูกเวนคืน แต่หากฝ่ายจำเลยก่อสร้างถนนบนที่ดินพิพาทแล้ว ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ทั้งสองที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความ ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 2 ก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินบนที่ดินพิพาทเสร็จแล้ว โจทก์ทั้งสองจึงนำคดีมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกชดใช้ค่าเสียหาย จึงเป็นการยื่นคำฟ้องต่อเนื่องกันกับสำนวนแรก เพื่อเรียกร้องเอาค่าเสียหายที่ศาลฎีกามิได้พิพากษาให้ การฟ้องสำนวนหลังจึงมิได้อาศัยมูลละเมิดอันเกิดจากการก่อสร้างทางในที่ดินพิพาทมาเป็นข้ออ้างเพื่อเป็นหลักแห่งข้อหา ฉะนั้นปัญหาตามคำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ในสำนวนหลังจึงเป็นประเด็นแห่งคดีเหมือนกันกับสำนวนแรกจึงต้องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในปัญหาดังกล่าวซ้ำอีกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 วรรคหนึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะยกเรื่องมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองขึ้นต่อสู้อีกไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ว่า มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำและฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองจึงชอบแล้ว
of 9